ครบ ๑ สัปดาห์พอดี กับการใคร่ครวญตัดสินใจที่จะเขียนบันทึกนี้ ด้วยความคิด ทั้งคิดบวก คิดลบ คิดใครครวญไตร่ตรองแล้ว จึงตัดสินใจบันทึกไว้เพื่อเตือนตน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก
"ตกลงพี่อิง ส่ง คศ.3 วันไหนคะ จะได้ทำหนังสือนำส่งให้" เจ้านายสาวของฉันถามในตอนเช้าวันจันทร์ วันเริ่มสัปดาห์ใหม่
"อือ...งานเสร็จหมดแล้ว คิดว่าจะไปเอางานวันพรุ่งนี้ค่ะ(วันอังคาร) แต่พี่ไม่ส่งวันพุธนะคะ พี่ไม่ชอบวันพุธ เอายังงี้ดีกว่า พี่ไปไปรับงานที่โรงพิมพ์วันพุธ แล้วก็ส่งเขตวันพฤหัสบดีนะคะ " ฉันอธิบายให้เจ้านายสาวฟัง
เมื่อถึงวันพุธ เพื่อนที่ทำ คศ.3 ด้วยกัน ได้ปรับปรุงเหมือนกัน ก็อาสาจะไปรับงานให้ ซึ่งเป็นโรงพิมพ์ที่อยู่ต่างอำเภอ บ้านของเพื่อนคนนี้อยู่ห่างจากบ้านฉัน ไม่ถึง 10 กิโลเมตร จะให้เพื่อนขับรถย้อนมารับฉันที่บ้าน ก็ดูจะเกรงใจเกินไป
"พี่คะ เกรงใจพี่จังเลย เอางี้นะคะ เดี๋ยวครูอิงขับมอเตอร์ไซด์ไปจอดไว้บ้านพี่ก็แล้วกันนะคะ" ฉันตัดสินใจเช่นนั้น เพราะตอนอยู่โรงเรียนเก่า เคยขับรถจักรยานยนต์ไปกลับอยู่เป็นประจำ จนมองเห็นว่าระยะทางมันใกล้นิดเดียว
กลับจากโรงเรียน ตามเวลาเลิกเรียนปกติ จัดแจงเตรียมอาหารไว้ให้น้องต้นกล้า ลูกชายคนเล็ก พร้อมกับเอ่ยปากชวน น้องต้นน้ำ ลูกชายคนโตให้ไปกับแม่เพราะงานที่จะรับจากโรงพิมพ์คงไม่อาจใส่ตะกร้ารถได้หมด
ฉันและน้องต้นน้ำ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง ตอนแรกฉันสวมกางเกงขาสั้นเลยเข่านิดหน่อย แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ ใจอย่างไรไม่ทราบ กลับเข้าไปเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์หนา พร้อมด้วยเสื้อแขนยาว McJeans ซึ่งเป็นชุดสำหรับขับจักรยานยนต์สมัยสัก 10 ปีก่อน
"ลูก...สวมหมวกกันน็อคหน่อยดีมั้ย" ฉันหันไปถามลูก แต่น้องต้นน้ำปฏิเสธบอกว่าอึดอัด และ รำคาญ
การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยนำรถจักรยานยนต์จอดทิ้งไว้บ้านเพื่อนจากนั้นก็ขับรถยนต์ ขณะนั่งรถยนต์ ฉันก็ท่องคาถาป้องกันภัย ๑๐ ทิศ ไปด้วยเพราะชอบท่อง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฉันจ่ายเงินให้โรงพิมพ์ด้วยตัวเลขที่จำง่าย 16,191 บาท
"พี่ไปส่งดีมั้ย มันอันตรายนะ ตอนนี้เค้ากำลังทำถนนด้วย เพิ่งตายไป 2 ศพ คนในหมู่บ้านนี่แหละ แฉลบล้ม รถเก๋งเลยเหยียบตาย" เพื่อนรุ่นพี่อาสาพร้อมกับสาธยายจนฉันใจไม่ดี
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่....ครูอิงต้องใช้รถจักรยานยนต์ส่งลูกไปโรงเรียน ตอนเช้าคงลำบากแย่ ถ้าไม่เอารถกลับไปด้วย" ฉันดื้อ ด้วยมีเหตุผลแห่งความจำเป็น"อือ หรือว่าครูอิงจะเอางานไว้ในรถพี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน" ฉันเริ่มลังเล
"แต่...น้องอิงต้องเอางานไปลงกล่องนะคะ ต้องระมัดระวัง ลงผิดกล่องไม่ได้"ฉันและน้องต้นน้ำปรึกษากัน ตัดสินใจให้น้องต้นน้ำซ้อนท้ายโดยมีผลงานบรรจุในกล่องกระดาษดับเบิล เอ 2 กล่องวางบนตัก ขับรถในช่องทางสำหรับรถจักรยานยนต์ ด้วยความเร็ว ประมาณ 45-50 สักพักเริ่มมีป้ายเตือนบอกให้ทราบว่าทางข้างหน้ากำลังก่อสร้าง ด้วยพื้นป้ายสีแดงเข้ม ตัวหนังสือสีดำ (ตอนกลางคืนมองไม่ค่อยเห็น)
เมื่อมาถึงจุดก่อสร้าง ฉันจอดรถ หันไปปรึกษาน้องต้นน้ำว่า เราจะไปทางไหนกันดี ซ้ายหรือขวา เพราะเขาขูดถนนเลนซ้าย และให้รถแล่นเลนขวาเลนเดียว ส่วนเลนซ้ายก็จะไม้ปิดทาง และมีรถบดถนนและรถอื่น ๆ จอดไว้โดยมิได้ติดสัญญาณไฟแม้แต่อย่างใด ขณะปรึกษากันหันไปมองข้างหลัง ไม่มีรถตามมาเลยสักคัน ฉันจึงตัดสินใจขึ้นเลนขวา โดยในใจคิดว่า ระยะทางคงไม่ยาวมาก แต่ที่ไหนได้วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่สุดเส้นทางเสียที กระทั่งมีรถมาหลายคัน ฉันตกใจมาก ห่างแค่ศอกทางซ้าก็ทางต่างระดับ หากตกลงไปก็ล้มแน่ ห่างแค่ศอกทางขวาก็เป็นรถยนต์ที่วิ่งแซงขึ้นไปคันแล้วคันเล่า ข้างหลังก็รถสิบล้อวิ่งจ่อท้าย ทั้งบีบแตรไล่ ทั้งเปิดไฟจ้า
วินาทีแห่งความเป็นความตาย ฉันหูอื้อ ตาพร่า มองอะไรไม่เห็น มือบิดให้รถวิ่งเร็วขึ้น ๆ โดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นไม่สามารถควบคุมสติได้อีก น้องต้นน้ำก็ตะโกนบอก แม่ใจเย็น ๆ อย่ากลัว แต่ไม่เป็นผล ฉันเห็นแต่ล้อรถล้อหน้าหมุนติ้ว ๆ พร้อมกับการส่ายไปมาจนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่
วินาทีแห่งความเป็นความตาย ฉันคิดถึงลูกคนเล็กที่รอแม่กับพี่อยู่ที่บ้าน ฉันคิดถึงหลวงปู่ทวดที่ห้อยคอติดตัวอยู่ ฉันมีความรู้สึกเหมือนมีแรงผลัก ฉันพุ่งรถไปทางเลนซ้ายด้วยความเร็ว ฉันเห็นน้องต้นน้ำตัวลอยหวือไปต่อหน้าต่อตา ในลักษณะของม้วนตัว แต่ฉันก็ยังไม่สามารถหยุดรถได้ ทำให้เท้าครูดไปกับพื้นถนน ประมาณ 300 เมตร จึงหยุดรถได้ ฉันลงจากรถวิ่งย้อนกลับ วิ่งด้วยเท้าเปล่า เพราะรองเท้าหลุดจากเท้าไปนานแล้ว ปากก็เรียกหาลูก
(มีแผลแค่นิดหน่อย ไกลหัวใจมากค่ะ)
"แม่ครับ!!!!!! แม่ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า ลูกไม่เป็นไรนะ" น้องต้นน้ำตะโกนบอก พร้อมกับใช้แสงไฟจากโทรศัพท์ส่องให้แม่เห็น ฉันกับลูกโผกอดกันด้วยความโล่งใจที่ต่างคนต่างรอดมาได้ แต่ฉันต้องยืนมองรถสิบล้อบ้าง รถเก๋งบ้าง มอเตอร์ไซด์บ้าง คันแล้วคันเล่า เหยียบไปบนผลงาน คศ.3 ของฉัน ได้แต่ตะโกนบอกลูกว่า
"งานของแม่ งานของแม่"
(น้องต้นน้ำ ลูกชายคนโต ขณะนี้เรียนอยู่ชั้น ม.3)
"ใจเย็น ๆ นะแม่ เรารอดมาได้ก็บุญแล้ว งานพวกนี้ยังมีอยู่ในเครื่องคอม เราทำขึ้นใหม่ได้" ลูกชายควบคุมสติได้ดีมาก เขาวิ่งไปขยับรถจักรยานยนต์เข้าข้างทางและวิ่งกลับมาเก็บผลงานให้ฉันทีละเล่ม ๆ โดยอาศัยแสงสว่างจากรถที่แล่นมาทางเลนขวา และเก็บรองเท้าให้แม่ซึ่งหล่นอยู่ทางเลนขวา ในช่วงที่ไม่มีรถมา โดยใช้แสงไฟจากจักรยานยนต์ของเราเอง เพราะบริเวณนั้นไม่มีบ้านคน มืดมิดมาก ๆ
(ช่วงที่เกิดอุบ้ติเหตุ ตอนกลางคืน แต่ภาพถ่ายนี้ถ่ายตอนกลางวัน ในวันรุ่งขึ้น)
มีรถจักรยานต์ที่ผ่านมา หลายคันชะลอความเร็วดูเหมือนมีน้ำใจลงมาช่วยเหลือ แต่ในที่สุดก็ไม่........ กระทั่งมีคุณลุงคนหนึ่งจอดให้ความช่วยเหลือ และบอกว่าบ้านของลุงก็อยู่ตลาด ลุงจึงอาสาพาน้องต้นน้ำพร้อมด้วยผลงานของฉันมาส่งให้ที่บ้าน
เมื่อมาถึงบ้านฉันยังงง ๆ อยู่ เท้าที่ครูดกับถนนเริ่มเจ็บ น่องฟกช้ำดำเขียวน้องต้นน้ำจัดการทำแผลให้แม่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เจ็บ มีแผลถลอกเลือดไหลซิบทีแขนขวา จากนั้นก็ตรวจนับผลงานของแม่ว่าเก็บมาได้ครบหรือเปล่า ปรากฏว่าครบทุกชิ้น อ้อ....ขาดชิ้นเล็ก ๆ ไป 1 ชิ้น คือป้ายแขวนถุงผ้าที่บรรจุหนังสือส่งเสริมการอ่าน
(ผลงานที่เสียหาย แต่ไม่เป็นไรค่ะ พี่เบิร์ดบอกว่า ซ่อมได้ อะไร ๆ ก็ซ่อมได้)
เราช่วยกันแยกผลงาน ว่าเล่มไหนเสียหายระดับใด ต้องทำอะไรบ้าง เมื่อเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทราบข่าวก็แวะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ แม้แต่เจ้านายสาวของฉัน เมื่อทราบข่าวในวันรุ่งขึ้นก็รีบมาเยี่ยมทันที
เช้าวันต่อมา ฉันและน้องต้นน้ำ พากันไปตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และทุกดวงวิญญาณที่ต้องจบชีวิตลง ณ ถนนสายนี้ เพราะมีเพื่อนบ้านหลายคนบอกว่าช่วงที่ทำถนนนี้ มีคนตายแล้ว 4 ศพ
"ช่วงบ่ายก่อนหน้าเหตุการณ์ของครูกับลูก ก็เพิ่งตายไป 1 ศพ ผมผ่านไปเขากำลังห่อผ้าขาวเอาขึ้นรถมูลนิธิ" เพื่อนบ้านคนหนึ่งเล่าให้ฟัง
"ครูหน่ะโชคดีมากนะเนี่ย สงสัยมีพระดี เพราะคนอื่น ๆ เขาอาการหนักกันทั้งนั้น บางคนก็ล้มหน้าครูดไปกับพื้นถนน"
เมื่อเพื่อนร่วมงานทราบข่าว ต่างก็ตัดพ้อต่อว่า ว่าทำไมฉันไม่บอกกล่าว เพื่อนรุ่นพี ก็บอกว่า น่าเฆี่ยนนัก มีอะไรไม่บอก ฉันก็ได้แต่อ้อมแอ้ม ๆ ว่า เกรงใจ
น้องโบกี้ (สมาชิกท่านหนึ่งของโกทูโนว์) ขันอาสา จะนำงานไปเข้าเล่ม ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้ ฉันกับน้องโบกี้นัดกันตอน 9 โมงเช้า เจ้านายสาวก็อนุญาตให้หยุดงานได้ แต่ก็มีเรื่องแปลกมาก เมื่อฉันจะเอางานลงกล่อง ก็พบว่าจิ้งจกตกลงมาตายอยู่บนกองผลงานที่เป็นต้นฉบับของฉัน
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ฉันรีบโทรไปบอกน้องโบกี้ว่า ไม่ต้องมารับแล้วนะ วันนี้พี่ขอ พักผ่อน 1 วัน ไม่ทำอะไรทั้งหมดทั้งสิ้น พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ วันนั้นฉันก็เลยนอนหลับทั้งวัน
เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ คงต้องบันทึกต่อในตอนต่อไป เรื่องสำคัญที่ต้องกล่าวถึงก็คือ
"กุศลา = ธรรมา อกุศลา = ธรรมก็มา
กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้บอกได้คำเดียวว่า ธรรม-มา ตึมเลยค่ะ
เรียกว่า "ฉวยวิกฤติเป็นโอกาส" ซะแบบแฮปปีเอ็นดิ้งเลยหละครับพี่น้องครับ
เรียนครูอิงจันทร์ครับ
นาทีแห่งชีวิตเลยนะครับ ชีวิตเหมือนพยับแดด ห่างหายไปเร็ว ไม่เหลือร่องรอย คนเราก็เป็นเช่นนั้น ไม่ถึง 100 ปี ของชีวิต ไม่นานเลย
สวดมนต์หลายจบหน่อยนะครับ ช่วงนี้ ผ่านพ้นไปได้ เงินเดือนเพิ่ม 10000 เศษ ไม่ผ่าน ก็ลุยต่อหลังผ่อนพักสักครู่
เอาใจช่วยครับ สาธุ
สวัสดีค่ะอาจารย์โสภณ เปียสนิท
สวัสดีค่ะ
อ่านไปเรื่อยๆก็ใจไม่ดี กลัวเป็นอะไรมาก จบแล้วก็โล่งใจ น้องต้นน้ำ น่ารักมากค่ะ คุณอิงจันทร์เล่าดีมากเลยนะคะ นึกภาพตามไปด้วยเลย ค่ะคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง
เมื่อวันก่อนก็ไปอ่านของคุณยาย เล่าดีเช่นกัน ก็โล่งใจค่ะ คุณยายไม่เป็นอะไร แต่รถยนต์ยับเยินค่ะ แขวนพระ 2 องค์ ตอนเกิดเหตุก็คิดถึงลูกเช่นกัน พ้นเคราะห์แล้วนะคะ ต่อไปก็จะได้รับสิ่งดีๆนะคะ
สวัสดีค่ะ
วันนี้พี่คิมไปทานข้าวกับเพื่อน เพิ่งกลับมาตอน ๒ ทุ่ม อาบน้ำนอน เพิ่งตื่นมาเข้าเน็ต และติดตามมาอ่านบันทึกที่รอคอยฉบับนี้
เหมือนท่าน โสภณ เปียสนิท ให้ความเห็นไว้เช่นเดียวกันค่ะ ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้เรา "ฉลาดได้อีก" เหมือนที่อาจารย์ ดร.ไร้กรอบเขียนไว้นั่นเอง
ดีแล้วนะคะที่เราไม่บาดเจ็บและสูญเสียมากกว่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ ทุกอย่างซ่อมใหม่ได้
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และขอขอบคุณที่ยังระลึกถึง มีภาพมาลงให้ชมอีก รออีกไม่นานจะมาเยี่ยมทานส้มตำปูม้าอีกค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ดากานดา น้ำมันมะพร้าว
สวัสดีค่ะ
ได้อ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณอิงจันทร์แล้ว ก็เป็นห่วงค่ะ มาให้กำลังใจเพื่อต่อสู้กับปัญหาต่อไปนะคะ Krudala เคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้วในช่วงที่ทำผลงานครูค.ศ. 3 เชิงประจักษ์ สติแตกไปพักใหญ่ สู้ต่อไปไม่ไหวเลยไม่ทำผลงานต่อ ยังรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ แต่ตอนนี้ก็ผ่านแล้วค่ะ
มาให้กำลังใจอย่าเพิ่งท้อนะคะ ผลงานพร้อมจะส่งอยู่แล้ว ค่อยๆแก้ไขหรือซ่อมแซมไป ขอให้มีใจที่เข้มแข็งเข้าไว้นะคะ สวดมนต์ตลอดเวลาที่ว่างเลยค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนหนึ่งค่ะ
สวัสดีค่ะพี่คิมครูคิม
สวัสดีค่ะน้องชำนาญ เขื่อนแก้ว
สวัสดีค่ะพี่อิงจันทร์
คุณพระคุ้มครองนะค่ะ อ่านแล้วเห็นภาพ ขวัญเอย จงมา นึกเสียว่าฟาดเคราะห์นะค่ะ ต่อไปขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา น้องอุ้มเคยโดนรถชนค่ะ ขับมอเตอร์ไซค์ชนปิคอัพนอนดึงคออยู่โรงพยาบาล3สัปดาห์ มือซ้ายอ่อนแรงต้องทำกายภาพด้วยตนเองไปด้วย ตอนจะขับออกมานึกสังหรณ์ใจอะไรไม่รู้ กระชับหมวกกันน็อคแน่นเลยค่ะ
น้องต้นน้ำน่ารักมากค่ะ มีสติดีมาก
หายไวๆนะค่ะ คิดถึงและเป็นห่วงเสมอค่ะ
พี่ครับ แก้ไขแล้วเอาไปส่งใหม่ ไปถวายสังฆทานด้วยก็ดีครับ สู้ๆๆครับ
สวัสดีค่ะKRUDALA
สวัสดีค่ะน้องอุ้มถาวร
คนดี พระคุ้มครอง ดีใจที่พี่ไม่เป็นอะไรมากค่ะ ส่งกำลังใจ นะคะ
สวัสดีค่ะน้องpoo
สวัสดีค่ะน้องขจิต ฝอยทอง
สวัสดีค่ะพี่สาวดาวเรือง
สวัสดีค่ะน้องนกบุษรา
" สวัสดีค่ะ นรินมาเยี่ยมค่ะ
อ่านบันทึกแล้ว ซึมเลย
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ เป็นไงบ้างแล้วน้องต้นน้ำเจ็บตรงใหนป่าว
ไปตรวจสุขภาพยัง(อ่านยังไม่จบ พิมพ์ ดีกว่า พิมพ์ก่อน)...ดูแลเเม่นะจ๊ะ
ห่วงใยค่ะ
(นรินทิพย์)