ชอบข้อเขียนนี้มาก
พี่เองเคยไปฝึกปฏิบัติธรรมที่เวฬุวัน เป็นครั้งแรกในชีวิต สาเหตุที่ไปเพราะอยากรู้...สงสัย ทำไมคนเขาถึงไปกัน...ไปแล้ว..ไปอีก...
ก่อนไปก็ศึกษาข้อมูลล่วงหน้า ตั้งแต่การอ่านหนังสือธรรมะ บทสวดมนต์ต่างๆ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง(ตามเคย) เตรียมตัว ตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว การปฏิบัติตัวจะอยู่ จะกิน จะนอน อย่างไร (ตามประสาคนรอบคอบ อิ..อิ) และที่สำคัญ..เตรียมใจ..จะไปเรียนรู้ ไปด้วยอารมณ์สดชื่น ปลอดโปร่ง อยากรู้อยากเห็น เรียกว่าพร้อมทั้งกายและใจ
โชคดี มีกัลยาณมิตร คอยให้คำแนะนำการปฏิบัติตัว เธอแนะนำว่าการปฏิบัติธรรม ต้องสำรวม พูดน้อย กินน้อย ปฏิบัติมาก ให้พิจารณาตนเอง
วันแรกไปถึงประมาณ 11 โมงเช้า ต้องยื่นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนด้วย พร้อมกรอกประวัติส่วนตัว ถ้าเป็นผู้ที่มาปฏิบัติธรรมเป็นครั้งแรก จะมีป้ายติดหน้าอกคนละสีกับผู้ที่เคยแล้ว จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พาไปห้องพักเพื่อเก็บสัมภาระส่วนตัว ได้ที่พักค่อนข้างดี มีห้องน้ำในตัว กว้างยาวประมาณ 2 คูณ 4 เมตร พอๆ กับ ห้องในโรงแรมทั่วๆไป ต่างกันหน่อยที่ดูกว้างกว่าเพราะไม่มีตู้ไม่มีเตียง มีแต่ เสื่อ หมอนขิดลายสวย ผ้าห่มที่ห่มได้ทั้งตัวแต่ต้องห่มทีละส่วน พัดลมเพดาน อ้อ..เพื่อนร่วมห้องอีก 5 ถึง 7 คน แล้วแต่เป็นวันมามากหรือวันมาน้อย ของผู้ปฏิบัติธรรม
ไปครั้งนั้นตั้งใจไปอยู่ 7 วัน (ลาพักผ่อนไปหนึ่งสัปดาห์) วันแรกหลังจากที่พระอาจารย์แนะนำและสอนวิธีนั่งและเดินในเชิงทฤษฎีแล้ว ท่านก็พาปฏิบัติจริง เริ่มจากนั่งสมาธิ 30 นาที เดินจงกลม 30 นาที แล้วเพิ่มเวลาให้นานขึ้นในวันต่อๆไป มากสุดก็ นั่งสมาธิ 3 ชั่วโมง ฝึกนั่ง ฝึกเดิน ฝึกกิน ฝึกนอน ให้พิจารณา ให้รู้ สอง สาม วันแรก ชอบมากและทำได้อย่างที่ตั้งใจ คงเป็นเพราะตื่นเต้นและตั้งใจฝึกเต็มที่ แต่พอวันที่ สี่ไปกลับเริ่มง่วง (เพราะตื่นตีสี่ และนอนสี่ห้าทุ่มทุกวัน) คิดถึงส้มตำ ไก่ย่าง และปลาทู ....เฮ้อ! ได้ประสบการณ์ดี..ดี แต่ยังเข้าไม่ถึง พี่เลยต้องไปครั้งที่สอง อีก..อิ..อิ
ว่าแต่....คุณสมเกียรติ ไปทำอะไรที่เวฬุวัน