การประชุมเชิงปฏิบัติการภาคกลาง-ภาคใต้ ครั้งที่ ๒
โครงการวิจัยและพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนชุมชนเพื่อการพึ่งตนเองระยะที่ ๒ <p align="center">การพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนชุมชนของไทยกับการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เศรษฐกิจชุมชน ณ ท่าหารีสอร์ท ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช </p><p align="center">วันที่ ๘-๙ กันยายน ๒๕๔๘ </p><h5>หนู เค เอ็ม ได้หยิบยก บทความของ ศ.ดร.อภิชัย พันธเสน จากเอกสารที่ใช้ประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อการสร้างความเข้าใจในที่มาของโครงการ </h5><h3>ระบบแลกเปลี่ยนชุมชนเพื่อการพึ่งตนเอง คือ อะไร ? </h3><p>ถ้าถามใคร ๆ ว่า ถ้าเราอยากจะได้อะไรโดยที่เราไม่สามารถทำได้เอง เราจะทำอย่างไรทุกคนจะตอบพร้อมกันว่าก็ต้องหาเงินไปซื้อของอของเขา ความจริงในอดีตเคยมีทางเลือก คือ เอาของที่เรามีมากเกินพอไปแลกกับของที่เรามีความต้องการมากกว่า นี่คือ ความหมายของการแลกเปลี่ยน </p><p> ข้อดีของระบบนี้คือ ถ้าหากเงินหายากกว่าของที่เรามีอยู่แล้วเราก็เอาของของเราไปแลกดีกว่า เพราะในความเป็นจริงนั้น เงินหายากกว่าของที่เรามีอยู่เพราะอย่างน้อยก็ต้องเอาของที่เรามีอยู่ไปแลกกับเงินเสียก่อนที่จะได้เงินมา ขณะเดียวกัน เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในบางกิจกรรมที่สำคัญ เช่น การเดินทางไปรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย หรือต้องส่งเสียให้ลูกหลานได้มีโอกาสทางการศึกษา เป็นต้น ถ้าสามารถประหยัดเงินโดยการแลกสิ่งของและบริการต่อกันได้ก็จะสามารถเก็บเงินเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นจริงได้ในภายหลัง </p> ในกรณีที่เราต้องติดต่อกับโลกภายนอกหรือคนนอกชุมชน โดยเราเอาแรงงานที่เรามีเหลืออยู่ หรือของที่เรามีเหลือจากความต้องการภายในชุมชนไปแลกเปลี่ยนกับภายนอกนี่คือการแลกเปลี่ยนระหว่างชุมชนลักษณะเช่นนี้ เราก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีไม่ต้องรอให้รัฐบาลมาช่วย เพราะในความเป็นจริงรัฐบาลก็ช่วยใครไม่ได้มากนอกจากพวกของตัวเอง <h5> กิจกรรมวันที่ ๘-๙ กย. จัดแบ่งกลุ่ม ๑) เล่นเกมส์บัตรแลกเปลี่ยนชุมชน เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรูปแบบการใช้เงินในการแลกเปลี่ยน กับการใช้บุญ (ของชุมชนกุดชุม)แทนเงิน และการใช้ใจ (ของโคราช)แทนเงิน </h5><p> ประโยชน์ที่ได้รับของการแลกเปลี่ยนแบบใช้บุญและใช้ใจ (แต่ก็ยังมีผสมกับการใช้เงินตราอยู่บ้าง เพื่อการติดต่อใช้กับคนนอกชุมชน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร)</p><p>ด้านเศรษฐกิจ </p><p>๑) จะมีเงินบาทหมุนเวียนอยู่ในชุมชนไม่รั่วไหลไปไหน</p><p>๒) กระตุ้นให้เกิดการผลิต ,
๓) ให้ชุมชนมีสินค้าเพิ่มขึ้น</p><p>๔) กระตุ้นการใช้วัตถุดิบในชุมชน</p>๕) ทรัพยากรหมุนเวียนในชุมชนมากขึ้น <p> </p><p>๖) ส่งเสริมให้เกิดการแปรรูป </p><p>๗) ลดการกู้เงินนอกระบบ </p><p>สังคม </p><p>๑) ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากขึ้น </p><p>๒) ส่งเสริมให้คนในชุมชนรู้จักกันมากขึ้น </p><p>๓) ทำให้คนขยัน รู้จักทำมาหากิน เกิดการผลิตมาก </p><p>๔) ลดปัญหาเรื่องยาเสพติด </p><p>๕) ชุมชนเข้มแข็ง </p><p>กิจกรรมนี้ทำให้ หนู เค เอ็ม และพี่แป้น (ทีมประสานฯ) เข้าใจในตัวโครงการวิจัยและพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนชุมชนเพื่อการพึ่งตนเองมากขึ้น (นอกจากการศึกษาทฤษฎีแล้วการปฏิบัติจะทำให้เข้าใจได้ดีทีเดียวคะ) และผลพวงอีกเรื่องก็คือ กิจกรรมนี้ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมด้วยคะ </p><p>๒) การสัมมนากลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดระบบแลกเปลี่ยนชุมชน : ผล ปัญหาและแนวทางแก้ปัญหา </p><p>กลุ่มที่ ๑ กลุ่มกรงนกและเครือข่าย กลุ่มหนองอ้อและเครือข่าย กลุ่มวัดเทวดาราม กลุ่มทอผ้าบ้านวังทองและเครือข่าย </p><p>กลุ่มที่ ๒ กลุ่มมิตรภาพและเครือข่าย กลุ่มเครือข่าย จ.ชัยนาท กลุ่มอามาน๊ะ กลุ่มคีรีวง </p><p>(ผลจากการทำกิจกรรมกลุ่มนำมาเสนอในวันที่ ๙ กย.) ประเด็น คือ </p>ผลที่ได้รับ <p>มีวิถีชุมชน ได้เพื่อนเครือข่าย บรรเทาปัญหาผลผลิตตกต่ำ ดึงให้สมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ได้
ปัญหาที่พบ </p>
๑) จำกัดเรื่องระยะเวลา ๒) นักวิจัยไม่มีจิตสำนึก ๓) นักวิจัยยังเป็นนักวิจัยแบบรับจ้าง ๔) ระบบยังไม่เร้าใจพอ
<p>ชุมชน
๑) ยังไม่เข้าใจในโครงการที่ลงไปทำ ยังไม่เข้าใจในระบบแลกเปลี่ยน ๒) ชุมชนยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องทำมาก ไม่ค่อยมีเวลาที่จะมาสนใจกิจกรรมนี้(แลกเปลี่ยนเพื่อพึ่งตนเอง) ๓) ไม่มีศรัทธาในนักวิจัย ๔) หนี้สินมาก ๕) ไม่มีวิสัยทัศน์ </p>
กรรมการ
มีงานเยอะหลายตำแหน่ง (สวมหมวกหลายใบ)
ระบบที่ใช้
๑) ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ๒) เหมือนเอาระบบไปวางไว้ให้และให้ทำตามนั้นมันขัดกับความรู้สึกของประชาชน
แนวทางการแก้ปัญหา
ทุกส่วนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา อย่างมีจิตสำนึก ทุ่มเท เพื่อพัฒนาทุนทางสังคม สร้างความสัมพันธ์ในชุมชน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และฟื้นฟูภูมิปัญญา
นอกจากกิจกรรมในเวทีประชุมแล้ว ยังมีการลงพื้นที่เยี่ยมชมกลุ่มสมุนไพร (วันที่ ๘ กย.)อีกด้วยคะ ส่วนในวันที่ ๙ นั้นหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม (ปิดการประชุมเวลา ๑๒๐๐ น.) ทีมประสาน และ ดร.ทิพวัลย์ กับทีมอาจารย์ส่วนหนึ่ง ก็ได้ไปเยี่ยมชมกลุ่มมัดย้อมสีธรรมชาติ บ้านคีรีวง ต.กำโลน แวะดูกรรมวิธีการทำเกษตรอินทรีย์ ที่วัดป่ายาง และศักการะพระบรมธาตุเมืองนครเพื่อเป็นสิริมงคล ปิดท้ายด้วยซื้อสินค้าที่ ศูนย์ OTOP เมืองนคร <p align="center"></p> <p> </p></strong>