คนตายไม่ได้ขายคนเป็นเรื่องโครงการงดเหล้าในงานศพและโครงการสางความเชื่อเพื่อแก่นธรรม(26-8-2010)


คนตายไม่ได้ขายคนเป็นเรื่องโครงการงดเหล้าในงานศพและโครงการสางความเชื่อเพื่อแก่นธรรม(26-8-2010)

คนตายไม่ได้ขายคนเป็นเรื่องโครงการงดเหล้าในงานศพและโครงการสางความเชื่อเพื่อแก่นธรรม(26-8-2010)
ได้ความรู้อย่างไรบ้าง?
การทำงานวิจัยที่เกิดจากชาวบ้างได้ลงมาทำด้วยและได้รับความร่วมมือจากหลายๆหน่วยงานและทุกคนในสังคมเดียวกันจึงเกิดความสำเร็จในการที่จะจัดการปัญหาได้แม้ปัญหานั้นจะยาก ยิ่งใหญ่สักเพียงใด และฝังแนบแน่นอยู่ในสังคมเป็นเวลาหลายสิบปีหรือเป็นร้อยๆปีก็ตาม
 การจะทำสิ่งใดๆให้กับสังคมไม่ว่าสิ่งนั้นจะเลวหรือดีมักจะทำเกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมเสมอเพราะฉะนั้นจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเสมอถ้าเราคิดว่าสิ่งที่ทำเราทำดีแล้วเราจะต้องหนักแน่นและหาเหตุผลมาหักล้างเหตุผลหรือความคิดเห็นแตกต่างนั้นๆ และต้องหาผู้คนที่มีความคิดเหมือนเรา มีทั้งอำนาจ มีกำลัง มีทรัพย์ มาช่วยสนับสนุนความคิดของเราและพร้อมที่จะแก้ปัญหาและเดินไปในทิศทางเดียวกันกับเรา
 เห็นการทำงานกันเป็นทีมโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยควบคุมไม่ให้คนนำเหล้าเข้ามาดื่มในงานศพ  และได้มีการทำประชาสัมพันธ์และขอร้อง และมีบทลงโทษสำหรับเจ้าของงานและผู้มาร่วมงานศพที่ไม่เชื่อฝังโดยใช้สังคมเป็นตัวบีบเช่น ชาวบ้านไม่ไปช่วยงานศพถ้าเจ้าภาพมีการเตรียมเหล้าให้ผู้ร่วมงานได้ดื่มกัน  และใช้องค์กรทางศาสนาเช่นพระก็จะไม่รับกิจนิมนต์ไปงานศพนั้น ผลปรากฎว่าค่าใช้จ่ายต่างๆในงานศพลดลงเพราะเจ้าภาพไม่ต้องไปจ่ายค่าเหล้าเจ้าภาพก็ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน กระแสต่อต้านจึงลดลงไปเรื่อยๆเพราะทุกคนเห็นว่าดี
เมื่อทำเรื่องเลิกเหล้าได้สำเร็จแล้วก็จะเกิดความมั่นใจและเริ่มหาเรื่องอื่นที่ยังดูและไม่เหมาะสม สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเช่นโลงศพและปราสาทจากที่ต้องซื้อก็มาร่วมมือกันทำเองก็ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีก และเริ่มลดเงินใส่ซองให้พระ ลดจำนวนวันที่ต้องจัดงาน อาหารที่เตรียมให้ลดเนื้อและเพิ่มผักมากขึ้น ลดเครื่องไหว้ต่างๆ
จะเห็นว่าเกิดการจัดระเบียบสังคมขึ้นมาใหม่และลดภาระหนี้สินของชาวบ้านได้อย่างแท้จริง
ความรู้นั้นจะนำไปใช้ในการทำงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรได้อย่างไร?
การคิดงานวิจัยเราควรคิดงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติจริงๆ เพราะฉะนั้นจะต้องมีผู้ที่คิดเห็นแตกต่าง ขัดแย้ง เป็นเรื่องธรรมดา โดยเราต้องมุ่งมั่นที่จะต้องทำให้สำเร็จ และจะต้องอดทนต่อแรงเสียดทานของสังคมให้ ได้เพราะความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า และสิ่งที่เราทำได้สำเร็จนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในระดับหนึ่งถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีมันก็จะอยู่ไปได้นานและมีผู้สนับสนุนมากขึ้นไปเรื่อยๆแต่ถ้าสิ่งใดทำแล้วไม่ดีหรือยังไม่เหมาะสมก็จะมีผู้ท้วงติงและต่อต้านเราต้องเปิดใจรับฟังและไม่เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลจะทำให้งานวิจัยและพัฒนาที่เรากำลังทำอยู่จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ และในระหว่างที่ทำเราต้องหาผู้ที่มีความคิดคล้ายเรา เห็นด้วยกับเรา คอยเป็นแรงสนับสนุน ปกป้องให้เรา อุปสรรค์ต่างก็จะลดลง
งานวันนี้เราทำเรื่องเกษตรอินทรีย์ ซึ่งอุปสรรค์ที่เราพบก็คือเกษตรกรยังไม่มีความเชื่อว่าจะทำให้เขาแก้ปัญหาความจน แก้ปัญหาปากท้องของเขาได้ เขาไม่เชื่อว่าจะทำให้เขาอยู่ดีกินดีมากขึ้น เขาคิดว่าการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงคือคำตอบสุดท้ายของการเกษตรที่เขาทำกันมาหลายสิบปี เราจึงต้องมีหน้าที่ส่งเสริมโดยการลงไปให้ความรู้หรือแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดกับผู้ที่มีความรู้ ผู้ที่มีหัวก้าวหน้า ผู้ที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ที่ทุกคนให้การยอมรับ และหาแปลงสาธิตทำให้ชุมชนในสังคมเห็นว่าดีจริง ได้ผลจริง ปลดหนี้สินได้จริง ผู้อื่นก็จะคล้อยตามและเปลี่ยนความคิดมาเป็นเหมือนเราและลงมือทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น กระแสจึงจะมาเราก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น สังคมก็จะน่าอยู่มากขึ้น

หมายเลขบันทึก: 395846เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2010 18:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 22:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท