มาลีพันธุ์ ภูมา โรงเรียนวัดท่างาม อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
Mrs. Maleephan มาลีพันธุ์ ภูมา โรงเรียนวัดท่างาม อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช Pooma

ศาสนาคริสต์


ทุกคนเปรียบเสมือนพี่น้องกัน

                                            ศาสนาคริสต์

                ศาสนคริสต์เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม(Monotheism)คือเป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว  พระเจ้าในศาสนาคริสต์ทรงพระนามว่า พระยะเวห์(Yaweh) หรือ ยะโฮวา(Yehovah)เป็นองค์เดียวกับพระเจ้าของศาสนายิวหรือยูดาย(Juddism)  แต่ชาวยิวไม่ต้องการออกพระนามของพระเจ้าเป็นถ้อยคำเพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงออกเสียงว่า YHWH(hopfe 1987 : 325)

                ศาสนาเอกเทวนิยมเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น  เป็นพระเจ้าสูงสุดผู้ทรงสร้างโลกสร้างมนุษย์และสรรพสิ่งในสากลจักรวาล  นอกจากนี้พระองค์ได้ประทานข้อบัญญัติแก่มนุษย์โดยผ่านทางศาสดาพยากรณ์(Prophets)c]และศาสนฑูตต่างๆในแต่ละยุคแต่ละสมัยเรื่อยมาตั้งแต่โมเสสถึงพระเยซู

                เพื่อให้ชาวยิวเกิดความสามัคคีและเดินทางถึงแผ่นดินแห่งสัญญา  โมเสสประกาศให้ชาวยิวปฏิบัติตามบัญญัติ 10 ประการอย่างเคร่งครัด  ผู้ใดไม่เชื่อฟังบัญญัติดังกล่าวจะถูกพระเจ้าลงโทษให้ได้รับความลำบาก บัญญัติ 10  ประการมีดังนี้

                ข้อ 1   อย่ามีพระเจ้าอื่นต่อหน้าเราเลย

                ข้อ 2  อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน...อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น

                ข้อ 3  อย่าออกนามพระยะโฮวา  พระเจ้าของเจ้าเปล่าๆ

                ข้อ 4  จงระลึกถึงวันซะบาโต  ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำงานทั้งสิ้นของ

                        เจ้าหกวัน แต่วันที่ 7 นั้นเป็นซะบาโตแห่งพระยะโฮวา  พระเจ้า

                        ของเจ้า  ในวันนี้อย่ากระทำการงานสิ่งใดๆ

                ข้อ 5  จงนับถือบิดามารดาของเจ้า

                ข้อ 6  อย่าฆ่าคน

                ข้อ 7  อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา

                ข้อ 8 อย่าลักทรัพย์

                ข้อ 9 อย่าเป็นพยายเท็จต่อเพื่อนบ้าน

                ข้อ 10 อย่าโลถเรือนของเพื่อบ้าน หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของๆเพื่อนบ้าน

คัมภีร์สำคัญในศาสนาคริสต์

        คัมภีร์ของศาสนาคริสต์เรียกว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ล(The Holy Bible)ชาวคริสต์เชื่อว่าคำสอนที่ปรากฎในคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า  แม้มนุษย์จะเป็นผู้เขียนขึ้น  แต่ก็เขียนโดยการดลใจของพระเจ้า

       คัมภีร์ไบเบิ้ลประกอบด้วยหนังสือ 66 เล่ม  แบ่งออกเป็น  2  ภาคคือ

                1.  พระคัมภีร์เก่า(The Old Testament)กล่าวถึงประวัติศาสตร์ของชนชาติยิว  ตั้งแต่สมัยอับราฮัมจนถึงสมัยก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ  คือกล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลา 1700 – 400 ปีก่อนคริสตศักราช  พระคัมภีร์เก่าประกอบด้วยหนังสือ 39 เล่ม  ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์  บทกลอน  เพลงสดุดี  คำพยากรณ์ คำสั่งสอน  บัญญัติ  เรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆในพระคัมภีร์เก่าเกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล ซีเรีย  อียิปต์  อาหรับ  และประเทศใกล้เคียง

                2.  พระคัมภีร์ใหม่(The New Testament)เป็นส่วนที่ยอมรับกันในหมู่ชาวคริสต์เท่านั้น  ผิดกับพระคัมภีร์เก่าซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในหมู่ชาติยิวและชาวคริสต์  พระคัมภีร์ใหม่ประกอบด้วยหนังสือ  27  เล่ม  กล่าวถึงเรื่องราวตั้งแต่สมัยพระเยซูประสูติจนถึงค.ศ.100  เป็นเรื่องราวชีวิตของพระเยซูคริสต์และคำสอนเรื่องความเชื่อของคริสเตียน  เหตุการ์ในพระคัมภีร์ใหม่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล  ซีเรีย  อียิปต์ ตุรกี กรีซ  อิตาลีและประเทศใกล้เคียง

นิกายในศาสนาคริสต์

                คริสตศาสนาแบ่งออกเป็นนิกายใหญ่ 3 นิกายคือนิกายโรมันคาทอลิก(Roman Catholic)นิกายโปเตสแตนต์(Protestant)และนิกายออร์โธดอกซ์(Orthodox) นิกายทั้ง 3 มีหลักความเชื่อร่วมกันพอสรุปได้  5  ประการคือ

  1. เชื่อว่าพระเยซูแห่งเมืองนาซาเรธเป็นศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนาคริสต์
  2. เชื่อว่าพระเยซูแห่งเมืองนาซาเรธเป็นผู้สละชีวิตเพื่อไถ่บาปให้มนุษยชาติ
  3. เชื่อว่าพระเยซูทรงฟื้นคืนชีพจริง
  4. เชื่อในพิธีล้างบาปหรือศีลจุ่ม(Baptism)และศีลมหาสนิท(Communion)โดยถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
  5. เชื่อในวันพิพากษาว่าเมื่อตายจากชีวิตนี้แล้วจะต้องไปรอรับคำพิพากษาเพื่อการลงโทษและการตอบแทนรางวัล

ทั้ง 3 นิกายของศาสนาคริสต์มีส่วนแตกต่างกันดังนี้

      1.  นิกายโรมันคาทอลิก  ถือว่าสันตะปาปา(Pope)เป็นประมุขปกครองชาวคาทอลิกทั่วโลก  และประมุขจะต้องอยู่กรุงโรม จะอยู่ที่อื่นไม่ได้  ในเรื่องความสำนึก  ชาวคาทอลิกถือว่าพระเยซูได้มอบหมายอำนาจทางการปกครองให้ เซนต์ปีเตอร์(St.Peter) เซนต์ปีเตอร์จึงเป็นผู้สืบตำแหน่งประมุขแทนพระเยซู  ดังนั้นผู้สืบตำแหน่งแทนเซนต์ปีเตอร์ก็ดำรงตำแหน่งประมุขเรื่อยมา

          การปกครองของฝ่ายโรมันคาทอลิกแบ่งออกเป็นเขตๆเรียกว่า สังฆมณฑล(Diocess)แต่ละมณฑลปกครองโดยสังฆราช(Bishop)ซึ่งแต่งตั้งโดยสันตะปาปา  สังฆมณฑลใหญ่เรียกว่าอัครสังฆมณฑล  มีอัครสังฆราช(Archbishop)เป็นประมุข  สังฆมณฑลแบ่งออกเป็นเขตวัด(Parish)ปกครองโดยเจ้าอาวาส(parish  Priest)ซึ่งแต่งตั้งโดยสังฆราช

     2.  นิกายโปรเตสแตนต์  ไม่ถือว่าสันตะปาปาแห่งกรุงโรมเป็นประมุขร่วม  โดยให้เหตุผลว่าพระเยซุได้มอบให้เซนต์ปีเตอร์เป็นประมุขก็จริง  แต่ไม่ได้บอกว่าให้ดำรงตำแหน่งนี้สืบต่อมา  ดังนั้นเมื่อเซนต์ปีเตอร์ถึงแก่กรรมก็สิ้นประมุข  ไม่มีประมุขใหม่  ไม่มีการสืบตำแหน่งประมุข  เมื่อชาวโปรเตสแตนต์มีความเชื่อดังกล่าวนี้จึงแตกออกเป็นลัทธิย่อยหลายลัทธิ  และแต่ละลัทธิก็เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน  นิกายโปรเตสแตนท์ไม่นิยมการเป็นนักบวชและไม่มีนักพรต  แต่มีนักบวชที่ทำหน้าที่ทางศาสนาซึ่งนักบวชดังกล่าวอาจมีครอบครัวหรือไม่มีก็ได้  ส่วนนิกายคาทอลิกมีทั้งนักบวชและนักพรตชายหญิง  นักพรตและนักบวชของนิกายคาทอลิกจะมีครอบครัวไม่ได้  เพราะเป็นผู้สละชีวิตทางโลก  อุทิศชีวิตทำงานตามความต้องการทางศาสนา

     3.  นิกายออร์โธดอกซ์  มีความเชื่อเหมือนนิกายโรมันคาทอลิก  ผิดกันแต่ว่าไม่มีประมุขระดับโลก  มีแต่ประมุขระดับประเทศเท่านั้น  และประมุขระดับประเทศนี้เป็นอิสระต่อกันแต่อาจจะมาปรึกาหารือกันได้  การที่ชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ไม่ยอมรับประมุขร่วมเพราะเห็นว่าสันตะปาปาแห่งกรุงโรมใช้อำนาจเกินขอบเขต  จึงแยกตัวออกเป็นอิสระ  โดยแต่ละประเทศมีประมุขของตนเอง  ไม่ขึ้นต่อสันตะปาปาแห่งกรุงโรม

        ประเทศที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์  ได้แก่  อัลบาเนีย  บุลกาเรีย  รูมาเนีย เซอร์เบีย  กรีซ  ยูเครน  รัสเซีย  และเอธิโอเปีย  ส่วนนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนท์มีศาสนิกกระจายตามประเทศต่างๆทั่วโลก  รวมทั้งในประเทศไทยด้วย

หลักคำสอนของศาสนาคริสต์

                เนื่องจากพระเยซุนับถือศาสนายิว  เมื่อพระองค์ประกาศศาสนาก็ไม่ได้บอกว่าเป็นศาสนาใหม่  พระองค์ยังยึดถือปฏิบัติทุกอย่าง ตลอดจนเข้าโบสถ์ สวดมนต์  และประกอบพิธีกรรมทางศาสนายิว  เมื่อพระองค์ประกาศคำสอน  พระองค์แจ้งแก่ชาวยิวว่าพระองค์นำข่าวดีมาบอก  ข่าวดีของพระองค์คือความรัก  ความรักจึงเป็นหลักคำสอนสำคัญของคริสตศาสนา  ความรักที่พระเยซูสอนมี 2 ระดับคือ

                ระดับที่ 1               ความรักระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

                ระดับที่ 2               ความรักระหว่างมนุษย์กับมนุษย์

พิธีกรรมในศาสนาคริสต์

                พิธีกรรมของคริสตศาสนามี 7 อย่างหรือที่เรียกว่าศีล 7 ชนิดได้แก่

  1. ศีลล้างบาป หรือศีลจุ่ม(Baptism)
  2. ศีลกำลัง(Confirmation)
  3. ศีลมหาสนิท(Holy Communion)
  4. ศีลสารภาพบาป(Confession)
  5. ศีลเจิมผู้ป่วย(Unction)
  6. ศีลบวชในบาทหลวง(Ordination)
  7. ศีลสมรส(Matrimony)

เป้าหมายสูงสุดของศาสนาคริสต์

                คำสอนของศาสนาคริสต์ต้องการให้มนุษย์ได้รับความรอด  พระเจ้าต้องการช่วยมนุษย์ซึ่งเป็นคนบาปให้รอด

                ความรอดเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ศาสนาคริสต์ต้องการให้มนุษย์ทุกคนปฏิบัติตามก็เพื่อให้ความรอดนี้และเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความพินาศเนื่องจากผลของความบาป

ที่มา : 1.  ศาสนาเปรียบเทียบ  รองศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา  อ่อนค้อม

          2.  ศาสนาเบื้องต้น  ศาสตราจารย์กีรติ  บุญเจือ

          3.  สิบเอ็ดศาสนาของโลก  พล.อ.ต.ประทีป  สาวาโย

          4.  จริยศาสตร์  วศิน  อินทสระ

                                   แบบทดสอบเรื่องศาสนาคริสต์

คำชี้แจง  ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้

1.  การประกาศศาสนาของโมเสสในข้อใดที่แสดงถึงการต้องการให้มนุษย์เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ?

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

2.  จงกล่าวถึงข้อแตกต่างระหว่างนิกายทั้ง 3 ของศาสนาคริสต์คือนิกายโรมันคาทอลิก(Roman Catholic)นิกายโปเตสแตนต์(Protestant)และนิกายออร์โธดอกซ์(Orthodox)

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

3.  จงบอกถึงเป้าหมายสูงสุดของศาสนาคริสต์ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

4.  จงบอกถึงพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ว่ามีอะไรบ้าง?  พิธีกรรมนั้นๆต้องการให้มนุษย์มีความตระหนักในเรื่องใด?

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

..............................................................................................................

     ขอขอบคุณ อ.จริยา พรจำเริญ ผู้ให้ข้อมูลจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในรายวิชา ศาสนศึกษา ส 31101ในกลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช

.........................................................................................................................................................................

หมายเลขบันทึก: 365554เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2010 18:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 20:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เป็นบทความที่ดีมากๆครับ

แต่ว่า ศีล ทั้ง 7 ที่ อาจารย์ กล่าวมานั้น

มีเฉพาะในนิกาย คาทอลิกนะครับ

โปรเตสแตนต์ ไม่มีครับ

คือหลังจากศาสนายูดายน่ะครับ พระเยซูก็ทรงลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ครับ

ท่านได้ยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้กับโลกมนุษย์

ท่านได้สั่งสอนให้สาวกของพระองค์ได้ออกไปสั่งสอนผู้คนในโลกครับ

แต่หลังจากนั้นพวกผู้แพร่ธรรมทั้งหลายก็ถูกกำจัดไปทีละคน จนหมด

มีดินแดนบางส่วนที่ศาสนาคริสต์ยังเข้าไปไม่ถึง นั่นคือ อาหรับ

ผ่านไป 600 กว่าปี ดินแดนอาหรับ ก็มีการนับถือเทพเจ้าหลายองค์ครับ

ถือเป็นการละทิ้งความเชื่ออย่างรุนแรง

ซึ่งผิดหลักธรรมของศาสนายูดายด้วยใช่ไหมครับ

ที่ซาอุดิอาระเบีย มูฮัมหมัด วัย40 ได้รับกระแสเรียกจากพระเจ้าให้ประกาศอิสลามอย่างลับๆ

และถ่ายทอดทุกถ้อยคำออกมาเป็น อัลกุรอ่าน ซึ่งเนื้อหาก็คล้ายๆกับ ไบเบิ้ล พันธสัญญาเดิมครับ

ซึ่งเรื่องราวของพระเยซูก็มีอยู่ในอัลกุรอ่านด้วยครับ

เพียงแต่ชาวมุสลิมเชื่อว่า ท่านมูฮัมหมัด คือนบีองค์สุดท้าย (องค์ที่ 25) ที่ทำให้อิสลามครบถ้วนสมบูรณ์

พระเยซูก็คือ นบีอีชา ศาสดาองค์ที่ 24 ของศาสนาอิสลาม

ชาวมุสลิมเชื่อว่าพระเยซูไม่ใช่บุตรพระเจ้า แต่เป็นนบีองค์ก่อน นบีมูฮัมหมัด (นบีแปลว่า ศาสนฑูต)

ซึ่งชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูมากพอกับนบีมูฮัมหมัดเช่นเดียวกัน (จริงๆก็เคารพ นบีทั้ง 25 ท่านแหละครับ)

แต่ชาวคริสต์จะเชื่อว่า พระเยซูเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า เป็นพระผู้ช่วยให้รอดครับ

ผู้ใดที่เชื่อในพระองค์ก็จะได้รับความรอดในโลกหน้า

จนในที่สุดศาสนาอิสลามก็ได้เติบโตขึ้นใน อาหรับครับ และแผ่ขยายไปทั่วโลกตราบทุกวันนี้

นักบวชของศานสาคริสต์คืออะไร

ขอขอบคุณ คุณธีระชัยน่ะค่ะที่ช่วยอธิบายทำให้เข้าใจในศาสนาคริสต์และอิสลามเพิ่มมากขึ้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท