อันที่จริงออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 กย. 2553 โดยเครื่องบิน Air asia แบบ low cost ของสยามเรานี่เองค่ะ จากเชียงใหม่ ไปกรุงเทพฯ ก่อน เครื่อง 19.55 ถึงสุวรรณภูมิ 21.15 ทีนี้ก่อนเดินทางปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์สำคัญนั่นก็คือ Food Poinsoning เนื่องจากก่อนเดินทาง 1 วัน กินกาละแมของฝากที่ขึ้นรา คือกินไม่ดูค่ะ ไม่เห็นเลยว่ามีสปอร์ของราอยู่เต็มไปหมด ตอนเคี้ยวก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันแต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นรสชาติใหม่ของกาละแม (ฮ่า) พอดีคนที่จะมากินต่อเค้าเห็นซะก่อนก็เลยหยุดการกินแค่ 1 อัน ก็คิดว่าไม่เป็นไร อีกวัน (วันที่จะเดินทาง)ได้เรื่องเลยค่ะ ก็จู้ดจู้ดไป 1 รอบ แต่ท้องเจ้ากรรมปวดมากมาก ปวดเป็นพักพัก ก็เลยจับตัวเองกิน Buscopan tab 2 tab stat 2 ชั่วโมงผ่านไป ไม่ดีขึ้น ทำไงดี ขอฉีด Buscopan inj IM 1 amp 2 ชั่วโมงผ่านไป ดีขึ้นบ้างแต่ไม่หายขาด ทำไงดี จะเดินทางอยู่แล้ว โค้งสุดท้ายก็ได้ Buscopan inj IV อีก 1 amp ก็ดีขึ้นกว่าเดิมอีกนิดนึง คือ วันนั้นมียา Buscopan อยู่ในตัวเยอะมาก แห้งไปหมดทั้งตัว และก็พยายามกิน ORS เพื่อทดแทนการเสียน้ำอีก ทำไงได้ต้องเดินทาง เลื่อนก็ไม่ได้ เลิกก็ไม่ได้...ก็ยังไม่หายขาดค่ะ เดินทางจากลำปางล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมเล็กน้อยแต่ก็ทันขึ้นเครื่อง แบบเพลียสุดสุด สู้ตาย...ไปกัน
ขึ้นเครื่องไปของ TG ค่ะ TG 910 01.10 ถึง Heatrow 07.15 วันเดียวกัน (9 กย. 2553) เวลาของ London เร็วกว่าบ้านเรา 6 ชั่วโมงค่ะ ไปครั้งนี้ได้ตั๋วราคาพิเศษ 29,900 บาท ไป กลับ ไม่มีไมล์สะสม ทำ internet check in มาจากบ้านเลือกที่นั่ง Window คือกะไม่สุงสิงกับใคร ขอนอนลูกเดียว ต้องนอนเอาแรงให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน เดี๋ยวไปตั้งต้นเอาที่ London เจอที่นั่งตัวเองปุ๊ป นอนทันที หลับทันทีค่ะเพราะเพลียมาก กินยานอนหลับช่วยอีก 1 เม็ด คิดอยู่เหมือนกันว่าคนที่นั่งใกล้ๆ เค้าจะคิดว่าเรานอนหรือเราตายกันแน่ เพราะคงจะนอนนิ่งมาก ตื่นมาก็ใกล้ถึงแล้วเพราะเค้าเตรียมแจกอาหารอีกรอบ ปกติแล้ว TG จะแจกอาหารอีกครั้ง 2 ชั่วโมง ก่อน Land ค่ะ อ้อ หายปวดท้องแล้ว ไชโย
แต่ทว่า แทนที่เครื่องจะลงแล้วเราจะได้ออกจากเครื่องบินเลย ปรากฏว่ากัปตันก็แจ้งว่า ทางหอบังคับการบินให้อยู่นิ่งๆ บริเวณนี้อีกประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะการจราจรทางอากาศคับคั่งมาก เนื่องจากมีเครื่องบินมากมายมาลงที่สนามบิน Heatrow แห่งนี้ จากนั้นก็ต้องผจญกับ ตม. ที่ Heatrow ซึ่งแถวยาวมาก เราต้องเดินคดเคี้ยวอยู่ในเส้นแถวอีกประมาณ 1 ชั่วโมงถึงจะเจอเจ้าหน้าที่ ซึ่งถาม 2 คำถาม
พอหลุดจาก ตม. ได้ก็ เดินตามทางมาเลยค่ะ มองหาป้าย Under ground เดินตามมาเรื่อยๆ ไกลอยู่เหมือนกันค่ะ แต่เป็นทางเดินสบายๆ ลากกระเป๋ามาเรื่อยๆ เข้าสถานีเลยค่ะ ก่อนอื่นต้องไปซื้อตั๋วก่อน หรือว่าจะซื้อ Oyster Card เลยก็ได้ เราซื้อตั๋วแบบ single ticket จาก Heatrow ไป Kingcross ราคา 4.5 ปอนด์ค่ะ
ซื้อตั๋วจากพนักงานที่จะพูดกับเราผ่านไมค์อันเล็กๆ แต่เสียงดังมาก ได้ตั๋วมา 1 ใบ ก็เอาไปสอดที่ทางเข้าตั๋วก็จะโผล่ขึ้นมา เราก็ดึงตั๋วออก ทางเข้าก็จะเปิดค่ะ เราก็เข้าไปรอเลย เค้าจะมีจอบอกว่าอีกกี่นาทีรถไฟจะมาซึ่งตรงเวลามากมาก พอรถไฟมาถึงเราก็ลากกระเป๋าขึ้นไปเลยค่ะ ในรถไฟก็จะมีที่นั่งว่างมากเพราะเป็นต้นสาย ก็เอากระเป๋าจอดไว้ใกล้ๆ แล้วก็นั่งยาวเลย...นั่งไปซักพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เพราะเราทำ Roaming ไว้ก็เลยรับสายประมาณ 1 นาที โดนไป 58 บาท (GSM) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
นัดพบกับคุณชายที่สถานีรถไฟบนดิน Kingcross คือมันจะเป็นคนละอันกับ Underground นะคะ เราจะต้องออกจาก underground ด้วยตั๋วเดิม ตอนออกมันจะไม่คืนตั๋วให้เรา ก็เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ และแล้วก็เจอกันค่ะ เย้...รอดแล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้ขออธิบายนิดนึงค่ะว่า การเดินทางครั้งนี้มาคนเดียว แต่นัดเจอกันกับคุณชายที่ลอนดอนเพราะคุณชายมาประชุมที่ Scotland ประชุมเสร็จแล้วก็จะมาเจอกันเพื่อท่องเที่ยวที่ London ส่วนการติดต่อกันก็ใช้ SIM ระหว่างประเทศที่ได้รับบริจาคมา คือคนซื้อ SIM อันนี้เค้าซื้อตอนที่ไปยื่นขอวีซ่าที่ VFS มีขายราคาประมาณ 700 กว่าบาท ซึ่งถ้าโทรศัพท์ของใครมีระบบ 3G พอไปถึง London ก็สามารถเปลี่ยนเอา SIM นี้ใช้ได้เลย ค่าโทรกลับเมืองไทยถูกมากมาก ประมาณนาทีละ 4 บาทกว่าๆ แต่ว่า SIM นี้จะมีอายุ 3 เดือนหลัง Register ค่ะ สามารถเติมเงินได้ต่ำสุดทีละ 5 ปอนด์ ใช้เครือข่ายของ IDT Mobile ค่ะ ดังนั้นตอนที่เรานั่งอยู่บนรถไฟเพื่อเดินทางมายัง Kingcross มีการโทรเข้าเบอร์ที่ Roaming ไว้ ก็คือสัญญาณวิ่งไปเมืองไทยก่อนแล้วก็วิ่งมาที่ London อีกที ก็เลยเสียตังค์ 2 เด้งค่ะ
ตอนต่อไป เป็นเรื่องเกี่ยวกับการซื้อ Oyster card และโรงแรมที่พักค่ะ รอติดตามนะคะ
ไม่มีความเห็น