แบบแผนการวิจัย


องค์ประกอบ

พบกันอีกแล้วคราวนี้นำเรื่องของแบบแผนการวิจัยมาให้อ่านกันค่ะ

แบบแผนการวิจัย

 ความหมายและลักษณะ

แบบแผนการวิจัย(Research design)  หมายถึง  แผนหรือโครงสร้างของการศึกษา เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบของคำถามการวิจัย

 วัตถุประสงค์ของแบบแผนการวิจัย

       1.  เพื่อจัดเตรียมคำตอบให้กับคำถามการวิจัย

       2.  เพื่อควบคุมความแปรปรวน

ความตรงภายในและความตรงภายนอกของการวิจัย

       ความตรงภายใน ของการวิจัย  หมายถึง  ผลของการวิจัยครั้งนั้นๆ ตอบคำถามการวิจัยได้อย่างถูกต้องหมดจด โดยที่ผลการวิจัยดังกล่าวเป็นผลมาจากตัวแปรที่นักวิจัยทำการศึกษาอย่างแท้จริง มิใช่เป็นผลมาจากตัวแปรอื่นที่นักวิจัยไม่ได้ทำการศึกษา

       ความตรงภายนอก ของการวิจัย  หมายถึง  ผลของการวิจัยที่ค้นพบสามารถสรุปอ้างอิง (Generalization) ไปสู่ประชากรเงื่อนไขเดียวกับที่ทำการวิจัย หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า ข้อค้นพบจากการวิจัยในครั้งนั้นๆ สามารถนำไปสรุปใช้ได้กับสถานการณ์หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่มีลักษณะเงื่อนไขเดียวกันกับการวิจัยครั้งนี้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความตรงภายในและความตรงภายนอกของการวิจัย

       1.  ปัจจัยที่ส่งผลต่อความตรงภายในของการวิจัย

            1.1  ประวัติพร้อง (Contemporary)  หมายถึง  สิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนหรือเกิดขึ้นในขณะทำการวิจัยกับบุคคลที่เป็นตัวอย่าง/หน่วยทดลอง 

            1.2  กระบวนการวุฒิภาวะ (Maturation process)  เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางชีววิทยาและจิตวิทยาที่เกิดขึ้นกับตัวบุคคลที่เป็นหน่วยการศึกษาหรือหน่วยตัวอย่าง  อันเนื่องมาจากระยะเวลาที่นักวิจัยทำการศึกษาค่อนข้างยาวนาน  จนกระทั่งทำให้บุคคลดังกล่าวแสดงอาการตอบสนองเปลี่ยนแปลงไป

            1.3  แนวทางการทดสอบก่อน (Pretesting procedures)  ปัจจัยนี้จะเกิดขึ้นเมื่อในการวิจัยนั้นมีการสอบวัดความรู้หรือทักษะของบุคคลที่เป็นหน่วยตัวอย่างก่อนที่จะทำการทดลอง และเมื่อดำเนินการทดลองเสร็จแล้วสอบวัดความรู้อีกครั้ง  ซึ่งการที่นักวิจัยสรุปว่าผลจากการดำเนินกิจกรรมทดลองทำให้บุคคลเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอาจจะคลาดเคลื่อน  ถ้าบุคคลเหล่านั้นนำประสบการณ์จากการสอบครั้งแรกมาใช้ตอบสนองการสอบครั้งหลัง

            1.4  เครื่องมือการวัด (Measuring instrument) การใช้เครื่องมือและวิธีการที่ไม่ดีหรือไม่มีคุณภาพในการสังเกต/วัด  เก็บรวบรวมข้อมูลของตัวแปรที่ทำการศึกษากับบุคคลที่เป็นหน่วยตัวอย่าง อาจมีผลทำให้ได้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงและนำไปสู่การสรุปผลการวิจัยที่ผิดพลาด

            1.5  การถดถอยทางสถิติ (Statistical regression)  เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความตรงภายในเมื่อในการวิจัยนั้นมีการสอบวัดสองครั้งกับบุคคลซึ่งเป็นหน่วยตัวอย่าง โดยในการสอบครั้งแรกจะมีบุคคลที่ได้คะแนนสุดโต่ง คือ กลุ่มสูงและกลุ่มต่ำ  หลังจากนั้นให้ทั้งสองกลุ่มได้รับเงื่อนไข  สอบวัดอีกครั้งซึ่งในการสอบครั้งหลังนี้กลุ่มต่ำมักทำคะแนนได้ดีขึ้น ขณะที่กลุ่มสูงคะแนนจะลดลง  ลักษณะเช่นนี้จะเห็นว่าจะเกิดแนวโน้มของคะแนนจากการสอบวัดครั้งหลังนี้ลู่เข้าสู่คะแนนเฉลี่ยที่แท้จริง

             1.6  การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่มีความแตกต่าง (Differential selection of subjects)  บางครั้งการวิจัยมักเกิดความผิดพลาด  อันเนื่องมาจากการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ดีหรือได้กลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกันตามพื้นฐานแต่เดิม

             1.7  การขาดหายไปจากการทดลอง (Experimental mortality)  มักพบในงานวิจัยเชิงทดลองบางครั้งกลุ่มตัวอย่างได้ขาดหายไปในช่วงของการทดลอง ซึ่งมีผลทำให้ข้อค้นพบของการวิจัยผิดไปจากความเป็นจริง

             1.8  ปฏิสัมพันธ์ร่วมระหว่างการคัดเลือกตัวอย่างกับปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา (Interaction of selection and maturation, selection and history. Etc.)  ในงานวิจัยถ้าใช้วิธีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยไม่ดี ย่อมทำให้มีผลจากปัจจัยอื่นๆ ที่ติดมากับกลุ่มตัวอย่างที่คัดเลือกไว้มา  ร่วมส่งผลต่อตัวแปรตามที่ศึกษาด้วยเสมอ  เช่น ถ้าใช้วิธีการคัดเลือกไม่ดีก็อาจได้กลุ่มตัวอย่างที่มีวุฒิภาวะต่างกันหรือประวัติพร้องต่างกัน  ซึ่งทั้งวุฒิภาวะและประวัติพร้องต่างก็มีผลต่อตัวแปรตามทั้งสิ้น

       2.  ปัจจัยที่มีผลต่อความตรงภายนอกของการวิจัย

            2.1  ปฏิสัมพันธ์ของความลำเอียงในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างกับตัวแปรอิสระที่ต้องการศึกษา (Interaction effects of selection biases and x)  กรณีที่กลุ่มตัวอย่างที่เลือกมาไม่เป็นตัวแทนที่ดีของประชากร เมื่อนำกลุ่มตัวอย่างมาใช้ในการวิจัยและได้ผลการวิจัยเป็นเช่นไร  การจะสรุปผลไปยังประชากรจะมีความผิดพลาดเป็นอย่างมาก

            2.2  ปฏิสัมพันธ์ร่วมจากการทดสอบก่อน (Reactive or interaction effect of pretesting)  ในกรณีงานวิจัยที่มีการทดสอบก่อน  ก่อนที่จะให้เงื่อนไขการทดลองหรือตัวแปรอิสระใดๆ ก็ตาม ผลการทดสอบก่อนนี้อาจจะทำให้กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเกิดการเรียนรู้หรือมีความฉลาดมากขึ้นจากการสอบ (Test wise)

            2.3  ปฏิกิริยาร่วมจากวิธีดำเนินการทดลอง (Reactive effects of experimental procedures) การที่กลุ่มตัวอย่างรู้ตัวว่านักวิจัยต้องการข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามปกติของกลุ่มตัวอย่าง  อาจทำให้กลุ่มตัวอย่างเสแสร้งและแสดงพฤติกรรมที่ผิดไปจากปกติ เพื่อให้นักวิจัยพอใจหรือเป็นไปตามที่นักวิจัยต้องการ ก็จะทำให้ได้ผลการวิจัยไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งก็ไม่สามารถสรุปไปสู่ประชากรได้

             2.4  การรบกวนหรือปนเปเนื่องจากเงื่อนไขการทดลองที่มีมาก (Multiple-treatment interference) กรณีงานวิจัยที่ให้เงื่อนไขการทดลองหลายๆ เงื่อนไขกับตัวอย่างในงานวิจัยกลุ่มเดียวทำให้อิทธิพลของเงื่อนไขการทดลองแต่ละเงื่อนไขร่วมกันส่งผลต่อตัวแปรตามยากต่อการจำแนก

องค์ประกอบสำคัญในแบบแผนการวิจัย 

            ในการออกแบบแผนการวิจัยนั้นมีองค์ประกอบที่สำคัญๆ บางส่วนที่ควรจะมี  ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้มักจะเป็นปัญหาค่อนข้างมากสำหรับผู้ที่เริ่มทำวิจัย  องค์ประกอบดังกล่าว ได้แก่

            1.  โจทย์วิจัยและคำถามการวิจัย (Research problem and question)  ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด  เพราะการทำวิจัยจะทำไม่ได้เลยหรือถ้าหากทำได้ก็เป็นการทำที่ผิดทิศทาง  ถ้านักวิจัยไม่มีโจทย์หรือคำถามการวิจัยที่ชัดเจน  ทั้งนี้เนื่องจากการทำวิจัยนั้นจะเริ่มจากความสงสัย การมีปัญหาใคร่รู้คำตอบเกี่ยวกับตัวแปรหรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร  ดังนั้นหากไม่สงสัยหรือไม่มีโจทย์เสียแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำการวิจัยไปเพื่ออะไร

                            2.  กรอบเชิงทฤษฎีและกรอบแนวคิด (Theoretical and conceptual framework)  ในการดำเนินงานวิจัยเรื่องใดๆ ก็ตาม  ปัญหาการวิจัยและแนวทางที่จะหาคำตอบให้กับปัญหามิได้เกิดมาบนความว่างเปล่า  หากล้วนแต่ต้องมีพื้นฐานที่มาที่จะช่วยอธิบายเชื่อมโยงระหว่างปรากฏการณ์หรือตัวแปรต่างๆ  ที่ผู้วิจัยสนใจศึกษาหาคำตอบ  ซึ่งพื้นฐานดังกล่าว ได้แก่  ทฤษฎีและข้อค้นพบบางอย่างจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์หรือตัวแปรที่ผู้วิจัยจะศึกษา  ถ้าทฤษฎีและข้อค้นพบจากงานวิจัย (เดิม) นี้ มีการเขียนในลักษณะเป็นรูปแบบหรือแบบจำลอง  รูปแบบหรือแบบจำลองนี้ก็คือ กรอบเชิงทฤษฎี (Theoretical framework) นั่นเอง 

            สำหรับกรอบแนวคิดการวิจัย (conceptual framework)  นั้นก็คือ  กรอบเชิงทฤษฎีที่ลดรูปลงมาเพื่อใช้สำหรับการวิจัยในเรื่องนั้นๆ  กล่าวคือ  ในขณะที่กรองเชิงทฤษฎีได้แสดงให้เห็นถึงปัจจัยหรือความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งหมดที่นักวิจัยต้องศึกษาที่มาจากทฤษฎีแนวคิดและผลงานวิจัยต่างๆ   ที่เกี่ยวข้อง  แต่เมื่อดำเนินการวิจัยในเรื่องดังกล่าว  นักวิจัยได้พิจารณาลดตัวแปรบางตัวลง หรือทำให้ตัวแปรบางตัวเป็นตัวแปรคงที่  จึงทำการปรับกรอบเชิงทฤษฎีใหม่ก็จะได้เป็นกรอบแนวคิดการวิจัย (conceptual framework)  สำหรับการวิจัยในเรื่องนั้นๆ

            3.ขอบเขต (Scope)  ข้อจำกัด (Limitation) และข้อตกลงเบื้องต้น (Basic assumption) จากกรณีที่นักวิจัยทำการลดรูปกรอบเชิงทฤษฎีเป็นกรอบแนวคิดการวิจัยดังในหัวข้อที่ผ่านมาก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงขอบเขต (Scope)  ของการวิจัย  นั่นคือ  ถ้าผลการวิจัยเป็นเช่นไรแล้วจะมีขอบเขตในการสรุปอ้างอิงไปสู่เฉพาะนักเรียนในกลุ่มนี้เท่านั้น  หากมีปัจจัยหรือตัวแปรที่ไม่ได้ศึกษา (ทั้งๆ ที่มีความสัมพันธ์กับปัจจัยหรือตัวแปรที่ศึกษา)  ต้องระบุเป็น ข้อจำกัด (Limitation) ของการวิจัยครั้งนี้ด้วย  นอกจากนั้นแล้วถ้านักวิจัยระบุว่าปัจจัยหรือตัวแปรที่ไม่ได้นำเข้ามาศึกษาในครั้งนี้มีผลอย่างสุ่มหรือผลคงที่กับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้  การระบุเช่นนี้ก็เรียกว่า ข้อตกลงเบื้องต้น (Basic assumption)

          4.  กรอบการวิจัย (Research flow chart)  กรอบการวิจัยหรืออาจจะเรียกว่า กรอบวิธีดำเนินการวิจัย  หมายถึง  แผนภูมิที่เขียนขึ้นในลักษณะเป็นผังไหล (flow chart)  แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนกิจกรรมและผลที่จะได้รับจากการดำเนินการวิจัยในแต่ละขั้นตอน  เพื่อสื่อให้ผู้อ่านงานวิจัยเกิดความคิดรวบยอด (Concept)  เข้าใจภาพรวมทั้งหมดของการดำเนินงานวิจัยในเรื่องนั้นๆ

เอกสารอ้างอิง
รัตนะ บัวสนธ์. (2551).  ปรัชญาวิจัย (Philosophy of Research). กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์แห่ง

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรุณี  อ่อนสวัสดิ์. (2553).  เอกสารประกอบการบรรยาย วิชา ระเบียบวิธีวิจัยขั้นสูง (390611).

พิษณุโลก. มหาวิทยาลัยนเรศวร.

 

คราวหน้าพบกันใหม่นะคะ

                                    ครูปองค่ะ

หมายเลขบันทึก: 398993เขียนเมื่อ 28 กันยายน 2010 05:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 07:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อยากสอบทราบอาจารย์หน่อยคะว่า วิวัฒนาการของการวิจัยคืออะไรคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท