อรุณสวัสดิ์ครับคุณพี ผมหวังว่าคุณจะรักษาคำมั่นสัญญาจะอธิบายหลักแนวคิดในเรื่อง มาร์ชมาลโลว์ ให้ผมฟังนะครับ
ฉันจะเล่าให้ฟังเริ่มจาก คนที่ประสบความสำเร็จ ต้องเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา โจนาธานพูด จริงหรือครับคุณพี
จริงอาร์เธอร์และมีบางคนทำเงินได้มากโดยที่ไม่ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญาที่มีต่อข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับคนอื่น แต่สุดท้าย ไม่ช้าก็เร็ว ผู้คนเหล่านั้นก็จะรู้ทัน และที่สำคัญคือ คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมอบสิ่งที่เราต้องการ ถ้าพวกเขาไว้วางใจเรา
อาร์เธอร์ เราจะเข้าหลัก มาร์ชมาลโลว์ เท่าที่ฉันจำได้ นายต้องรู้ว่าเราจะนำหลักทฤษฏีนี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไร
ครับผมต้องการรู้ ถ้านั่นคือเคร็ดลับความสำเร็จของคุณ และการเติมความพึงพอใจที่มีขีดจำกัดของผม แต่ก่อนอื่นให้เราย้อนกลับไปถึงอดีตที่นายเคยตกอยู่ในสภาพที่สนองความต้องการตนเองโดยไม่สามารถยัยยั้งไม่ให้กินมาร์ชมาลโลว์ กันก่อน
ตอนนั้นผมมีรถที่สุดยอดที่สุด และรับประกันได้ว่ามันต้องดึงดูดใจสาวๆได้แน่นอน และนี่คือเหตุผลที่นายซื้อมันมาใช่หรือเปล่า แล้วนานเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ผมใช้เงินที่ได้จากงานฉลองวันเกิดตอนอายุ 16 หลังจกนั้นผมต้องทำงานเพื่อนำเงินมาจ่ายค่ารถรายเดือนและผมต้องทำงานเพิ่มอีกงานหนึ่งเพื่อที่จะได้มีเงินพอใช้จ่ายกับสาวๆ
นั่นแสดงว่า รถของนายถือเป็น มาร์ชมาลโลว์ก้อนใหญ่ ทีเดียว จริงมั้ย อะไรนะครับ มันคือ ความต้องการให้ตนเองพอใจในทันทีเดี๋ยวนั้น ใช่มั้ยครับ และถ้าเป็นคุณ คุณต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า
แน่นอน ฉันต้องการ ในตอนนั้นฉันยังใช้รถคันเก่าที่สุดและทั้งรถทั้งฉันก็ไม่ได้เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจสาวๆเลย แต่ฉันเลือกที่จะเก็บเงินเพื่อเข้าเรียนในมหาลัย ด้วยเชื่อมั่นว่าการศึกษาเป็นกุญแจนำไปสู่ความสวยงามทุกอย่างในชีวิตที่ฉันต้องการ ฉันไม่ได้รีบกินมาร์ชมาลโลว์ ในตอนนั้น แล้วดูสิว่าตอนนี้ฉันได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน มาร์ชมาลโลว์จำนวนนับไม่ถ้วน ทีนี้ลองดูตัวอย่าง ถ้าฉันเสนอเงินให้นายระหว่างเงิน 1 ล้านเหรียญวันนี้ กับ เงิน 1 เหรียญที่สะสมเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกวันเป็นเวลา 30 วัน นายจะเลือกอย่างไหน
ผมเลือกเงิน 1 ล้านเหรียญในวันนี้ เอาอีกแล้ว นายกำลังเลือกที่จะกินมาร์ชมาลโลว์ ทันที่รู้มั้ย นายเลือกสิ่งที่เห็นชัดเจนว่าได้รับเงินก้อนนี้ แทนที่จะคำนึงถึงผลในระยะยาว ที่ถูกคือ นายควรเลือกเงิน 1 เหรียญ เพราะถ้านายเลือกแบบนี้ นายจะมีเงินมากกว่า 500ล้านเหรียญเลยทีเดียว
นี่คือ พลังอันน่ามหัศจรรย์ของการห้ามใจชะลอความพอใจของตนเองไว้ก่อน เป็นการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ซึ้งเป็นหลักสำคัญของ ทฤษฎีมาร์ชมาลโลว์
เมื่อส่งคุณพีถึงที่ทำงานแล้ว อาร์เธอร์ก็กลับบ้าน เขาถอนหายใจ และเข้าไปในบ้าน เขาหยิบถุงมาร์ชมาลโลว์ที่ซื้อเมื่อวันก่อนขึ้นมา ฉีกถุงแล้วหยิบก้อนหนึ่งเข้าปาก จากนั้นก็วางถงนั้นลงบนโต๊ะข้างเตียง
เขาสัญญากับตัวเองว่า ถ้ามันยังคงอยู่ที่นั้นจนถึงเช้า ฉันจะกินมัน 2 ก้อน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความเห็น