การสไตรค์ที่ดำเนินไปเกือบ 2 สัปดาห์ ทำให้ดิฉันต้องอยู่ที่บ้านพักรับรองของมหาวิทยาลัยนานกว่าปกติ เพราะไม่รู้จะไปทางไหนต่อ อาจารย์ผู้ดูแลนักศึกษาต่างชาติก็ไม่อยู่ให้พบขอคำปรึกษา จนเช้าวันหนึ่งผู้จัดการบ้านพักรับรองก็บอกด้วยสีหน้าค่อนข้างมึนตึงว่า คุณจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วเพราะเกินกำหนด ที่นี่เป็นบ้านพักรับรองชั่วคราวเท่านั้น แม้สำเนียงอังกฤษแบบแขกยังดูแปร่ง ๆอยู่บ้าง แต่เนื้อความมันเด่นชัดมากสำหรับดิฉันในตอนนั้น เพราะมันไม่ได้รับรู้แค่เพียงคำพูด แต่มันลึกเข้าไปถึงข้างในใจ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกอัปเปหิและเป็นในที่ที่เราไม่มีใครเลย ความรู้สึกของดิฉันในตอนนั้นมันแย่มากจริง ๆ แต่ก็พยายามกักขังความน้อยใจเอาไว้ข้างในจนสุดชีวิต และตัดสินใจไปหาเพื่อนสาวชาวมณีปุรีที่เพิ่งรู้จักกันเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่าอับจนหนทางแล้วจริง ๆ Romy พาดิฉันไปติดต่อที่หอพักหญิงของมหาวิทยาลัยเพื่อขอเข้าพัก แต่ด้วยระเบียบเงื่อนไขต่าง ๆที่ไม่น่าจะอยู่ได้แบบอิสระนัก ดิฉันจึงตัดสินใจขอให้พาไปหาบ้านเช่าข้างนอก เมื่อลองไปดูหลายแห่งก็พบว่ามีที่หนึ่งซึ่งน่าจะ โอเค แต่เมื่อเรากลับไปอีกครั้งเจ้าของกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ทำให้ดิฉันรู้จักตรรกะแบบอินเดียมากขึ้นว่า เมื่อกี้มาดูแล้วไม่เอาตอนนี้ก็ไม่ให้เช่าแล้ว
ความน้อยใจจากการถูกไล่ออกจากบ้านพักรับรอง ผนวกกับความเหนื่อยจากการหาบ้านเช่ามาทั้งวันและความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา ที่มีเงินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จู่โจมเข้ามาอย่างรุนแรงจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จำได้ว่านั่งร้องไห้แบบไม่อายใครเลยท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาเหมือนจะช่วยกลบเกลื่อนหยดน้ำตาของเรา จนเมื่อหยดน้ำตาเหือดหายไปพร้อมกับสายฝนก็ได้ยินเสียงเพื่อนสาวชาวมณีปุรีแว่วมาว่า ไปอยู่กับเราก่อนก็ได้ เป็นเสมือนเสียงทิพย์ที่ชโลมใจฝ่อ ๆให้ฟองขึ้นได้บ้างในวันนั้น
จนเมื่อกระเป๋าสัมภาระที่หนักอึ้งของดิฉันถูกลากขึ้นไปถึงห้องใต้หลังคาของบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไรนัก ดิฉันก็ได้ค้นพบว่าห้องเช่าที่ค่อนข้างเก่า อึมครึมและไม่กว้างขวางนัก กับเพื่อนที่ดีมีน้ำใจ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์ได้ไม่ยาก ในยามที่หัวใจเราอ่อนล้า
ไม่มีความเห็น