สาระสำคัญ
วัสดุห้องสมุดมีไว้เพื่อการอ่านและการศึกษาค้นคว้า ซึ่งห้องสมุดได้จัดหา รวบรวม จัดเก็บ เพื่อให้บริการในห้องสมุด วัสดุห้องสมุดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วัสดุประเภทสิ่งพิมพ์ (Printed materials) และวัสดุประเภทไม่ใช่สิ่งพิมพ์ (Non-Printed Materials)
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความหมายของวัสดุห้องสมุดได้
2. บอกประโยชน์ของวัสดุห้องสมุดได้
3. จำแนกประเภทของวัสดุห้องสมุดได้
4. จำแนกวัสดุประเภทสิ่งพิมพ์ได้
5. จำแนกวัสดุประเภทที่ไม่ใช่สิ่งพิมพ์ได้
6. บอกวิธีการระวังรักษาวัสดุห้องสมุดได้
1. ความหมายของวัสดุห้องสมุด
วัสดุห้องสมุด (Library materials) หรือ วัสดุสารนิเทศ (Information Resources) หมายถึง วัสดุที่ใช้เพื่อการอ่านและการศึกษาค้นคว้าทุกรูปแบบ ทุกสาขาวิชา ซึ่งห้องสมุดได้จัดหามา และจัดเก็บรวบรวมเอาไว้เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ในห้องสมุด
2. ประโยชน์ของวัสดุห้องสมุด
วัสดุห้องสมุดมีความสำคัญและประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาค้นคว้า เสริมสร้างปัญญา ของคน ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
2.1 เป็นบันทึกแห่งภูมิปัญญาของมนุษย์ ใช้สืบทอดความคิด ความรู้ เรื่องราวต่าง ๆ ศิลปวัฒนธรรม อารยธรรมจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่งต่อ ๆกันมา ซึ่งวิชาความรู้เหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองของสังคมมนุษย์
2.2 ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร จากวัสดุห้องสมุดซึ่งมีอยู่หลายชนิดหลายรูปแบบ ช่วยขจัดความไม่รู้ในเรื่องต่าง ๆ และสร้างสติปัญญา
2.3 ข้อมูลจากวัสดุห้องสมุดที่ถูกต้อง ครบถ้วน และทันเวลาจะช่วยในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขาดสารนิเทศอาจทำให้เกิดปัญหาในการตัดสินใจ ดังนั้นผู้บริหารยุคใหม่จึงควรมีข้อมูลหรือวัสดุห้องสมุดเพียงพอแก่การวางแผนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดต่างๆ
2.4 ความรู้ ข้อมูลต่างๆ จากวัสดุห้องสมุดก่อให้เกิดการศึกษาค้นคว้าและการพัฒนาวิทยาการต่าง ๆ ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์
2.5 ความรู้จากทรัพยากรสารนิเทศบางชนิดก่อให้เกิดความจรรโลงใจ ความซาบซึ้ง เกิดความคิดสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการคิด และทำแต่สิ่งที่ดีงามมีคุณค่าแก่การ ดำเนินชีวิต
2.6 หนังสือบางเรื่อง โสตทัศนวัสดุบางชนิดทำให้เกิดความเพลิดเพลิน ผ่อนคลายความตึงเครียด ช่วยให้เกิดการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งมีผลสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตให้เป็นปกติสุขได้ไม่น้อยไปกว่าความต้องการด้านอื่นๆ ซึ่งอยู่ที่การเลือกใช้สารนิเทศที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง
3. ประเภทของวัสดุห้องสมุด
วัสดุห้องสมุดมีอยู่มากมายหลายรูปแบบนั้น พอจะแบ่งตามลักษณะที่ปรากฏได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
3.1 วัสดุประเภทสิ่งพิมพ์ (Printed materials)
3.2 วัสดุประเภทไม่ใช่สิ่งพิมพ์ (Non-Printed Materials)
4. วัสดุประเภทสิ่งพิมพ์ (Printed Materials)
วัสดุประเภทสิ่งพิมพ์ หมายถึง วัสดุที่สามารถใช้บันทึกข้อมูล ความรู้ ความคิด เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยวิธีการพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษร สารนิเทศทุกชนิดที่ตีพิมพ์ลงกระดาษโดยการตีพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ ห้องสมุดจำแนกวัสดุตีพิมพ์ ดังนี้
4.1 หนังสือ (Books)คือ สิ่งพิมพ์ที่เกิดจากความรู้ความคิดด้วยสมอง สติปัญญาและประสบการณ์ของมนุษย์ จากการศึกษาค้นคว้าและจัดทำเป็นรูปเล่มอย่างถาวร โดยเฉพาะหนังสือ ที่เป็นวรรณกรรมอันมีค่าที่เกิดจากมันสมองอันปราดเปรื่องของผู้เขียน ย่อมให้คุณประโยชน์อันล้ำค่าแก่ผู้อ่าน แหล่งความรู้ที่มนุษย์สามารถศึกษาค้นคว้า ส่วนใหญ่จะได้จากหนังสือ แม้ว่าวิทยาการปัจจุบันจะผลิตความรู้ในรูปของสื่อใหม่ ๆ เช่น ไมโครฟิล์ม เป็นต้น แต่วัสดุดังกล่าวก็ถ่ายทอดความรู้มาจากหนังสือ ฉะนั้น หนังสือ คือ สิ่งที่รวมความรู้ที่มีคุณค่า ความสำคัญของหนังสือยังมีมากสำหรับการศึกษาวิจัย ทั้งในสถาบันการศึกษาและการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นที่ยอมรับกันว่า หนังสือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ประเทศใดมีสถิติคนอ่านหนังสือมากจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หนังสือเมื่อพิจารณาจากเนื้อหาของหนังสือแล้ว สามารถแบ่งหนังสือได้เป็น 2 ประเภท คือ
4.1.1 หนังสือสารคดี (Non– Fiction Books) เป็นหนังสือที่มีเนื้อหามุ่งเน้นให้สาระความรู้ที่เป็นวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ เป็นหลัก เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นจากความรู้ ความคิด และข้อเท็จจริง (fact) เพื่อให้สาระความรู้โดยเฉพาะ ได้แก่ หนังสือตำรา (textbooks) หนังสือความรู้สาขาต่าง ๆ เช่น ปรัชญา ศาสนา สังคมศาสตร์ ภาษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวรรณคดี เป็นต้น อาจแบ่งหนังสือสารคดีเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีกตามหน้าที่(function) ของหนังสือ คือ
4.1.1.1 หนังสือแบบเรียนหรือตำรา (Textbooks) คือ หนังสือประเภทหนึ่งที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อหรือคู่มือในการศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ และระดับการศึกษาต่าง ๆ
4.1.1.2 หนังสือความรู้ทั่วไป (General Book)เป็นหนังสือที่เสนอเรื่องราวทั่ว ๆ ไป ไม่เฉพาะเจาะจงความรู้สาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้อ่านและผู้สนใจทั่วไป
4.1.1.3 หนังสือคู่มือครู หลักสูตร ประมวลการสอน โครงการสอน (Curriculum Laboratory) หนังสือประเภทนี้ห้องสมุดจะจัดแยกไว้ต่างหากจากหนังสืออื่น ๆ
4.1.1.4 หนังสืออ้างอิง (Reference Book) เป็นหนังสือที่ใช้อ่านค้นคว้าหาคำตอบที่ต้องการเพียงตอนใดตอนหนึ่งเฉพาะตอนที่ต้องการ ไม่ต้องอ่านทั้งเล่ม ให้ใช้ภายในห้องสมุดเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ยืมออกนอกห้องสมุด เช่น พจนานุกรม สารานุกรม ดรรชนี หนังสือรายปี เป็นต้น
4.1.2 หนังสือบันเทิงคดี(Fiction) เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนและอาศัยประสบการณ์ จำลองชีวิตเพื่อให้ความเพลิดเพลินและแง่คิดคติต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต ได้แก่ นวนิยาย นิทาน รวมเรื่องสั้น หนังสือการ์ตูน หนังสือที่เขียนเพื่อมุ่งให้ความบันเทิง
ประโยชน์ของหนังสือ
มนุษย์ได้รับประโยชน์จากหนังสือด้วยการอ่าน แต่หนังสือไม่มีอิทธิพลพอจะบังคับให้ใครอ่านได้ ฉะนั้น จึงต้องรู้จักเลือกอ่านเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล หนังสือสามารถให้คำตอบแก่ผู้ไม่รู้ในด้านต่าง ๆ เช่น
1. ความรู้ทางการวิชาการ เป็นความรู้ที่ส่วนมากจะได้รับจากในห้องเรียนผ่านผู้สอนซึ่งถ่ายทอดมาจากหนังสือประเภทตำรา แต่การศึกษาในปัจจุบันความรู้เฉพาะในชั้นเรียน ไม่สามารถให้ผู้เรียนรู้กว้างไกลทันเหตุการณ์ปัจจุบันได้ จำเป็นที่ต้องอ่านหนังสือประเภทวิชาการอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมความรู้และความคิดให้ลึกซึ้งเป็นพื้นฐานในการศึกษาระดับสูงขึ้น การแสวงหาความรู้เป็นกระบวนการต่อเนื่อง หนังสือจึงเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะทำให้ผู้ใฝ่ในการศึกษา ได้พัฒนาไม่มีวันสิ้นสุด จะเห็นได้จากผู้ทรงคุณวุฒิล้วนแต่เป็นนักวิชาการที่ต้องศึกษาค้นคว้าตลอดเวลา
2. ความรู้ทางอาชีพ การประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องรู้จักปรับปรุงให้งานก้าวหน้ากว่าผู้อื่น โดยเฉพาะความรู้ในวิชาชีพจะพัฒนาตลอดเวลา จากการเปลี่ยนแปลง ทางธรรมชาติและเหตุการณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ความรู้เดิมในการประกอบอาชีพย่อมล้าสมัยไม่ทันเหตุการณ์ จำเป็นต้องปรับปรุง ฉะนั้น ความสนใจในเรื่องการศึกษาค้นคว้าจากการอ่านหนังสือเพื่อนำความรู้มาใช้กับอาชีพ ย่อมนำความเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่าผู้อื่นการศึกษาจากหนังสือ ช่วยสร้างความมั่นคงในอาชีพได้อย่างดี
3. ความรู้เรื่องของชีวิต การดำรงชีวิตปัจจุบัน เป็นปัญหาที่มนุษย์ต้องแก้ไขตลอดเวลา เพื่อการอยู่รอด ปัญหาจะเริ่มตั้งแต่ตื่นนอน จนกระทั่งเข้านอนในแต่ละวัน เป็นปัญหาทั้งส่วนตัว ครอบครัว การงาน ตลอดจนประเทศชาติ ผู้มีประสบการณ์ชีวิตจะถ่ายทอดเป็นลายลักษณ์อักษรในลักษณะหนังสือ ทั้งทางวิชาการและบันเทิง เพื่อเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้ศึกษา ฉะนั้นผู้สนใจการอ่านจะได้รับความรู้และความสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคลได้ มนุษย์มีจำนวนมหาศาล ปัญหาก็มีจำนวนเท่าเทียมกัน การเป็นนักอ่านจะช่วยสร้างวิจารณญาณให้ผู้อ่านนำความรู้ที่ได้ จากหนังสือไปใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างดีในทุกๆ ทาง ทั้งทางวิชาการหรือทางอาชีพดังกล่าวมาแล้ว ตลอดจนการดำรงชีวิตในสังคม เพื่อการอยู่อย่างสุขสบายและการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมนั้น ๆ
4. ความจรรโลงใจ เป็นการเสริมสภาพจิตใจให้แจ่มใส มีชีวิตกระตือรือร้นไม่ท้อถอยซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ ความจรรโลงใจช่วยยกระดับความคิดให้พัฒนา วิธีการที่จะปฏิบัติได้ดังกล่าว มนุษย์เลือกได้ตามความถนัด เช่น การเล่นหรือฟังดนตรีหรือการอ่านหนังสือ เป็นต้น หนังสือจึงช่วยสร้างความจรรโลงใจให้มนุษย์ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงการอ่านหนังสือเล่มที่ถูกใจสนองความต้องการช่วยแก้ปัญหาที่คับข้องใจ ความจรรโลงใจก็จะเกิดแก่ผู้อ่านได้
สรุปแล้วประโยชน์จากหนังสือมีหลายประการ ผู้อ่านจะได้รับประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามสภาพแต่ละบุคคลที่จะเลือกสนองความต้องการและนำไปใช้กับชีวิตของตนเป็นการประหยัดเวลาในการศึกษาค้นคว้าและใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนั้นๆ ได้คุ้มค่า
คุณค่าของหนังสือ
วิทยาการปัจจุบันกว้างไกล แม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นแต่ความรู้ที่อยู่ในรูปหนังสือยังเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการ การศึกษาค้นคว้ายังคงอ้างอิงข้อมูลจากหนังสือเป็นหลัก ถ้าเปรียบเทียบเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ระหว่างประเภทโสตทัศนวัสดุกับหนังสือ หนังสือยังคงได้เปรียบกว่า ดังนี้
1. หนังสือสะดวกต่อการใช้ สามารถอ่านได้ตลอดเวลาโดยไม่จำกัดสถานที่ ซึ่งต่างกับโสตทัศนวัสดุที่ต้องอาศัยเครื่องช่วยการใช้ และมีสถานที่เฉพาะ เช่น ภาพยนตร์ แถบภาพ หรือแถบเสียง เป็นต้น
2. หนังสือให้รายละเอียด เนื้อหาได้มากและลึกซึ้งกว่าสื่ออื่น ๆ
3. หนังสือราคาถูกกว่า ถ้าเปรียบเทียบในคุณภาพเดียวกัน แต่หนังสือที่ราคาสูง คุณภาพและประโยชน์จะมากกว่าสื่ออื่น ๆ โดยเฉพาะคุณค่าในด้านอนุรักษ์ความรู้
4. หนังสือช่วยสื่อความหมายและถ่ายทอดได้อย่างถูกต้อง เพราะเป็นลายลักษณ์อักษร ตลอดจนเร้าให้เกิดความอยากทดลองปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ซึ่งผู้อ่านสามารถทบทวนตามได้ โดยไม่เร่งรีบ ต่างกับการใช้สื่อประเภทภาพยนตร์ หรือแถบภาพ ซึ่งต้องปฏิบัติให้ทันในเวลาจำกัด
5. หนังสือจะส่งเสริมการสร้างนิสัยรักการอ่าน และศึกษาค้นคว้าได้มากกว่าสื่ออื่น ๆ เพราะสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดอารมณ์และความคิดคล้อยตาม
6. การเก็บและบำรุงรักษาหนังสือจะสะดวกกว่าสื่ออื่นๆ เพราะไม่ต้องมีเทคนิคและวิธีการที่ซับซ้อน
7. แม้ปัจจุบันวัสดุย่อส่วนต่าง ๆจะอนุรักษ์หนังสือเก่าไว้ได้ แต่ก็ยังอาศัยรูปแบบจากต้นฉบับหนังสือเดิม และวิธีการใช้ก็ยุ่งยากมากกว่า ถ้าเปรียบเทียบกับการอ่านจากหนังสือ
สรุปแล้วหนังสือจะให้ประโยชน์ต่อผู้อ่าน ดังต่อไปนี้
1. อธิบายเรื่องไม่รู้ให้กระจ่างได้ในขอบเขต และความสามารถของแต่ละบุคคล
2. ส่งเสริมความใฝ่รู้ให้แก่ผู้อ่านจากภาษาที่เข้าใจง่าย และรูปเล่มที่ดึงดูดความสนใจ
3. หนังสือจะบันทึกเรื่องราวในอดีตเป็นประวัติศาสตร์ สนับสนุนให้มีการศึกษาค้นคว้าให้กว้างขวางต่อไป
4. หนังสือจะกล่อมเกลาจิตใจผู้อ่านให้เกิดอารมณ์สุนทรี และประทับใจกับบุคคลและเหตุการณ์บางอย่าง
5. ช่วยสร้างนิสัยรักการอ่าน และส่งเสริมให้การอ่านเป็นความจำเป็นของชีวิต เมื่อต้องการทราบและแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยวิธีการแสวงหาคำตอบจากหนังสือ
6. หนังสือเป็นเพื่อนคลายเหงา ช่วยให้ผู้อ่านรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
สุโค้ย
ดีมากเลยค่ะอ่านแล้วความรู้แน่นมากเลยค่ะ
ดีจร๊ ซีไม@มิน 55555555
สุดสวยยยยยยยย !
ขออนุญาตนำไปใช้อ้างอิงนะคะขอบคุณคะ