ศาสนาคริสต์
ศาสนคริสต์เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม(Monotheism)คือเป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว พระเจ้าในศาสนาคริสต์ทรงพระนามว่า พระยะเวห์(Yaweh) หรือ ยะโฮวา(Yehovah)เป็นองค์เดียวกับพระเจ้าของศาสนายิวหรือยูดาย(Juddism) แต่ชาวยิวไม่ต้องการออกพระนามของพระเจ้าเป็นถ้อยคำเพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงออกเสียงว่า YHWH(hopfe 1987 : 325)
ศาสนาเอกเทวนิยมเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น เป็นพระเจ้าสูงสุดผู้ทรงสร้างโลกสร้างมนุษย์และสรรพสิ่งในสากลจักรวาล นอกจากนี้พระองค์ได้ประทานข้อบัญญัติแก่มนุษย์โดยผ่านทางศาสดาพยากรณ์(Prophets)c]และศาสนฑูตต่างๆในแต่ละยุคแต่ละสมัยเรื่อยมาตั้งแต่โมเสสถึงพระเยซู
เพื่อให้ชาวยิวเกิดความสามัคคีและเดินทางถึงแผ่นดินแห่งสัญญา โมเสสประกาศให้ชาวยิวปฏิบัติตามบัญญัติ 10 ประการอย่างเคร่งครัด ผู้ใดไม่เชื่อฟังบัญญัติดังกล่าวจะถูกพระเจ้าลงโทษให้ได้รับความลำบาก บัญญัติ 10 ประการมีดังนี้
ข้อ 1 อย่ามีพระเจ้าอื่นต่อหน้าเราเลย
ข้อ 2 อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน...อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น
ข้อ 3 อย่าออกนามพระยะโฮวา พระเจ้าของเจ้าเปล่าๆ
ข้อ 4 จงระลึกถึงวันซะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำงานทั้งสิ้นของ
เจ้าหกวัน แต่วันที่ 7 นั้นเป็นซะบาโตแห่งพระยะโฮวา พระเจ้า
ของเจ้า ในวันนี้อย่ากระทำการงานสิ่งใดๆ
ข้อ 5 จงนับถือบิดามารดาของเจ้า
ข้อ 6 อย่าฆ่าคน
ข้อ 7 อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา
ข้อ 8 อย่าลักทรัพย์
ข้อ 9 อย่าเป็นพยายเท็จต่อเพื่อนบ้าน
ข้อ 10 อย่าโลถเรือนของเพื่อบ้าน หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของๆเพื่อนบ้าน
คัมภีร์สำคัญในศาสนาคริสต์
คัมภีร์ของศาสนาคริสต์เรียกว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ล(The Holy Bible)ชาวคริสต์เชื่อว่าคำสอนที่ปรากฎในคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า แม้มนุษย์จะเป็นผู้เขียนขึ้น แต่ก็เขียนโดยการดลใจของพระเจ้า
คัมภีร์ไบเบิ้ลประกอบด้วยหนังสือ 66 เล่ม แบ่งออกเป็น 2 ภาคคือ
1. พระคัมภีร์เก่า(The Old Testament)กล่าวถึงประวัติศาสตร์ของชนชาติยิว ตั้งแต่สมัยอับราฮัมจนถึงสมัยก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ คือกล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลา 1700 – 400 ปีก่อนคริสตศักราช พระคัมภีร์เก่าประกอบด้วยหนังสือ 39 เล่ม ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ บทกลอน เพลงสดุดี คำพยากรณ์ คำสั่งสอน บัญญัติ เรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆในพระคัมภีร์เก่าเกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล ซีเรีย อียิปต์ อาหรับ และประเทศใกล้เคียง
2. พระคัมภีร์ใหม่(The New Testament)เป็นส่วนที่ยอมรับกันในหมู่ชาวคริสต์เท่านั้น ผิดกับพระคัมภีร์เก่าซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในหมู่ชาติยิวและชาวคริสต์ พระคัมภีร์ใหม่ประกอบด้วยหนังสือ 27 เล่ม กล่าวถึงเรื่องราวตั้งแต่สมัยพระเยซูประสูติจนถึงค.ศ.100 เป็นเรื่องราวชีวิตของพระเยซูคริสต์และคำสอนเรื่องความเชื่อของคริสเตียน เหตุการ์ในพระคัมภีร์ใหม่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล ซีเรีย อียิปต์ ตุรกี กรีซ อิตาลีและประเทศใกล้เคียง
นิกายในศาสนาคริสต์
คริสตศาสนาแบ่งออกเป็นนิกายใหญ่ 3 นิกายคือนิกายโรมันคาทอลิก(Roman Catholic)นิกายโปเตสแตนต์(Protestant)และนิกายออร์โธดอกซ์(Orthodox) นิกายทั้ง 3 มีหลักความเชื่อร่วมกันพอสรุปได้ 5 ประการคือ
ทั้ง 3 นิกายของศาสนาคริสต์มีส่วนแตกต่างกันดังนี้
1. นิกายโรมันคาทอลิก ถือว่าสันตะปาปา(Pope)เป็นประมุขปกครองชาวคาทอลิกทั่วโลก และประมุขจะต้องอยู่กรุงโรม จะอยู่ที่อื่นไม่ได้ ในเรื่องความสำนึก ชาวคาทอลิกถือว่าพระเยซูได้มอบหมายอำนาจทางการปกครองให้ เซนต์ปีเตอร์(St.Peter) เซนต์ปีเตอร์จึงเป็นผู้สืบตำแหน่งประมุขแทนพระเยซู ดังนั้นผู้สืบตำแหน่งแทนเซนต์ปีเตอร์ก็ดำรงตำแหน่งประมุขเรื่อยมา
การปกครองของฝ่ายโรมันคาทอลิกแบ่งออกเป็นเขตๆเรียกว่า สังฆมณฑล(Diocess)แต่ละมณฑลปกครองโดยสังฆราช(Bishop)ซึ่งแต่งตั้งโดยสันตะปาปา สังฆมณฑลใหญ่เรียกว่าอัครสังฆมณฑล มีอัครสังฆราช(Archbishop)เป็นประมุข สังฆมณฑลแบ่งออกเป็นเขตวัด(Parish)ปกครองโดยเจ้าอาวาส(parish Priest)ซึ่งแต่งตั้งโดยสังฆราช
2. นิกายโปรเตสแตนต์ ไม่ถือว่าสันตะปาปาแห่งกรุงโรมเป็นประมุขร่วม โดยให้เหตุผลว่าพระเยซุได้มอบให้เซนต์ปีเตอร์เป็นประมุขก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าให้ดำรงตำแหน่งนี้สืบต่อมา ดังนั้นเมื่อเซนต์ปีเตอร์ถึงแก่กรรมก็สิ้นประมุข ไม่มีประมุขใหม่ ไม่มีการสืบตำแหน่งประมุข เมื่อชาวโปรเตสแตนต์มีความเชื่อดังกล่าวนี้จึงแตกออกเป็นลัทธิย่อยหลายลัทธิ และแต่ละลัทธิก็เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน นิกายโปรเตสแตนท์ไม่นิยมการเป็นนักบวชและไม่มีนักพรต แต่มีนักบวชที่ทำหน้าที่ทางศาสนาซึ่งนักบวชดังกล่าวอาจมีครอบครัวหรือไม่มีก็ได้ ส่วนนิกายคาทอลิกมีทั้งนักบวชและนักพรตชายหญิง นักพรตและนักบวชของนิกายคาทอลิกจะมีครอบครัวไม่ได้ เพราะเป็นผู้สละชีวิตทางโลก อุทิศชีวิตทำงานตามความต้องการทางศาสนา
3. นิกายออร์โธดอกซ์ มีความเชื่อเหมือนนิกายโรมันคาทอลิก ผิดกันแต่ว่าไม่มีประมุขระดับโลก มีแต่ประมุขระดับประเทศเท่านั้น และประมุขระดับประเทศนี้เป็นอิสระต่อกันแต่อาจจะมาปรึกาหารือกันได้ การที่ชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ไม่ยอมรับประมุขร่วมเพราะเห็นว่าสันตะปาปาแห่งกรุงโรมใช้อำนาจเกินขอบเขต จึงแยกตัวออกเป็นอิสระ โดยแต่ละประเทศมีประมุขของตนเอง ไม่ขึ้นต่อสันตะปาปาแห่งกรุงโรม
ประเทศที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ ได้แก่ อัลบาเนีย บุลกาเรีย รูมาเนีย เซอร์เบีย กรีซ ยูเครน รัสเซีย และเอธิโอเปีย ส่วนนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนท์มีศาสนิกกระจายตามประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย
หลักคำสอนของศาสนาคริสต์
เนื่องจากพระเยซุนับถือศาสนายิว เมื่อพระองค์ประกาศศาสนาก็ไม่ได้บอกว่าเป็นศาสนาใหม่ พระองค์ยังยึดถือปฏิบัติทุกอย่าง ตลอดจนเข้าโบสถ์ สวดมนต์ และประกอบพิธีกรรมทางศาสนายิว เมื่อพระองค์ประกาศคำสอน พระองค์แจ้งแก่ชาวยิวว่าพระองค์นำข่าวดีมาบอก ข่าวดีของพระองค์คือความรัก ความรักจึงเป็นหลักคำสอนสำคัญของคริสตศาสนา ความรักที่พระเยซูสอนมี 2 ระดับคือ
ระดับที่ 1 ความรักระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
ระดับที่ 2 ความรักระหว่างมนุษย์กับมนุษย์
พิธีกรรมในศาสนาคริสต์
พิธีกรรมของคริสตศาสนามี 7 อย่างหรือที่เรียกว่าศีล 7 ชนิดได้แก่
เป้าหมายสูงสุดของศาสนาคริสต์
คำสอนของศาสนาคริสต์ต้องการให้มนุษย์ได้รับความรอด พระเจ้าต้องการช่วยมนุษย์ซึ่งเป็นคนบาปให้รอด
ความรอดเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ศาสนาคริสต์ต้องการให้มนุษย์ทุกคนปฏิบัติตามก็เพื่อให้ความรอดนี้และเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความพินาศเนื่องจากผลของความบาป
ที่มา : 1. ศาสนาเปรียบเทียบ รองศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม
2. ศาสนาเบื้องต้น ศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ
3. สิบเอ็ดศาสนาของโลก พล.อ.ต.ประทีป สาวาโย
4. จริยศาสตร์ วศิน อินทสระ
แบบทดสอบเรื่องศาสนาคริสต์
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. การประกาศศาสนาของโมเสสในข้อใดที่แสดงถึงการต้องการให้มนุษย์เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ?
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
2. จงกล่าวถึงข้อแตกต่างระหว่างนิกายทั้ง 3 ของศาสนาคริสต์คือนิกายโรมันคาทอลิก(Roman Catholic)นิกายโปเตสแตนต์(Protestant)และนิกายออร์โธดอกซ์(Orthodox)
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
3. จงบอกถึงเป้าหมายสูงสุดของศาสนาคริสต์ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
4. จงบอกถึงพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ว่ามีอะไรบ้าง? พิธีกรรมนั้นๆต้องการให้มนุษย์มีความตระหนักในเรื่องใด?
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
..............................................................................................................
ขอขอบคุณ อ.จริยา พรจำเริญ ผู้ให้ข้อมูลจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในรายวิชา ศาสนศึกษา ส 31101ในกลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช
.........................................................................................................................................................................
เป็นบทความที่ดีมากๆครับ
แต่ว่า ศีล ทั้ง 7 ที่ อาจารย์ กล่าวมานั้น
มีเฉพาะในนิกาย คาทอลิกนะครับ
โปรเตสแตนต์ ไม่มีครับ
คือหลังจากศาสนายูดายน่ะครับ พระเยซูก็ทรงลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ครับ
ท่านได้ยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้กับโลกมนุษย์
ท่านได้สั่งสอนให้สาวกของพระองค์ได้ออกไปสั่งสอนผู้คนในโลกครับ
แต่หลังจากนั้นพวกผู้แพร่ธรรมทั้งหลายก็ถูกกำจัดไปทีละคน จนหมด
มีดินแดนบางส่วนที่ศาสนาคริสต์ยังเข้าไปไม่ถึง นั่นคือ อาหรับ
ผ่านไป 600 กว่าปี ดินแดนอาหรับ ก็มีการนับถือเทพเจ้าหลายองค์ครับ
ถือเป็นการละทิ้งความเชื่ออย่างรุนแรง
ซึ่งผิดหลักธรรมของศาสนายูดายด้วยใช่ไหมครับ
ที่ซาอุดิอาระเบีย มูฮัมหมัด วัย40 ได้รับกระแสเรียกจากพระเจ้าให้ประกาศอิสลามอย่างลับๆ
และถ่ายทอดทุกถ้อยคำออกมาเป็น อัลกุรอ่าน ซึ่งเนื้อหาก็คล้ายๆกับ ไบเบิ้ล พันธสัญญาเดิมครับ
ซึ่งเรื่องราวของพระเยซูก็มีอยู่ในอัลกุรอ่านด้วยครับ
เพียงแต่ชาวมุสลิมเชื่อว่า ท่านมูฮัมหมัด คือนบีองค์สุดท้าย (องค์ที่ 25) ที่ทำให้อิสลามครบถ้วนสมบูรณ์
พระเยซูก็คือ นบีอีชา ศาสดาองค์ที่ 24 ของศาสนาอิสลาม
ชาวมุสลิมเชื่อว่าพระเยซูไม่ใช่บุตรพระเจ้า แต่เป็นนบีองค์ก่อน นบีมูฮัมหมัด (นบีแปลว่า ศาสนฑูต)
ซึ่งชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูมากพอกับนบีมูฮัมหมัดเช่นเดียวกัน (จริงๆก็เคารพ นบีทั้ง 25 ท่านแหละครับ)
แต่ชาวคริสต์จะเชื่อว่า พระเยซูเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า เป็นพระผู้ช่วยให้รอดครับ
ผู้ใดที่เชื่อในพระองค์ก็จะได้รับความรอดในโลกหน้า
จนในที่สุดศาสนาอิสลามก็ได้เติบโตขึ้นใน อาหรับครับ และแผ่ขยายไปทั่วโลกตราบทุกวันนี้
นักบวชของศานสาคริสต์คืออะไร
ขอขอบคุณ คุณธีระชัยน่ะค่ะที่ช่วยอธิบายทำให้เข้าใจในศาสนาคริสต์และอิสลามเพิ่มมากขึ้น