ความหมายและที่มาของกฎหมาย
ความหมายและที่มาของกฎหมาย
ที่มาของกฎหมาย มาจากแนวคิดของนักกฎหมายในอดีตหลายกลุ่ม กล่าวคือ กลุ่มที่มีความคิดแบบธรรมชาติ เห็นว่ากฎหมายที่แท้จริงจะต้องมาจากธรรมชาติ คำว่าธรรมชาติก็ได้แก่ กฎ ระเบียบแบบแผน ขบมธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา ซัฒนธรรมที่ปรากฎอยู่ในสังคม หรือสังคมที่เป็นผู้สร้างกฎหมาย และกฎหมายจะเป็นผู้สร้างสังคมต่อไป ส่วนกลุ่มที่มีความคิดแบบฝ่ายบ้านเมือง เห็นว่ากฎหมายต้องเกิดจากอำอาจฝ่ายบ้านเมือง หรือรัฐฐาธิปัตย์ คือ รัฐสภา เพราะอำนาจนั้นแหละเป็นธรรม ส่วนกลุ่มที่มีแนวคิวในฐานะผู้รู้หรืเมที คือ ผู้มีศิลปวิทยา นักนิติศาสตร์ หรือคำพิพากษาของศาล ได้ให้แนวคิดทัศนคติวางไว้เป็นบรรทัดฐาน ทำให้เกิดเป็นการกฎหมาย ส่วนกลุ่มที่มีความคิดทางกฎหมายสังคมนิยมถือว่า เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองเป็นจักรกลสำคัญทำให้เกิดกฎหมายขึ้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดกฎหมายที่ใช้ในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 ระบบ คือ
1. ระบบกฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร(Common law system) เป็นกฎหมายที่เกิดจากขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี ศาสนา วัฒนธรรม รวมทั้งคำพิพากษาของศาล ประเทศที่ใช้ในปัจจุบัน คือประเทศอังกฤษ
2. ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร (civil law systm) เป็นกฎหมายเกิดจากอำนาจแห่งรัฐองค์กรจัดทำและรับรอง คือ รัฐสภา เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษร มีขั้นตอนในการจัดทำและประมวลไว้เป็นกฎหมาย สามารถอ้างอิงได้ ประเทศที่ใช้ในปัจจุบัน คือ ประเทศฝรั่งเศส และประเทศในกลุ่มโรมัน รวมทั้งประเทศไทย
ความหมายของกฎหมาย
ได้ยึดถือกันมาว่า กฎหมานอาจมาจากผูมีอำนาจสูงสุดของรัฐตราขึ้นใช้บังคับ รวมทั้งจารีตประเพณีอันเป็นที่ยอมรับนับถือเพื่อใช้บริหารประเทศ และบุคคลในประเทศจะต้องปฏิบัติตามหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจได้รับผลร้ายหรือจะต้องได้รับโทษสำหรับฐานความผิดนั้นๆ ดังนั้น ความหมายของกฎหมายจึงหมายถึง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เกิดจากอำนาจสูงสุดของประเทศตราขึ้นใช้บังคับ รวมทั้งจารีตประเพณีที่ได้รับการยอมรับนับถือจากสังคม ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามอาจได้รับผลร้ายหรือได้รับโทษตามฐานความผิดนั้น
วันนี้จบแค่นี้ก่อนนะคะมีอะไรเพิ่มเติมเชิญได้คะ
ความเห็น (1)
สวัสดีจ้าหนูเสาวนีย์....
ยินดีมากนะคะที่แวะไปทักทายกัน
กฎหมายเขามีไว้เพื่อความยุติธรรมสำหรับทุกคน และเพื่อคานอำนาจให้เท่าเทียมกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจใช้กฎหมายอีกแหละ ว่า...จะใช้มันไปในทิศทางใด มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ อย่างไร???