ตำนานนางเลือดขาวนอกจากจะพบแพร่กระจายอยู่ทั่วไปในคาบสมุทรไทยแล้ว ยังพบเรื่องราวเกี่ยวกับนางเลือดขาวบนเกาะลังกาวีหรือรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียอีกด้วย ซึ่งมีอยู่หลายอย่างที่มีเนื้อหาตรงกันและแตกต่างกันกับตำนานนางเลือดขาวในคาบสมุทรไทย ตามตำนานเล่าว่า เมื่อ 200 ปีก่อน มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอพยพจากภูเก็ตมาตั้งรกรากบนเกาะลังกาวี ต่อมาได้ให้กำเนิดบุตรี ชื่อ มะห์ซูรี เมื่อนางมะห์ซูรีโตเป็นสาวก็เป็นกุลสตรีที่มีความงดงามเหนือกว่าใครในลังกาวี จนข่าวเล่าลือไปถึง วันดารุส โอรสเจ้าผู้ครองเกาะได้มาพบมะห์ซูรีแล้วเกิดหลงรักจึงได้สู่ขอไปเป็นมเหสี แต่ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่แม่ของสามี หลังจากที่ทั้งคู่ได้มีบุตรชาย ชื่อ วันฮาเกม ได้ไม่นาน เจ้าชายวันดาวุสต้องจากเจ้าหญิงมะห์ซูรีและเจ้าชายวันฮาเกม เพื่อออกรบเพื่อบ้านเมือง เชื่อกันว่าเป็นศึกสยาม
วันหนึ่งมีนักดนตรีหนุ่มต่างถิ่นบังเอิญเดินทางผ่านมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ้าหญิงมะห์ซูรีได้มาพบเข้าด้วยเป็นคนมีน้ำใจจึงให้ที่พักพิง เมื่อผู้ไม่หวังดีและไม่เห็นด้วยกับการอภิเษกมาตั้งแต่แรกได้มาพบเข้า จึงกล่าวหาว่าเจ้าหญิงมะห์ซูรีคบชู้สู่ชายกับหนุ่มนักดนตรีเร่ร่อนเป็นกาลีเมืองทำให้บ้านเมืองเดือนร้อน ประกอบกับในขนาดนั้นเกิดภาวะข้าวยากหมากแพงและโรคระบาดขึ้น เจ้าหญิงมะห์ซูรีจึงถูกเจ้าเมืองพิพากษาประหารชีวิต เมื่อถึงแดนประหารท้องฟ้ามืดมิดมีพายุฝนเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ศาตราวุธใดก็ไม่อาจทำร้ายร่างกายของเจ้าหญิงมะห์ซูรีได้ ด้วยความทรมานที่ถูกตรึงไว้กับเสา จึงบอกกับเจ้าเมืองว่าต้องใช้กริซประจำตระกูลของนางเท่านั้น เมื่อกริซมาถึง มะซูรีจึงเอยปากว่า "หากแม้นข้าบริสุทธิ์ โลหิตที่หลั่งรินออกจากตัวข้าขอจงสีขาว หากแม้นข้าบริสุทธิ์ ขอให้แผ่นดินเกาะลังกาวีนี้ประสบแต่ทุกข์เข็ญนามตราบ 7 ชั่วอายุคน"สิ้นคำอธิฐานเพรชฆาตก็ลงกริซประหาร ทว่าเลือดทีไหล่รินต้องพื้นดินเป็นล้วนเป็นสีขาว เจ้าหญิงมะห์ซูรีจึงถูกเรียกขานว่า"เจ้านางเลือดขาว" เมื่อเจ้าชายวันดารุสกลับมาทราบเรื่อง จึงพาเจ้าชายวันฮาเกมพระโอรสอพยพจากเกาะลังกาวีไปอยู่ยังที่บ้านเกินของเจ้าหญิงมะห์ซูรีที่ภูเก็ตในภาคใต้ของไทย โดยไม่ได้กลับไปที่เกาะลังกาวีอีกเลย
ตามตำนานคำสาปที่เล่ามาทำให้ลังกาวีกลายเป็นเมืองท่าที่ไม่ประสบความสำเร็จจากการค้าขาย เกษตรกรรมปลูกอะไรก็ไม่งอกงาม ข้าวไม่เต็มเม็ด ประกอบกับสมัยนั้นเกิดสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศมหาอำนาจ ด้วยสภาพพื้นที่ของเกาะลังกาวีมีสีดำตลอดแนวชายหาดดูเหมือนโคลนที่ฉาบทาไว้ จนไม่มีใครอยากสนใจไม่มีใครอยากสัมผัสจากมนต์คำสาป ทุกวันนี้ชาวลังกาวีคงหมดสิ้นเวรกรรมที่ทำกับเธอเอาไว้แล้ว เมื่อหลานยุคที่ 7 ของพระนางมะห์ซูรี นั้นคือ นางสาว ศิรินทรา ยายี ที่ได้เติบโตขึ้นบนเกาะภูเก็ต และมีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความเป็นทายาทผู้ถอนคำสาปไม่ว่าจะเป็นสิ่งของต่างๆ เช่น กริซประจำตระกูล รูปภาพ และบรรพบุรุษชื่อ"วันฮาเกม" ทางรัฐบาลจึงเชิญนางสาว ศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมะห์ซูรีกลับสู่เกาะลังกาวีเพื่อถอนคำสาป
พร้อมกับการพัฒนาเมืองลังกาวีจากอดีตแพทย์ฝึกหัดคนหนึ่งที่มีบ้านเกิด ในรัฐเคดะห์ นั่นคือ "มหาเธร์ โมฮัมหมัด" อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ประกาศวางมือทางการเมืองของมาเลเซียลงในสมัยนี้ รัฐเคดะห์ มีชื่อว่าเป็นอู่ข้าวของมาเลเซีย มีไร่นากว้างสุดสายตา มีเมืองอะลอร์ สตาร์เป็นเมืองหลวงของรัฐมีอาคารเก่าแก่ที่คงสภาพเดิม ของลังกาวีก็เป็นตำบลหนึ่งในรัฐที่ภูมิปะเทศเป็นเกาะมากถึง 104 เกาะ ทำให้ลังกาวีเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ประชากรในเกาะ 80,000 กว่าคนประกอบด้วยชาวมุสลิม 90% ที่เหลือจีนและอินเดียทำให้มีโบสถ์ ของชาวอินเดียและศาลเจ้าของชาวจีนอยู่ปะปรายเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เป้าหมายหลักในการพัฒนา ลังกาวีของ ดร.มหาเธร์ คือ ทำให้โลกรู้จักลังกาวี ทำให้มีรายได้เข้าประเทศ ประชากรมีงานทำ ลังกาวีใช้การท่องเที่ยวเป็นการขับเครื่องเศรษฐกิจโดยรวม
คลิปสุสานพระนางเลือดขาว (มะห์สุหรี)https://youtu.be/wkWLMwhR5l4