วันนี้ (๙ มิ.ย. ๔๘) เป็นวันปฐมฤกษ์ของการประชุม “จับภาพ KM” โดยมี “ผู้จัดการใยความรู้” คือคุณชุติมา อินทรประเสริฐ เป็นผู้ประสานงานและ “บันทึกภาพ” ที่เป็นภาพใหญ่ ภาพเชื่อมโยงของการจัดการความรู้ในสังคมไทย เราต้องการทำความเข้าใจภาพใหญ่นี้สำหรับนำไปขับเคลื่อนขบวนการจัดการความรู้ของสังคมไทย ให้สังคมไทยได้รับประโยชน์จากเครื่องมือนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งขึ้น
คณะที่มาประชุมกันมี ๓ ทีม คือทีม PR นำโดยคุณเปา (ปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร) และทีมงานอีก ๕ คน ได้แก่ทีมงานจาก PR ของ สกว. ท้องถิ่น ๒ คน คือ คุณติ๋ม (รัตนา กิติกร) กับคุณตั้ม (สุธรรม กันดำ) กับสมาชิกใหม่สำหรับทำงานพื้นที่ ออกไปสำรวจหากิจกรรมจัดการความรู้ทั่วราชอาณาจักร คือ คุณอาทิตย์ ลมูลปลั่ง อีก ๒ คนเป็นทีม PR สคส. เจ้าเก่า คือคุณตุ่ม (ศศิธร อบกลิ่น) กับคุณน้ำ (จิรวรรณ ศิลารักษ์) ผมเอารูปสมาชิกใหม่ ๓ คนมาลงไว้ให้พันธมิตรของ สคส. ได้รู้จักด้วย
ทีมที่ ๒ คือทีม สกว. ภาค ซึ่งวันนี้ยังไม่มีคนเข้าร่วม ส่วนทีมที่ ๓ คือ สคส. มีคุณแอนน์ (ชุติมา) เป็นหัวหน้าใหญ่ คนอื่นๆ ใน สคส. เป็นลูกทีม ผมเป็นกองหนุน เอารูปคุณแอนน์ซึ่งเป็นคนเก่า แต่เป็นสมาชิกใหม่ของ สคส. มาให้ดูกันด้วย
คุณเปาวางแผนว่ากิจกรรม “จับภาพ KM” นี้ จะช่วยเชื่อม สกว. ภาค เข้ากับ สคส. ซึ่งพวกเราที่ สคส. เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ เราหวังว่าจะเกิด synergy ระหว่างงานวิจัยท้องถิ่นกับการจัดการความรู้ภาคชุมชนที่มีส่วนคล้ายคลึงกันมาก และทำให้งานทั้งสองฟาก (ของสิ่งเดียวกัน) ทรงพลังยิ่งขึ้น
ทีม PR จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลที่คิดว่าเป็นการจัดการความรู้ที่ดี หรือมีกิจกรรมจัดการความรู้อยู่ด้วย เอามาเล่าเพื่อช่วยกันจับภาพว่า เป็นกิจกรรมที่มีการจัดการความรู้ที่ดีอยู่หรือไม่ ถ้ามีอยู่ ควรจะเข้าไปเชื่อมโยงให้ขยายเครือข่าย หรือดำเนินการจัดการความรู้ที่หนักแน่นยิ่งขึ้น ได้อย่างไร
วันนี้ เราได้รับทราบเรื่อง ๒ เรื่อง ที่น่าจะเป็นเรื่องราวของการจัดการความรู้ที่ชาวบ้านทำกันเอง โดยไม่รู้จักว่านั่นเป็น KM ได้แก่
1. กุดขาคีม : การจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็กโดยองค์กรชาวบ้าน
2. เรียนรู้อดีต – เข้าใจปัจจุบัน : ชุมชนอาคารสงเคราะห์ จ. พระนครศรีอยุธยา
ผมจะไม่เล่ารายละเอียดของทั้ง ๒ ชุมชน เพราะว่าเราจะจัดประชุมวิชาการในวันที่ ๑๘ ส.ค. ๔๘ เวลา ๙.๐๐ – ๑๒. ๐๐ น. ที่โรงพยาบาลเปาโลฯ เพื่อนำเสนอและทำความชัดเจนเรื่องราวของการจัดการความรู้ของชุมชนอาคารสงเคราะห์ อยุธยา ซึ่งผมบอกว่าน่าจะเรียก “การจัดการความรู้ ๓ ชั่วโคตร” คือดำเนินการต่อเนื่องเชื่อมชีวิตคน ๓ ชั่วคน ในเวลา ๔๐ ปี จากสลัมสู่ชุมชนต้นแบบ สู่กระบวนการค้นหาความรู้ชุมชน ใช้วิธีการวิจัยหาประวัติศาสตร์ชุมชนโดยเยาวชนในชุมชน มีผลให้เกิดการพลิกฟื้นความเข้มแข็งของชุมชนขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง ท่านที่สนใจโปรดติดตามจากเว็บไซต์ สคส. (www.kmi.or.th) หรือที่บล็อกนี้
วิจารณ์ พานิช
๙ มิ.ย. ๔๘
หาดใหญ่
ไม่มีความเห็น