ชายคนหนึ่งที่เดินผ่านรถโมบายที่จอดให้บริการที่ริมคลองหลอด ชายคนนั้นเดินผ่านโดยไม่รับรู้สังคมรอบนอก การแต่งกายของเขาคือกางเกงที่ขาด เห็นก้น บางวันมีเสื้อ บางวันไม่มีเสื้อ ผมฟูแบบไม่ได้สระมาเป็นปี หน้าตาดำ คนที่เดินผ่านสวนทางกับเขาก็ไม่มีใครกล้าเขาใกล้ แต่เจ้าหน้าที่บนรถโมบาย ตัดสินใจกันว่าต้องลองทักดู จังหวะที่เขาเดินผ่านมา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนขนมให้ เขาหยุดแต่ไม่มอง ไม่หยิบแล้วเดินไป พอมาใหม่ลองใหม่ คราวนี้หยิบแล้วรีบเดิน เจ้าหน้าที่พอเจอพยายามยิ้ม พยายามทัก จนวันหนึ่งเขายอมให้ถ่ายรูป ยอมพูดถามคำตอบคำ ณ วันนี้เป็นเวลากว่า 3 เดือน พัฒนาการของเขาคือ มายกมือไหว้ ถามชื่อพี่ ๆ ที่อยู่บนรถโมบาย ขอเงินซื้อข้าว รู้จักต่อแถวซื้อข้าว นี้แหละคือนิมิตรหมายที่ดี ของการทำงานกับคนที่เป็นผู้ป่วยข้างถนน (หรือสังคมเรียกว่าคนบ้า) อิสรชนทำงานกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ร่วมทุกกลุ่ม ทุกคนที่อยู่ในที่สาธารณะ ร่วมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้ายที่ถูกญาติเอามาทิ้งไว้ตามข้างถนนพร้อมถุงยาเจอเร็วก็ประสานงานส่งต่อไป แต่เจอช้าไม่เกิน 30 นาทีก็เสียชีวิต ภายหลังมูลนิธิกระจกเงาเริ่มลงมาศึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยข้างถนน ของน้องปุ้ย ก็ทำงานร่วมมือกันมา ทั้งบ้านมิตรไมตรีที่เป็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การประสานส่งต่อ เข้าสู่กระบวนการรักษา การส่งกลับบ้าน การตามญาติ ต่างเป็นกระบวนการทำงานร่วมมือกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ณ วันนี้ ที่สนามหลวง ผู้ป่วยเริ่มเพิ่มมากขึ้น หลังจากการประกาศปิดสนามหลวง คนเร่ร่อน คนไร้บ้าน หรือผู้ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ที่ร่วมอยู่ในผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ก็ขยับขยายช่วยเหลือตัวเองไปตามที่ต่าง ๆ หรืออยู่บริเวณโดยรอบ แต่ภาพที่ชัดคือ คนป่วยทางจิต คนป่วยทางสมอง คนป่วยที่เป็นพิษสุราเรื้อรัง ที่ไม่รู้ว่าป่วย ไม่มีใครสนใจ กลัวคนรอบข้าง สังคมเองก็กลัว บางคนมองด้วยว่าไอ้คนนี้มันแกล้งบ้าหรือเปล่า อิสรชนกับกระจกเงา พยายามย้ำภาพให้ผู้บริหารกรุงเทพฯเห็น แต่เหมือนเขาแค่เห็นจริง ๆ เพราะความเป็นจริง เขาก็ยังมุ่งที่จะพัฒนาทางด้านวัตถุมากกว่าที่จะเริ่มพัฒนากับคนก่อน กับงบประมาณกว่า 180 ล้าน แต่ไม่มีงบประมาณบริหารจัดการดูแลคนที่ได้รับบาดเจ็บจากสังคม หรือเขาคนนั้นไม่ว่าจะเป็นมาอย่างไรเขาก็คือพลเมืองคนหนึ่งของสังคมไทย นักโทษเมื่อผิดรับโทษก็ให้อภัย แต่คนเหล่านี้เขาไม่ได้ผิด แต่กลับไม่ได้รับการมองเห็น
การที่ผู้เขียนต้องการสื่อว่า วันนี้การหวังการดูแลจากผู้บริหารอาจจะเป็นไปได้ยาก เพราะน้อยนักที่เขาจะเป็นคนจน คนยากไร้ หรือคนที่บาดเจ็บ เพราะเขาไม่ได้มองว่าเป็นพลเมืองเท่ากันเหมือนเขา แต่สิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อ คือ เราในฐานะพลเมืองด้วยกัน สามารถช่วยกันได้ เพียงคุณมองเห็น อย่ากลัว แม้เขาจะบ้า แต่ให้รู้ไว้ว่าเขาป่วย และไม่รู้ว่าตัวเองป่วย ไม่รู้ว่าจะเดินไปโรงพยาบาลอย่างไร แต่เราช่วยกันประสานงานได้ ไม่ว่าจะเป็น มูลนิธิกระจกเงา สมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน บ้านมิตรไมตรี กรุงเทพ หรือเพียงคุณยิ้มให้เขา ทำให้เขารับรู้ว่าคุณเห็นเขาเขามีตัวตนในสังคม ไม่เฉพาะผู้ป่วย แต่คนทุกคนที่ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ หรือแม้แต่คนรอบข้างเราเอง
ผู้ที่ตั้งใจ จะบริจาคเงินเพื่อร่วมสนับสนุนการทำงาน ของ สมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน(องค์กรสาธารณประโยชน์) เพื่อนำไปดำเนินกิจกรรมในโครงการต่าง ๆ เพื่อคนยากไร้ คนเร่ร่อนไร้บ้าน เด็กและเยาวชนทั้งในชนบทและในชุมชนแออัดทั่วประเทศท่านสามารถ ร่วมบริจาคได้ที่
ธนาคารกรุงไทย สาขา พระปิ่นเกล้า เลขที่ 031-0-03432-9
ธนาคารกรุงเทพ สาขามีนบุรี เลขที่ 145-5-24762-5
ธนาคารกสิกรไทย สาขา ปิ่นเกล้า เลขที่ 706-2-33411-2
ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาบิ๊กซี ติวานนท์(SICOTHBK) เลขที่ 382-217647-5
ทุกบัญชี ชื่อบัญชี “สมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน”
อัจฉรา สรวารี : เขียนและเรียบเรียง