กระบวนการเรียนรู้ที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน
กระบวนการเรียน
กระบวนการเรียนการสอนของวิชชาลัยชุมชนท้องถิ่นพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับปริญญาตรี มุ่งที่จะให้ผู้เรียน มีความรู้ความเข้าใจสภาพการณ์ของชุมชนและท้องถิ่นอย่างละเอียดลึกซึ้ง ทะลุปรุโปร่ง ทุกแง่ทุกมุม มากกว่าความรู้ทางหลักการ หรือทฤษฎีระดับสากล กระบวนการเรียนการสอน จึงเน้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลของชุมชน หรือเอาชุมชนเป็นฐานการเรียน ผู้เรียนจะได้รับการมอบหมายให้ไปศึกษา หรือการเก็บข้อมูลของชุมชน ทำเป็นเอกสารรายงาน แล้วนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องเรียน อาจารย์ผู้สอน จะทำหน้าที่เป็นวิทยากรกระบวนการ หรือเป็นกระบวนกร เพื่อมอบหมายงานให้นักศึกษาไปศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลของชุมชนและท้องถิ่น ให้ผู้เรียนหรือนักศึกษาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกัน อาจารย์จะทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลของชุมชนท้องถิ่นไปสู่ท้องถิ่นอื่น ๆ ในภาพกว้าง และเสริมความรู้ของนักศึกษาในแง่มุมอื่น ๆ เพื่อพัฒนากรอบความคิดของผู้เรียนให้กว้างขึ้น เห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงของสถานการณ์ต่าง ๆ ของสังคมและของโลก
ดังนั้น บุคลากรที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของวิชชาลัย จึงมิได้เป็นผู้บรรยาย หรือเป็นบ่อเกิดแห่งความรอบรู้ทั้งมวล มิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือเป็นผู้ชำนาญการ ที่จะนำเอาประสบการณ์ของตนเองมาถ่ายทอดให้กับผู้เรียน แต่มีหน้าที่ในการกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และการตระหนักรู้ด้วยตนเอง
ห้องเรียนของวิชชาลัย จึงอยู่ที่ชุมชน ท้องถิ่น เวทีประชาคม เวทีเสวนา อยู่กับปัญหาและสภาพความเป็นจริงของแต่ละท้องถิ่นนั้น ๆ ผู้สอนของวิชชาลัยสามารถจะมอบหมายงานให้กับนักศึกษาเพื่อเก็บรวบรวม สังเคราะห์ ถอดบทเรียน ตามหัวข้อวิชาต่าง ๆ ที่นักศึกษาได้ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษานั้น ๆ
การประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษาจะประเมินจากเอกสารการนำเสนอของผุ้เรียน และประเมินจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนักศึกษาในชั้นเรียน ร่วมกับนักศึกษาคนอื่น ๆ
วิชชาลัยเชื่อว่า นักศึกษาของวิชชาลัย เป็นผุ้มีประสบการณ์ในการทำงานในชุมชนมาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่สิ่งที่นักศึกษาบางคนยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างก็คือ การเรียบเรียงประสบการณ์ของตนเอง การจัดระบบ หรือการจัดหมวดหมู่ประสบการณ์ การถอดบทเรียนหรือการสังเคาะห์บทเรียนการทำงานในชุมชน การที่วิชชาลัยมอบหมายให้นักศึกษาจัดทำเอกสารการนำเสนอ จึงเป็นการฝึกฝนการถอดบทเรียนการทำงาน การนำเสนอของนักศึกษา ยังเป็นการฝึกทักษะการนำเสนอ บุคลิกของการนำเสนอที่ดี วิชชาลัยเห็นว่า จำนวนมากกว่า 40 วิชาของการศึกษาในระดับปริญญาตรี จะทำให้นักศึกษามีผลงานส่วนตัวมากกว่า 40 เล่ม ที่ล้วนเป็นการสังเคราะห์ประสบการณ์งานพัฒนา การนำเสนอและการแลกเปลี่ยนมากกว่า 40 ครั้ง ในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี จะช่วยให้สร้างและฝึกทักษะการนำเสนอของนักศึกษาได้เป็นอย่างดี
การวัดผลการศึกษาของวิชชาลัย ไม่ได้วัดผลด้วยความสามารถในจดจำเนื้อหาวิชา ไม่ต้องการการแข่งขันในกลุ่มนักศึกษาด้วยกัน แต่จะวัดด้วยความสามารถในการสังเคราะห์ความรู้ การเชื่อมโยง การให้มุมมองที่กว้างขวาง การต่อยอดจากความคิดของนักศึกษาคนอื่น ๆ วิชชาลัยจึงเชื่อว่านักศึกษาทุกคนจะขอบคุณซึ่งกันและกันในกระบวนการของการเรียนรู้ มิใช่การแข่งขันและการเอาชนะ
อีกทั้งการเข้ามาเรียนรู้ร่วมกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน การได้ร่วมอภิปราย แลกเปลี่ยน การช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันตลอดระยะเวลาของการศึกษา ซึ่งไม่น้อยกว่า 3 ปีนี้ ด้วยความที่เป็นจิตอาสา จะสร้างความผูกพันต่อนักศึกษาด้วยกัน และการสำนึกรักท้องถิ่นของตน ห้องเรียนท้องถิ่นจึงเป็นห้องเรียนของการพัฒนาความรักและความปรองดองของผู้เรียนทุกคน
วิธีการเรียน
วิชชาลัยจะจัดห้องเรียนเพื่อให้นักศึกษาได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนสัมมนาร่วมกัน สัปดาห์ละ 1 วัน อาจจะเป็นทุกวันอาทิตย์เป็นต้น ส่วนวันอื่น ๆ จะมอบหมายให้เก็บข้อมูลในชุมชนท้องถิ่น และประชุมกลุ่มย่อยเพื่อเตรียมเข้าสู่วันสัมมนาประจำสัปดาห์ดังกล่าว
วันที่นัดพบปะกันของอาจารย์และนักศึกษา หรืออาจจะเรียกว่าวันเข้าห้องเรียน เป็นวันการนำเสนอของนักศึกษาของแต่ละคน เพื่อสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนกันในห้องเรียน
วิชชาลัยจะจัดห้องเรียนเป็นแบบ Block Course คือเรียนเป็นวิชาจนครบกำหนดชั่วโมงตามหน่วยกิตแล้วจึงจะสัมมนาครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงเรียนวิชาใหม่
สำหรับหลักสูตรในระดับปริญญาตรี วิชชาลัยจะจัดการเรียนเป็นแบบคู่วิชา คือ ภาคเช้า 1 วิชา และภาคบ่ายอีก 1 วิชา เรียนต่อเนื่องกัน 6 สัปดาห์ หรือ 6 ครั้ง จึงจะเป็นการสิ้นสุดการเรียน แล้วจะเรียนในคู่วิชาใหม่อีก 6 สัปดาห์ สำหรับการเก็บคะแนน จะเป็นการนำเสนอรายงานการศึกษาในชุมชนตามโจทย์ที่กำหนด เฃ่น ในวิชาปัญหาของชุมชน นักศึกษาก็ต้องวิเคราะห์ชุมชนของตนเองว่ามีปัญหาอะไร เพื่อมานำเสนอในห้องเรียน, วิชา เครือข่ายชุมขน นักศึกษาก็ต้องวิเคราะห์ว่าในชุมชนของเขามีเครือข่ายอะไร มีการบริหารจัดการอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร มีข้อเสนอแนะอย่างไร เป็นต้น, วิชา สวัสดิการชุมชน นักศึกษาก็ต้องวิเคราะห์ว่าในชุมชนของนักศึกษา มีกลุ่มสวัสดิการชุมชนอะไร บริหารจัดการอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร มีข้อเสนอแนะอย่างไร เป็นต้น
ในแต่ละภาคการศึกษา นักศึกษาจะเรียน 6 วิชา หรือ 3 คู่วิชา หรือ 18 หน่วยกิต (วิชาละ 3 หน่วยกิต) จนกว่าจะครบหน่วยกิตตามที่หลักสูตรกำหนด
การเทียบโอนประสบการณ์
เนื่องจากผู้นำชุมชนและผู้นำท้องถิ่น เป็นผู้มีอายุตั้งแต่วัยกลางคนจนถึงสูงอายุ (อายุสุงสุดของนักศึกษาในปัจจุบัน คือ 83 ปี) บุคคลเหล่านี้ได้ออกจากระบบการศึกษามาเป็นเวลานานมากแล้ว อาจจะมีปัญหาเรื่องการนำหลักฐานทางการศึกษามาแจ้งให้กับวิชชาลัย และบางคนอาจจะไม่ได้สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อย่างไรก็ตาม วิชชาลัยตระหนักถึงความสำคัญของประสบการณ์ที่ยาวนานของนักศึกษาแต่ละคน จึงจะใช้หลักการเทียบโอนประสบการณ์ ตามแนวทางของการศึกษานอกโรงเรียนในหลักสูตรเทียบระดับ เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมสนับสนุนนักศึกษาที่ไม่ได้เรียนในระดับมํธยมศึกษาตอนปลายมาก่อน ทั้งนี้ จะให้นักศึกษาจัดทำประวัติส่วนตัว ผลงานของตน และบทบาทของตนเองต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ เพื่อนำมาเทียบประสบการณ์เพื่อเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อไป
การจัดตั้งศูนย์การเรียนท้องถิ่น
ดร.ศํกดิ์ ประสานดี
ไม่มีความเห็น