กำแพงเพชร เราเริ่มต้นทำซึ่งสมัยนั้นเราก็ไม่เรียกว่า KM ก็ต้องการทำเพียงแค่ “ทำอย่างไรให้องค์กร เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้” ซึ่งภาษาทางการ ทำงานทางเทคนิคเรียกว่า Learning Orgarnization ทีนี้การที่จะทำให้เกิด LO ได้นั้น ก็ต้องถามต่อว่า “ในขณะนี้ ในการทำงานขององค์กรเรานั้น ใช้อะไร? เป็นตัวความรู้ในการทำงาน” เช่น การระดมความรู้เจ้าหน้าที่ที่มีความถนัด ในแต่ละเรื่อง เช่น บางคนก็บอกว่า “ต้องใช้แผนครับ” มีคนบอกว่า “ใช้ข้อมูล ในการทำงานครับ” บางกลุ่มก็บอกว่า “ต้องใช้แนวทางพัฒนาการเกษตรกครับ” บางอย่างต้องมี “ฐานกลุ่มก่อนครับ” ต้องเอาข้อมูลจากฐานครับ จากกลุ่มครับ ต้องใช้เทคโนโลยีครับ…
สิ่งพวกนี้ก็เป็นตัวความรู้เก่าที่มีอยู่ในขณะทำงาน เพราะเราเชื่อว่า “ทุกคนทำงานก็ต้องใช้ความรู้ในการทำงาน” สิ่งพวกนี้ก็สามารถรวบรวมเป็นลักษณะความรู้องค์รวมของสำนักงานได้ว่า “สรุปแล้ว…ในเรื่องงานส่งเสริมการเกษตรของเรานั้น…ในการทำงานส่งเสริมการเกษตรเราต้องใช้ความรู้อะไรบ้าง? ในการเข้าไปทำงาน”
ซึ่งทีมงานของจังหวัดกำแพงเพชรในขณะนั้นก็สรุปออกมาว่า “เป็น 7 องค์ประกอบหลักครับ” ซึ่งผมคงไม่ทบทวนว่า 7 องค์ประกอบหลักมีอะไรบ้าง ถามว่า “สิ่งพวกนี้มันออกมาได้ยังงัย?” ซึ่งมันก็ออกมาโดยใช้กระบวน ซึ่งในขณะนั้นก็อาจจะใช้ KM แต่เราก็อาจจะยังไปไม่ถึงก็ได้ เพราะเป็นลักษณะของการคิดแบบใช้ประสบการณ์ หรือเรียกว่าใช้ทักษะก็ได้ ในการทำงานเพื่ออยากจะทำให้ทุกคนปรับวิธีคิดใหม่ก็คือว่า “เราจะไม่ทำงานเพื่อให้เราเสร็จแล้ว แต่เราจะทำงานเพื่อให้ชาวบ้านเขาสำเร็จ” ถึงเป็นวิธีการคิดในการทำเพื่อสร้างความรู้ในองค์รวมไว้ได้
ทีนี้ถามว่า “ไอ้เจ้า 7 องค์ประกอบหลักนี้ เป็นบทสรุปได้อย่างไร?” บทสรุปเรื่องงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละคนซึ่งมีทั้งหมดเกือบ ๆ ร้อยคน สรุปได้ งัยว่า “กำแพงเพชรเราใช้ 7 องค์ประกอบ ในการทำงาน” ซึ่งในขณะนั้น ถ้าเกิดว่าเราใช้วิธีการค้นหาคำตอบด้วยเทคนิคของ PAR แล้วนะ คำตอบพวกนั้นนะ มันเป็นสิ่งที่ยืนยันและมีน้ำหนักมากกว่าที่เราคิดในขณะที่สรุปแบบคร่าว ๆ สรุปโดยไม่ใช้ข้อมูลชัดเจนในลักษณะของการใช้ตัว R เข้าไปใส่ แต่เราใช้โดยการ “น่าจะเป็น น่าจะใช่” มันก็ไม่ได้เป็นคำตอบจากการวิจัย แต่ว่ามันเป็นคำตอบที่ทุกคนเห็นด้วย ถามว่า…สิ่งนี้ คือ สิ่งที่กำแพงเพชรได้ทำในเรื่องที่คล้าย ๆ ทำนอง PAR มาก่อนแล้วก็คือ การค้นหาคำตอบร่วมกันก็คือ ตัว P การเข้าไปลองทำ เช่น เริ่มจากการลองทำในเรื่องของการจัดทำแผนพัฒนาตำบล การจัดทำแนวทางพัฒนาตำบล ทำแล้วก็ “อ๋อ…มันใช่นี่” มันสามารถใช้ข้อมูลตัวนี้ในการเดินต่อในเรื่องของการกำหนดแนวทางส่งเสริมการเกษตร การเข้าไปทำกลุ่มใหม่ ไปวิเคราะห์กลุ่ม หาแผนของกลุ่ม และคำตอบออกมา “มันก็ใช่” ซึ่งตัวนี้ก็คือ ข้อมูลหนึ่งที่จะมาประกอบว่า “แผนพัฒนาการเกษตร ควรจะเป็นในทิศทางไหน เมื่อลูกค้าเราต้องการอย่างนี้แล้ว” ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือ การคิดในเชิงการใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการกระทำด้วย “การทดลองทำจริง ในผู้ที่เกี่ยวข้อง” ซึ่งมันไม่มีตัว R มาอยู่ในขณะนั้น แค่นั้นเอง งานวิจัยในเชิงวิทยาศาสตร์เราไม่มีคำตอบว่า “อ๋อ…สรุปแล้วต้องทำอย่างนี้ มีคนตอบกี่เปอร์เซ็นต์” ซึ่งไม่ได้ตอบมาแค่นั้นเองนะครับ
อันนี้เป็นการเริ่มต้นในการทำงาน PAR ของจังหวัดกำแพงเพชร ในขณะเดียวกันก็ใช้เทคนิคของ KM ในเรื่องของการระดมหาความรู้ที่มีอยู่ใน ตัวตนของเจ้าหน้าที่ เอาความรู้พวกที่มีอยู่นั้นมาเชื่อมต่อกันเป็นความรู้ขององค์กรเพื่อให้องค์กรนี้มีความรู้ในการทำงานเพื่อบริการลูกค้าได้ถูกต้อง.
ถ้าหลักธรรมทางพุทธศาสนา ก็จะพูดว่า...ทำดีแล้วให้ละครับ