ก.พ. ได้มีมติที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะทำให้การปฏิบัติงานของหน่วยราชการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกคน ได้ประพฤติปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งจะส่งผลต่อการลดความเสี่ยงต่อปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันของหน่วยงานอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นให้ข้าราชการได้ความเข้าใจและตระหนักว่าเครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ข้าราชการมีแนวทางในการทำงานอย่างโปร่งใส และยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของข้าราชการในการลดความเสี่ยงต่อการทุจริตประพฤติมิชอบ และปัญหาการฟ้องร้องต่าง ๆ อันจะมีผลต่ออนาคตของชีวิตราชการด้วย
ก.พ. จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 ในการประชุม ครั้งที่ 5/2553 ให้ความเห็นชอบเครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการ ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปดังนี้
เครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการ
ประกอบด้วยมาตรฐานความโปร่งใส 4 มิติ 13 ตัวชี้วัดย่อย ดังนี้
มิติที่ 1 ด้านนโยบาย/ผู้บริหาร และความพยายาม/ริเริ่ม ของหน่วยงานในการสร้างความโปร่งใส ตัวชี้วัดประกอบด้วย
1. นโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับความโปร่งใส
2. บทบาทของผู้บริหารในการส่งเสริมเรื่องความโปร่งใสในองค์กร
3. ความพยายาม/ริเริ่มของหน่วยงานในการสร้างความโปร่งใส
มิติที่ 2 ด้านความเปิดเผย การมีระบบตรวจสอบภายในองค์กร และการมีส่วนร่วม
ตัวชี้วัดประกอบด้วย
1. การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
2. การมีมาตรฐานการให้บริการประชาชนและประกาศให้ทราบ
3. การมีระบบตรวจสอบภายในที่ดำเนินการตรวจสอบมากกว่าเรื่องเงิน/บัญชี
4. การเผยแพร่ผลการปฏิบัติงานและผลการประเมินตนเองต่อสาธารณะ
5. การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบัติราชการ
มิติที่ 3 ด้านการใช้ดุลยพินิจ ตัวชี้วัดประกอบด้วย
1. การลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
2. การใช้ดุลยพินิจในการบริหารงานบุคคล
3. การมีระบบบริหารความเสี่ยงด้านความโปร่งใส
มิติที่ 4 การมีระบบ/กลไกจัดการรับเรื่องร้องเรียน ตัวชี้วัดประกอบด้วย
1. การมีหน่วยงาน/ผู้รับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินการต่อเรื่องร้องเรียน
2. การมีระเบียบปฏิบัติในการดำเนินการต่อเรื่องร้องเรียน
โดย ก.พ.มีนโยบายผลักดันและส่งเสริมให้ส่วนราชการนำเครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการไปใช้อย่างจริงจัง และเพื่อให้การขับเคลื่อนด้านความโปร่งใสในการปฏิบัติงานเกิดผลในทางปฏิบัติและเป็นประโยชน์ในวงกว้าง และได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลภาครัฐอื่นนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสม
แต่ละมิตินั้น หากนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมแล้ว จะทำให้องค์กรที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนมองว่ามันอึมครึมนั้น กลายเป็นองค์กรที่โปร่งใส และไร้สิ่งครางแครงใด ๆ ติดอยู่ในใจ และอย่างน้อย ทำให้ข้ารชการในส่วนราชการนั้น ๆ เกิดความสบายใจในการปฏิบัติงาน และมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป คนดีก็จะไม่ท้อถอย คนถ่อย ก็จะไม่ได้ใจ และคน ... จะได้หมดไปจากราชการไทยซะที ...
ที่มา : ข่าว ก.พ.
ไม่มีความเห็น