เป็นนักกฎหมายอย่างผม(อัยการ ๑๗)คดีหกลังแม่โขง


พอเริ่มซักค้านจำเลยได้สองสามคำถาม จำเลยเหมือนผีเข้าตอบผมแบบผมเป็นไอ้หน้าโง่ เป็นเด็กไม่รู้ประสา ตอบแบบตะคอก ยังงี้เข้าทางโจรครับ ฮ่าๆ ผมยืนยิ้ม แล้วพูดแบบกวนๆว่า ผมถามคุณด้วยถ้อยคำที่สุภาพแบบผู้ดี คุณมีหน้าที่ตอบคำถามของผมให้ศาลท่านได้ยิน ผมทำหน้าที่ของผมไม่ได้มีอคติกับคุณ คุณก็ทำหน้าที่ของคุณ ศาลท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ศาลกับอัยการไม่ใช่ลูกน้องคุณ ไม่เชื่อก็ถามท่านดู

        สำนวนคดีนี้เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดมีความเห็นแย้งคำสั่งของอัยการจังหวัดจึงต้องส่งไปให้อัยการสูงสุดชี้ขาด แต่การชี้ขาดก็ต้องฟังความเห็นจากผู้ใต้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ใครได้อ่านความเห็นคดีแล้วสนุกครับ เพราะแย้งกันไปกันมาหลายครั้งเป็นที่สนุกสนาน ต่างก็งัดข้อเท็จจริงข้อกฎหมายว่ากัน บ้างก็ว่าขาดอายุความ บ้างก็ว่าไม่ขาด จนในที่สุดอัยการสูงสุดชี้ขาดเอาแบบที่ผมเสนอ(ซึ่งผมไม่แน่ใจอัยการระดับอธิบดีหรือรองอัยการสูงสุดเห็นด้วยกับผม จำไม่ได้เพราะคดีมันนานมากแล้ว)

        รับสำนวนกลับมาแล้วก็พิมพ์ฟ้องได้เลยเพราะผมร่างฟ้องไว้เสร็จก่อนเสนอสำนวนแล้ว คราวนี้ที่เรียกว่าผู้ต้องหาพอยื่นฟ้องเขาก็ตกเป็นจำเลย คดีนี้ฟ้องจำเลยสองคนครับ คนแรกเป็นทนายความ คนที่สองก็คือหลานของผู้เสียหายเริ่มต้นสืบพยานได้ไม่นานจำเลยที่ ๑ ถูกยิงตายไม่ทราบเป็นฝีมือของใคร ระหว่างนั้นผมก็แถลงขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่กรุงเทพมหานคร และที่จังหวัดพังงา ระหว่างนั้นลุงกับครอบครัวของลุงซึ่งถือหุ้นอยู่ในบริษัทเหมืองแร่ได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม และแล้วเรื่องของญาติก็จบลงแบบญาติ ก็คือคุยกันรู้เรื่อง ลุงผู้เสียหายและบุคคลในครอบครัวยอมถอนคำร้องทุกข์ในคดีที่ยอมความได้ คดีน่าจะจบแต่มันไม่จบอีตรงข้อหาที่ผมเสนอความเห็นให้ดำเนินคดีนี่แหละ เพราะมันเป็นคดีความผิดที่ยอมความไม่ได้

        ศาลท่านก็พยายามให้คดีจบลงด้วยดีเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องในเครือญาติ หากเขาคุยกันรู้เรื่องแล้วก็จะได้จบกันไป ข้อหาที่ยอมความไม่ได้จำเลยจะรับสารภาพไหม ศาลจะได้พิจารณาให้เพราะผู้เสียหายเขาก็ไม่ติดใจเอาความแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมเพราะเขาถือว่าเขาไม่ผิด เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องสืบพยานกันต่อครับ จนคดีล่วงมาจนถึงปี ๒๕๔๒ คำสั่งย้ายให้ผมไปรับราชการที่จังหวัดกระบี่ แต่คดีนี้ถึงเวลาสืบพยานฝ่ายจำเลย ทนายจำเลยเขาเบิกความก่อน ผมจำคลับคล้ายคลับคลาว่าผมได้ถามค้านเพียงนัดเดียวหรือยังไม่ทันได้ถามค้าน ฝ่ายจำเลยเขาขอเลื่อนคดีเพื่อให้ผมไปพ้นจากจังหวัดภูเก็ตก่อน แล้วผมก็พ้นจากคดีนี้ไป

        แต่เวรกรรมไปอยู่ที่กระบี่ได้ ๖ เดือน ผมโทร.คุยกับอัยการจังหวัดภูเก็ตซึ่งเพิ่งย้ายมาไม่กี่เดือนถามสารทุกข์สุขดิบเพราะท่านเคยมาเป็นอัยการจังหวัดฝ่ายช่วยเหลือกฎหมายที่ภูเก็ต ท่านก็บอกกลับมาช่วยพี่ที่ภูเก็ตดีกว่า พี่ไม่มีคนช่วยรับแขกเลย มือรับแขกสองคนสำคัญอย่างผมไปอยู่กระบี่ เพื่อนอีกคนไปอยู่พังงา แถมทั้งสองคนมีแต่คดีสำคัญทั้งนั้น เพราะลูกพี่ไว้ใจใครมารับสำนวนต่อปวดหัวทั้งน้านเพราะมีแต่สำนวนยากๆหนาๆ...อิอิ ผมรับปากว่าจะกลับไปช่วย อยู่กระบี่ได้ ๖ เดือนก็มีคำสั่งจากสำนักงานอัยการเขต ๘ สั่งให้ผมกับเพื่อนสองคนไปช่วยราชการสำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตคนละ ๖ เดือน

        กลับมาที่สำนวนคดีที่ว่า พอผมย้ายไปสองเดือนก็เป็นวันสืบพยานต่อ อัยการคนมารับสำนวนก็แถลงขอเลื่อนเพราะอ่านสำนวนไม่ทันเพราะเอกสารเยอะและคดีมีความซับซ้อน ศาลอนุญาตไปอีก ๒ เดือนเข้าใจว่าสืบพยานปากทนายจำเลยจบ ก็เป็นการเริ่มต้นสืบพยานตัวจำเลยเอง ก็เลื่อนไปอีก ๒ เดือนและนัดสืบพยานสองวัน ถึงวันนัดวันแรกเขาก็ขึ้นเบิกความพอถึงเวลาให้ซักค้านอัยการขอเลื่อนโดยแจ้งกับศาลว่าวันรุ่งขึ้นผมกลับไปรับราชการที่สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตและประสงค์จะมาว่าความคดีนี้เอง แฮ่...

        วันรุ่งขึ้นผมไปศาลแต่เช้า อ่านตรวจสอบสำนวน เตรียมเอกสารซักค้านไว้พร้อมสรรพ พอเริ่มซักค้านจำเลยได้สองสามคำถาม จำเลยเหมือนผีเข้าตอบผมแบบผมเป็นไอ้หน้าโง่ เป็นเด็กไม่รู้ประสา ตอบแบบตะคอก ยังงี้เข้าทางโจรครับ ฮ่าๆ ผมยืนยิ้ม แล้วพูดแบบกวนๆว่า ผมถามคุณด้วยถ้อยคำที่สุภาพแบบผู้ดี คุณมีหน้าที่ตอบคำถามของผมให้ศาลท่านได้ยิน ผมทำหน้าที่ของผมไม่ได้มีอคติกับคุณ  คุณก็ทำหน้าที่ของคุณ ศาลท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ศาลกับอัยการไม่ใช่ลูกน้องคุณ ไม่เชื่อก็ถามท่านดู (อิอิ...เทคนิคการหาพวก ฮ่าๆ) ศาลก็เลยใส่จำเลยให้ตอบคำถามอัยการดีๆ อัยการเขาทำหน้าที่ของเขา จำเลยมีหน้าที่ตอบก็ตอบไป จำเลยก็จ๋อยลงมาหน่อยนึง ผมถามค้านแบบเน้นๆเนื้อๆในประเด็นสำคัญว่า ข้ออ้างที่จำเลยไปให้การกับเจ้าพนักงานที่ดินว่ายายยกที่ดินให้มารดาและมารดายกให้กับพยานเป็นความเท็จ เพราะยายให้การยืนยันว่าไม่ได้ยกที่ดินให้มารดาจำเลยเพราะยกทรัพย์สินอื่นให้ไปตั้งแต่แต่งงานแล้ว และยายยังมีสติสัมปชัญญะดี จำเลยไปให้การกับเจ้าพนักงานที่ดินแทนยายอ้างว่ายายไม่สามารถไปให้การกับเจ้าพนักงานที่ดินได้จำเลยจึงไปให้การแทนเป็นความเท็จ

        ในที่สุดคดีนี้ก็สืบพยานเสร็จ ศาลนัดฟังคำพิพากษา ผมไปศาลแต่ไปคดีอื่นบอกกับเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ว่าเดี๋ยวจะมาเซ็นชื่อ ผลคำพิพากษาศาลพิพากษาจำคุกจำเลยสองปีโดยไม่รอการลงโทษ ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าจำเลยหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เพราะไม่นึกว่าจะโดนจำคุก

        และแล้วจำเลยก็ยื่นอุทธรณ์ ในที่สุดศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยแก้เป็นว่า “ให้จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๖ เดือน และปรับ ๖,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น” ความหมายก็คือจำเลยมีความผิดเหมือนที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั่นแหละ แต่ที่จำคุก ๒ ปี โดยไม่รอนั้นหนักเกินไป ก็เลยลดโทษให้และเพิ่มโทษปรับและรอการลงโทษ แต่แล้ว...จำเลยก็ยังไม่พอใจ ยื่นฎีกา ซึ่งกลายเป็นคำพิพากษาฎีกาที่เป็นบรรทัดฐานให้นักศึกษากฎหมายได้เรียนกัน

        ตอนหน้าผมจะยกคำพิพากษามาให้ดูกันว่าคดีนี้ในชั้นฎีกาจำเลยสู้ข้อกฎหมายว่าอย่างไรและศาลฎีกาว่าอย่างไร ยังมันไม่หาย อิอิ...

หมายเลขบันทึก: 368225เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2010 08:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านอัยการฯ กลับบ้านไปจัดหนังสือเล่มเขียว ดคีท่านอัยการฯ ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ แต่ป๋าปูอ่านจบแล้ว ป๋าชอบมากๆ แอบอมยิ้มคนเดียวด้วยค่ะ คดีนี้ นี่ ๔๐ ดีกรี แถมยังตั้งหกลัง มิมึน เมา แย่เลยรึคะ ๕ ๕ ...  ชอบตรงนี้ ขอบคุณค่ะ

คุณก็ทำหน้าที่ของคุณ ศาลท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ศาลกับอัยการไม่ใช่ลูกน้องคุณ ไม่เชื่อก็ถามท่านดู (อิอิ...เทคนิคการหาพวก ฮ่าๆ)

 

สวัสดีค่ะ คุณลุงอัยการ

  • แวะมาศึกษาค่ะ เผื่อจะเข้าใจกฎหมายมากขึ้น
  • เริ่มเข้าใจบ้างแล้วค่ะ(นำวิธีที่ลุงบอกไปใช้ อิอิ)

 แอ้ม เมืองขนมหวาน

สวัสดีค่ะ

อ่านสนุกดีนะคะ  คล้าย ๆ นวนิยายค่ะ ด้วยความระลึกถึงเสมอค่ะ  จะรอติดตามอ่านต่อไปค่ะ วันนี้แวะมาบอกขายเสื้อค่ายฯค่ะ ๒๓.จำหน่ายเสื้อ "ค่ายจิตอาสา" GotoKnow

สวัสดีครับน้องปู

สบายดีนะครับ หนังสือผมต้องอ่านไปเรื่อยๆ บางคนบอกว่าต้องค่อยๆอ่านเพราะมีมุขอยู่เยอะ อิอิ จำไม่ได้ว่าให้เล่มไหนกับน้องปูไป เพราะเล่มเหลืองก็มี เล่มเขียวก็มี เล่มหลายสีก็มี อิอิ อดใจรอตอนนี้ gotoknow จะนำเรื่อง ความรัก ความสุขที่พอเพียง จากบทความชุดครอบครัวของผมไปทำ e-book และของพระปกเกล้าฯชุดเสริมสร้างสังคมสันติสุข กำลังจะตีพิมพ์เช่นกันครับ เสร็จแล้วจะบอกให้ไปรับได้

สวัสดีหนูแอ้ม

เอาที่ลุงบอกไปเขียนตอบอาจารย์หรือยัง แฮ่ๆ

อ่านมันเข้าไป ถ้าอ่านรวดเดียวจบแล้วบอกว่ารู้เรื่องแสดงว่าโกหกตัวเอง ยิ่งอ่านไปอ่านไปแล้วยิ่งไม่เข้าใจ แสดงว่าเริ่มรู้จักกฎหมายและคิดเป็นแล้ว อิอิ....

สวัสดีครับพี่คิม

เดี๋ยวจะตามไปสั่งซื้อเสื้อครับ ช่วยๆกันเพื่อจิตอาสาครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท