ชีวิตที่ดำเนินอยู่ในโลกแห่งธรรมนั้น ถ้าหากใครมองอย่างผิวเผินก็เหมือนกับ ผีซ้ำ ด้ามพลอย ทุกข์แล้ว ทุกข์อีก ทุกข์อย่างไม่มีทางออก ทุกข์เสียจนไม่มีทางแก้
จากเดิมที่อยู่ในโลกแห่งกิเลส จะคิด จะทำอะไรก็เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง เกียรติ ลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะถ้าหากเราใช้ค่านิยมทางโลกวัดแล้ว โลกธรรมทั้งหลายที่ได้มานั้น "ดี๊ ดี..."
แต่เมื่อใครปฏิบัติธรรมหนักเข้า หนักเข้า เจ้าโลกธรรมทั้งหลายก็ยิ่งห่างหายไป จิตใจที่เคยติดติดสบายในลาภ ยศ สรรเสริญ ก็ดิ้นทุรน ทุราย ทุกข์อย่างแสนสาหัส
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ "ทุกข์ทั้งหลายบีบเราเข้าไปในทางธรรม" โจทย์แห่งการภาวนาทั้งหลายเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
การไม่มีลาภ มียศ และสรรเสริญนั้นเป็นสิ่งประเสริฐอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากเราผ่านได้ เราจะทิ้ง "ความหลงแบบ โลก ๆ"
ในระหว่างทางที่ขึ้นยอดเขาแสนเหนื่อยหนัก หากไม่ท้อแล้วหยุดนั่งพัก ก้าวต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งย่อมถึงเส้นชัย...
สวัสดีท่าน ปภังกร ครับ
แวะมาอ่านประสบการณ์ธรรมครับ
อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
ขอบพระคุณครับ...