ได้เจออ.อ้อมตอนลงพื้นที่ราชบุรีและกาญจนบุรีโครงการวิจัยระบบ แลกเปลี่ยนชุมชนเพื่อการพึ่งตนเองวันที่6-8ก.ค.นี้ อ.อ้อมบอกว่ามาร่วมรายการนี้เพื่อเสาะหาแหล่งเรียนรู้สำหรับการดูงานของโซนใต้ เมื่อจบรายการอ.อ้อมบอกว่าได้ทั้งแหล่งเรียนรู้และแนวคิดใหม่ที่จะไปเสริมการทำงานของโซนใต้ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
ผมคิดว่าสิ่งที่อ.อ้อมทำคือ การหาความรู้เพื่อเติมเต็มให้กับขบวนชุมชน ซึ่ง อ.อ้อมมีฐานความเข้าใจในเป้าหมายและสภาพที่เป็นอยู่ของขบวนมาค่อนข้างชัดเจน เมื่ออ.อ้อมได้ความรู้จากเวที6-8ก.ค.แล้ว(ไม่ใช่มาเอาอย่างเดียว อ.อ้อมได้โชว์เรื่องเล่าเร้าพลังของโซนใต้ให้เวทีได้เรียนรู้พอหอมปากหอมคอด้วย) อ.อ้อมก็นำสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้นำ(ตามที่เล่าให้ผมฟังและเขียนเล่าในBlog) จากนั้นก็อาจจะนำแกนนำมาศึกษาดูงานเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และมีปฏิบัติการนำความรู้ไปใช้อย่างเหมาะสม ไม่เก็บไว้บนหิ้ง
อ.อ้อมเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจ ตั้งต้นจากรูปธรรมที่เห็นได้ชัดจากกิจกรรมการดำเนินงานของเครือข่าย/กลุ่ม ได้ศึกษาลงลึกถึงความคิด สืบค้นและซึมซับถึงคุณค่าของผู้นำที่ทำหน้าที่ ขับเคลื่อนกลุ่ม กระบวนการเหล่านี้เป็นตัวอย่างการ"จัดการความรู้"ที่ทรงพลัง ซึ่งเป็นประโยชน์กับชุมชนมาก
ผมแซวอ.อ้อมว่า ทำบทบาทนักจัดการความรู้ใน3องค์ประกอบคือ มีความคิดเชิงระบบ เข้าใจบริบทของเรื่องราวค่อนข้างดี และเป็นคุณอำนวยเรื่องการบันทึกที่แจ่มชัดมีพลัง
การสร้างนักจัดการความรู้ให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอยู่ครอบคลุมทุกพื้นที่จะช่วยให้องค์กรชุมชนมีกัลยาณมิตรที่ตรงกับความต้องการ และเท่าที่ได้ร่วมงานกันมา ผมเห็นว่าส่วนราชการต่างๆสามารถทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี แม้จะจำกัดด้วยเงื่อนไขของระบบและงบประมาณ รวมทั้งวัฒนธรรมเฉพาะของแต่ละหน่วยงานซึ่งเป็นเงื่อนไข ที่ทำให้แต่ละคนสามารถเข้ามาร่วมในวาทกรรม "คุณอำนวย"ให้กับชุมชนได้มากน้อยต่างกัน
แต่สายน้ำนี้ย่อมไหลไปทิศทางนี้แน่นอน ใครตามไม่ทันก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ของชุมชน หรือเป็นเซลในส่วนที่ร่างกายไม่ต้องการซึ่งจะหดสั้นหรือหายไปในไม่ช้า