ความสุขที่ยืนยาวคือการก้าวพ้นการปลอมแปลง


พระสอนว่าใบหน้าคือความสวยด้านนอกไม่มากอะไรก็ได้ แต่จิตใจต้องตกแต่งให้ดูดีสวยงามด้วยความดี ...ดังนั้นทางที่ดีเราควรคิดถึงส่วนดีของเราที่เรามี ชื่นชมและภาคภูมิใจเราตามความเป็นจริงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าตา การศึกษา ชุดแต่งกายหรืออะไรมากมายนัก... ทำงานอะไรก็ทำเต็มความสามารถได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น จะได้ภูมิใจในตัวเอง

                 คนเรานี้บางทีก็น่าสงสาร ทำไมเราต้องมีความเครียด ทำไมเราต้องมีความกังวลใจ ความกลัวเขาว่าและความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับได้ว่าล้วนเป็นตัวบั่นทอนความสุขใจ
           ในแต่ละวันก่อนออกจากบ้าน เราต้องหาอะไรมาเติมแต่งปกปิดรอยย่นบนใบหน้าเฉลี่ยเดือนละหลายร้อยหลายพัน บางคนแม้นยังสาวแต่ก็ยังไม่กล้าให้คนเห็นสีผิวแห่งใบหน้าที่แท้จริงต้องเสียเงินค่าเสริมความงามของใบหน้าดวงตาคิ้วและริมฝีปาก จนเป็นค่านิยมของคนเกือบทั่วโลกว่า ใบหน้าต้องแต่งเติมทุกวัน ริมฝีปากต้องดูดี ชุดที่ใส่ต้องดูดีสวยงาม บางวันเปลี่ยนชุดสองสามครั้งกว่าจะกล้าออกจากบ้านก็มี ในแต่ละวันเราเครียด บางคนเครียดมาก บางคนเครียดน้อย กังวลมากกังวลน้อยกับการปลอมแปลงตัวก่อนออกจากบ้านเพื่อเจอผู้คน.....
          ครั้นออกจากบ้านถึงที่ทำงานเราระแวงกลัวเจ้านายจะว่า กลัวเพื่อนจะนินทา จึงทำให้เราขาดความสุขที่ควรจะได้ในชีวิต ถ้ามีคนมองเราจะเริ่มระแวงและเริ่มกังวลว่าเรามีอะไรผิดไหม ความคิดเริ่มไม่มันใจในตนเองเพิ่มขึ้นทวีคูณ แทนที่จะชมตนเองว่า "วันนี้ดีจังมีคนสนใจ" กลับเป็นกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
           บางคนรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยสู้คนอื่นไม่ได้ มีแต่ความโชคร้ายในชีวิต จนกลายเป็นว่าเหมือนกับเราชังตัวเอง ทำไมเราไม่รักตัวเราเอง ทำไมเราไม่ให้กำลังใจตัวเอง ทำไมเราไม่อดทนในสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยิ่งเราไม่ยอมรับความจริง เราชอบของปลอมชอบความเสแสร้ง แม้แต่ใบหน้าคิ้วตาก็ถุกปกปิดฉาบทาด้วยเครื่องสำอางและไม่ถึงวันมันก็หลุดออก เราจึงต้องเติมแต่งเติมของปลอมคลุมพวกนี้ไว้อีกเพื่อจะลดปมด้อยนั้นๆไว้ให้เป็นปมเด่น
           พระสอนว่าใบหน้าที่สวยงามที่แท้คือความสวยด้านนอกไม่มากอะไรก็ได้ แต่จิตใจต้องตกแต่งให้ดูดีสวยงามด้วยความดี ...ดังนั้นทางที่ดีเราควรคิดถึงส่วนดีของเราที่เรามีอยู่ ฝึกคิดชื่นชมและภาคภูมิใจเราตามความเป็นจริงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าตา การศึกษา ชุดแต่งกายหรืออะไรมากมายนัก... ทำงานอะไรก็ทำเต็มความสามารถได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น จะได้ภูมิใจในตัวเอง
          ลดความหวาดระแวง พูดชมคนอื่นเป็น รักตัวเองให้เป็น ทำตนเองให้มีระเบียบ คิดกว้าง รักตนเองแล้วจงหัดทำสิ่งดีๆให้กับตนเอง ทั้งด้านความคิดคำพูดและการกระทำ  ทำตนเองให้มีสิ่งดีๆดีมากขึ้น น่าคบค้าสมาคมมากขึ้น ใครๆก็รักคนดีมิใช่หรือ ชีวิตที่สมดุลจะมีความสุขที่ยืนยาว ความคิดคิดหลายครั้งต่อไปจะเป็นคำพูด คำพูดๆบ่อยๆจะเป็นการกระทำ ทำบ่อยๆจะเป็นนิสัย ดังนั้นจกเป้นคนดีต้องคิดเรื่องดี พูดเรื่องดี ทำเรื่องดีแล้วความสุขจะตามมา
             ดังพุทธภาษิตในพระพุทธศาสนาในธรรมบทสอนไว้ว่า 
                     "มโนปุพฺพํคมา ธมฺมา   มโนเสฎฺฐา มโนมยา  
                      มนสา เจ ปสนฺเนน       ภาสติ วา กโรติ  วา
                      ตโต นํ  สุขมเนวติ        ฉายาว อนุปายินีติ"
                "ธรรมทั้งหลาย  มีใจเป็นหัวหน้า  มีใจเป็นใหญ่
                สำเร็จแล้วด้วยใจ,  ถ้าบุคคลมีใจดี  พูดอยู่ก็ดี
                ทำอยู่ก็ดี,  สุขย่อมไปตามเขา เพราะเหตุ(แห่งใจดี)นั้น
                ดุจเงาไปตามตัว ฉันนั้น."
          ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า "ความสุขความทุกข์อยู่ที่ใจ ใจเป็นผู้คิด ใจคิดดีก็เป็นสุข.....ใจคิดชั่วก็เป็นทุกข์ ถ้าเราเปลี่ยนคนไม่ได้ ทำไมเราไม่ลองเปลี่ยนใจเราให้คิดดีแทน จะได้มีความสุขใจที่แท้จริง ไม่ต้องรอใครมากำหนด "...

 

(Relax or serious )

หมายเลขบันทึก: 398995เขียนเมื่อ 28 กันยายน 2010 05:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:34 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราถูกสอนให้ตกอยู่ใน "ความกลัว"ทั้งหลาย เช่นกลัวคนไม่รัก กลัวคนต่อว่า กลัวว่าไม่สวย ไม่หล่อ จึงต้องตกต้องแต่งต้องทำหลายอย่างเพื่อความั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท