ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์มอบนโยบายออนไลน์ การศึกษา คือ ชีวิต ทั้งชีวิต..เราดูแล
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนาง ทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียน โรงเรียนในสังกัดกทม. เพื่อมอบนโยบาย ด้านการศึกษาประจำปี 2553 ตามโครงการ “ การศึกษา คือ ชีวิต ทั้งชีวิต…เราดูแล” ในลักษณะการประชุมออนไลน์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ความเร็วสูง ถ่ายทอดสดผ่าน website http://live.bmasmartschool.com/livebma/ เพื่อให้ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียน ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 436 โรงเรียน ร่วมชมการออนไลน์ พบปะสนทนา กับผู้ว่าฯกทม. ไปพร้อมๆ กัน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีความมุ่งมั่นพัฒนาการศึกษากรุงเทพมหานครให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น ตามนโยบายด้านการศึกษาในการเสริมสร้างกรุงเทพฯให้เป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง ด้วยนโยบายการศึกษาที่ทำได้จริง มีคุณภาพมาตรฐาน พร้อมพัฒนาองค์ความรู้อย่างครอบคลุมทั้งในและนอกห้องเรียน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ซึ่งจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวตลอด 1 ปี เศษที่ผ่านมา ปรากฏผลสำเร็จเป็นรูปธรรมทุกโรงเรียนได้รับการประเมิน คุณภาพมาตรฐานจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ.และกว่า 95% ได้รับการรับรองคุณภาพในการประเมินรอบที่ 2 ที่ผ่านมา
ส่งเสริมด้านคุณธรรมและจริยธรรม เน้นใช้เวลาว่างเกิดประโยชน์
สำหรับการดำเนินการนโยบายการศึกษาตามโครงการ “ การศึกษา คือ ชีวิต ทั้งชีวิต…เราดูแล” นั้น กทม.ได้ส่งเสริมด้านคุณธรรม และจริยธรรม ศาสนาและวัฒนธรรม ด้วยการจัดการเรียนการสอนวิถีพุทธหรือวิถีธรรมตามบริบทของโรงเรียน นอกจากนี้ยังได้ดำเนิน โครงการศูนย์การศึกษาพระพุทธศาสนา จำนวน 28 โรงเรียน สอนอิสลามศึกษา จำนวน 80 โรงเรียน เพื่อให้นักเรียนใช้เวลาว่างในวันหยุดให้เกิดประโยชน์และนำหลักธรรมไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ โดยประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มจำนวนศูนย์พระพุทธศาสนา จากเดิมที่มีอยู่ 39 ศูนย์ ใน 22 เขต เป็น 67 ศูนย์ ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต
เล็งแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นเปิดสอนหลักสูตรโตไปไม่โกง
เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กทม. ได้จัดทำหลักสูตร “ โตไปไม่โกง (Anti-corruption )” สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลและประถมศึกษา โดยมุ่งเน้นการปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่สอดคล้องกับการป้องกันและแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งในภาคเรียนแรกของปี การศึกษา 2553 เริ่มจากชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 280 โรงเรียน และจะขยายให้ครอบคลุมทุกชั้นเรียนในปีการศึกษา นี้ เพื่อให้เกิดการจัดกระบวนการเรียนรู้ในการปลูกฝังคุณค่าหรือค่านิยมที่เป็นการป้องกันการคอร์รัปชั่นได้ เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ความกล้าหาญยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ฯลฯ ภายใต้แนวคิดส่งเสริมให้นักเรียนกรุงเทพมหานคร “ โตไปไม่โกง”
ขยายโรงเรียนเรียนร่วมเปิดโอกาสเด็กพิเศษ เป็น 100 โรง ในปี 53
นอกจากนี้กทม. ได้ส่งเสริมการศึกษาให้เด็กพิเศษเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยเพิ่มจำนวนโรงเรียนเรียนร่วม ที่สามารถจัดให้เด็กพิเศษได้มีโอกาสเรียนร่วมกับเด็กปกติ จากเดิมที่มีอยู่ 74 โรงเรียน ในปีการศึกษา 2551 เป็น 100 โรงเรียน ในปีการศึกษา 2553 พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากร ครูผู้สอนให้ได้รับการศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อประสิทธิภาพในการสอน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในรูปแบบการจัดการเรียนร่วม
พัฒนาเด็กกทม. เก่งหลายภาษาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
กทม. ได้ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพื่อพัฒนานักเรียนในสังกัดให้มีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะด้านการสื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยจัดให้ทุกโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษตามหลักสูตรและเพิ่มการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นการสื่อสารโดยครูชาวต่างประเทศให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงชั้นเรียนสูงสุดของแต่ละโรงเรียนผ่านโครงการเรียนฟรี เรียนดี อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ได้มีการจัดการเรียนการสอนภาษาอื่นๆ ด้วย อาทิ ภาษาจีน ภาษาอาหรับ ภาษาสเปน และภาษาญี่ปุ่น
ส่งเสริมการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
ในปีการศึกษา 2553 ทุกโรงเรียน จะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมเพื่อรับชมรายการของสถานีวิทยุการศึกษาทางไกล ผ่านดาวเทียมวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาสาระต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ สามารถเรียนรู้ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยขณะอยู่ระหว่างดำเนินการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษคาดว่าภายในเดือนหน้า จะเริ่มดำเนินการติดตั้งและอบรมแนวทางการใช้การศึกษาดาวไกลผ่านดาวเทียม
ติดกล้อง CCTV ดูแลความปลอดภัยให้แก่นักเรียน
เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่นักเรียนทั้งเรื่องการเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนอันตรายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กทม. จะติดตั้ง กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) ให้ครบทั้ง 436 โรงเรียนภายในปีนี้ โดยติดตั้งกล้องตามขนาดโรงเรียน คือ โรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 10 จุด ขนาดกลาง 12 จุด และขนาดใหญ่ 16 จุด นอกจากนี้ได้มีการจ้างยามรักษาความปลอดภัยมาดูแลความปลอดภัยของนักเรียนในเวลากลางวัน และดูแลทรัพย์สินในเวลากลางคืนด้วย
ต่อเนื่องโครงการว่ายน้ำเป็นเล่นน้ำปลอดภัยทุกระดับชั้น
โครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัย เป็นโครงการที่จัดให้นักเรียนได้เรียนว่ายน้ำ ซึ่งเดิมให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หรือชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้เรียนคนละ 1 หลักสูตร โดยในปีการศึกษา 2553 กทม. ได้เพิ่มงบประมาณให้นักเรียนในสังกัดตั้งแต่ ระดับชั้น ป.1 – ป.6 ทุกคนมีโอกาสได้เรียนว่ายน้ำคนละ 2 ปี ต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกว่ายน้ำเบื้องต้น สามารถช่วยเหลือตัวเอง และเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยด้วย
อ้างถึง http://www.asamedia.org/2010/06/4229/
มาเยี่ยมชมผลงานครับ
น่าอ่าน น่าเรียนรู้..ปัจจุบันทันด่วน..ขอบคุณข้อมูลน่ารู้และต้องติดตามค่ะ
นโยบาย..สวยสด..งดงาม..ดีครับ!
ขอบคุณ..สำหรับความรู้..ดีดี..
วันนี้ใส่แว่นใหม่แล้วดูดีมากเลย
เป็นตัวแทนความระลึกถึงค่ะ
หลงเข้ามาแต่คุ้มค่ามากค่ะ