ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ไปทำบุญที่ไหนกันมาบ้างค่ะ??? สงสัยคงอิ่มบุญกันถ้วนหน้าทุกคน สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง ได้มีโอกาสไปนั่งปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ถนนคันคลองชลประทาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน อยากบอกว่าคนเยอะมากๆ ค่ะ มีหมดทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้เฒ่าผู้แก่ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย เป็นการบ่งบอกถึงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น "วัด" ก็ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่งานนี้ไม่มีโอกาสได้เก็บภาพอันน่าประทับใจมาฝากทุกคน เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นการผิดศีลหรือเปล่าถ้าต้องเป็นตากล้องจำเป็น ไว้มีโอกาสได้ไปเชียงใหม่อีกจะเก็บภาพวัดร่ำเปิง มาฝากกันน่ะค่ะ
กับการต้องไปวัดคนเดียว ไปนอนด้วยอีกต่างหาก ตอนแรกก็กล้าๆ กลัวๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หลายคนก็มาคนเดียวเหมือนกัน ได้เจอกัลยาณมิตรที่ดีเป็นของแถมอีกด้วยค่ะ ขอแนะนำว่าหากจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดร่ำเปิง ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะต้องตื่นนอนตั้งแต่ ตี 4 เพื่อมาทำวัตรเช้า และเวลาเข้านอนก็ประมาณ 5 ทุ่ม รับประทานอาหาร 2 มื้อ ดังคำที่แม่ชีมักพูดเตือนใจอยู่เสมอว่า "กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย แต่ปฏิบัติให้มาก" ซึ่งทางวัดจะมีตารางปฏิบัติธรรมไว้ให้ด้วย
ข้าพเจ้าเริ่มเข้าพิธีรับพระกรรมฐาน ถือศีล 8 ในวันที่ 25 ก.ค. 53 พร้อมกับอีกหลายร้อยชีวิต หลังจากลงทะเบียนเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ให้ไปรวมตัวกันที่ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ พิธีรับพระกรรมฐาน ทางวัดจะมีแม่ชีนำให้ทุกขั้นตอนจนเสร็จพิธี แล้วพระอาจารย์จะให้โอวาทและหลักการปฏิบัติเบื้องต้น จากนั้นแม่ชีจะสอนวิธีกราบสติปัฎฐาน เดินจงกรม นั่งกรรมฐาน และการกำหนดเบื้องต้นตามลำดับไป จนผู้เข้าปฏิบัติสามารถทำได้ด้วยตนเอง แล้วต้องสอบอารมณ์กับพระอาจารย์ในวันถัดไป
สำหรับการไปนั่งปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ ได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง และฝึกจิตใจของตัวเองให้ "รู้ตัว" อยู่ตลอดเวลา ยอมรับว่าแรกๆ เกิดอาการท้อแท้ เบื่อหน่าย ปวดเมื่อยร่างกาย แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก ความรู้สึกมุ่งมั่นกับการปฏิบัติก็วนเวียนเข้าในใจ เมื่อตั้งใจมาแล้ว ก็น่าจะทำทุกอย่างให้เต็มที่และดีที่สุด แต่มันก็เป็นแค่บางช่วงขณะ อาการปวดตามร่างกายก็ยังตามมาหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้น จนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนที่จะทำพิธีลาศีล ซึ่งเป็นวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8-8 คือวันอาสาฬหบูชา หลังจากทำวัตรเช้าและรับประทานอาหารเสร็จ ทางวัดก็มีการทำบุญตักบาตร และให้เจริญสมาธิภาวนาเอง ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองเริ่มมีสมาธิมากขึ้น จิตใจเริ่มจดจ่อกับการปฏิบัติ รู้สึกสงบ นิ่ง มีความสุข อิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วที่มาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้
กลางคืนหลังจากฟังพระธรรมเทศน์จากท่านเจ้าอาวาส (พระครูภาวนาวิรัช) เสร็จแล้วก็มีพิธีเวียนเทียนรอบพระวิหารและพระธาตุเจดีย์ เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจมากจริงๆ คืนนั้นหลับฝันดีเลยทีเดียวค่ะ เช้าวันที่ 27 ก.ค. 53 ข้าพเจ้าก็ได้เข้าพิธีลาศีล (ลาศีล 8 มาถือศีล 5 ตามปรกติ)
ระยะเวลา 3 วันกับ 2 คืน ที่วัดร่ำเปิงแห่งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นสิ่งไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เสมอค่ะ แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่สำคัญที่สุดก็คือ "ใจ" ของเราเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ จริงๆ ค่ะ
ท้ายนี้หากท่านใดสนใจไปทำบุญปฏิบัติธรรมที่วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ซึ่งขณะนี้ทางวัดกำลังก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ด้วยค่ะ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-5327-8620 และขออนุโมทนาบุญแก่ทุกคนด้วยนะค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
กอหญ้า...
สวัสดี คุณ กอหญ้า ครับ
"กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย แต่ปฏิบัติให้มาก"
อนุโมทนาสาธุครับ
ในชีวิตประจำวัน เราบางคนชอบหลง กินมาก นอนมาก พูดมาก รวมทั้งบางครั้งของผมเช่นกันครับ...
-สวัสดีครับคุณกอหญ้า...
-สรุปว่า.......
-"กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย แต่ปฏิบัติให้มาก"
-"ฝึกจิตใจของตัวเองให้ "รู้ตัว" อยู่ตลอดเวลา"
- "ที่วัดร่ำเปิงแห่งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นสิ่งไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป"
-"เหนือสิ่งอื่นใดที่สำคัญที่สุดก็คือ "ใจ" ของเราเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ"
-ขอบคุณครับ
หากมีเวลา ว่างๆ ลองฝึกทำดูน่ะค่ะ คุณ Phornphon และคุณเพชรน้ำหนึ่ง
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยมอ่านบันทึกน่ะ ขอบคุณน่ะค่ะ
มีมังคุดมาฝากด้วยค่ะ
ขอบคุณนะค่ะคุณหนูรี
มังคุดน่ากินมากค่ะ
สวัสดีค่ะคุณบุษรา
สบายดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาแวะเยี่ยมชมน่ะค่ะ ^_^
ใจ.. เป็นสมบัติล้ำค่า อย่าทอดทิ้งใจ
ใจ.. เป็นสมบัติล้ำค่า กว่าสมบัติใดๆ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ อ.นุ
"ใจ" เป็นสมบัติล้ำค่า
ขอบคุณค่ะ