โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

หลักธรรม คำคม ข้อคิด ชีวิตรัก จากแดจังกึม4


จึงกึม...แม่ภูมิใจที่มีลูก เป็นลูกที่ถูกเฆี่ยนตี แต่สามารถยิ้มแย้มได้ ต่อไปจงใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ เติบใหญ่อย่างแข็งแรง

หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักจากแดจังกึม4

โสภณ เปียสนิท

........................................

                ยังคงมีหลักธรรมคำคมข้อคิดจากนิยาย “แดจังกึม” จอมนางแห่งวังหลวงอยู่อีกมาก ผมขอโอกาสคัดสรรนำเสนอคุณผู้อ่านต่อไป เป็นตอน ๆ จนกว่าจะจบ เพื่อแลกเปลี่ยนแง่คิดมุมมอง สร้างสมความรู้เพิ่มขึ้น

                “...อีกประการ ยังจะช่วยชีวิตคนจำนวนมาก จะมีเรื่องใดประเสริฐแกว่านี้อีก คนที่คู่ควรอยู่ร่วมแม้เพียงวันเดียว กลับได้อยู่ร่วมกันถึง 8 ปี ให้กำเนิดบุตรแก่เขาเป็นที่เรียบร้อย ภารกิจของเราเสร็จสิ้นแล้ว ครานี้เหลือเพียงล่วงหน้าไปรอคอยเขาเท่านั้น” (แดจังกึม /หน้า141/เล่ม 1)

            คำกล่าวของปาร์คเมียงอี ที่เห็นว่าต่อไปในอนาคตลูกสาวคือ จังกึมจะได้ช่วยชีวิตคนจำนวนมากนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม ถือได้ว่าถูกต้อง มองการอยู่ร่วมเรือนกับสามีเพียงแปดปีมีลูกสาวให้เขาหนึ่งคน ถือว่าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้ว และมองการตายจากไปก่อนว่าเป็นการไปรอสามีที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น การมองชีวิตในแง่บวกอย่างนี้ ถือได้ว่าเป็นการสร้างความสงบให้แก่จิตใจ

                “แล้วหาก  ไม่มีแม่ ตอนนั้น จะอยู่อย่างไร?”นัยน์ตาทั้งสองของจังกึมเต็มไปด้วยน้ำตา สายตาบ่งบอกได้ดี สำหรับเด็กในวัยนี้ คงมิมีคำถามในโลกตอบได้ยากกว่านี้อีกแล้ว” (แดจังกึม/หน้า143/เล่ม1)

                คำถามแสดงถึงความห่วงใยของแม่ เหมือนต้องการทดสอบดูว่าหลังจากตนเองสิ้นชีพแล้ว ลูกจะคิดหาทางดำรงชีพอยู่ได้อย่างไร ความรักความห่วงใยระหว่างแม่ลูกเป็นความผูกพันเกินกว่าความตายที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะขวางกั้นได้

                “...จึงกึม...แม่ภูมิใจที่มีลูก เป็นลูกที่ถูกเฆี่ยนตี แต่สามารถยิ้มแย้มได้ ต่อไปจงใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ เติบใหญ่อย่างแข็งแรง” (แดจังกึม/หน้า143/เล่ม1)

                ก่อนการจากลาตลอดกาล แม่ยังให้กำลังใจแก่ลูก และบอกวิธีการดำรงชีวิตต่อไปในอนาคต ให้รู้จักความอดทน ต้อง “ต้องยิ้มรับความทุกข์ยาก” ให้ได้ หากใช้ชีวิตได้ดังนี้ ไม่ว่าเป็นผู้ใด มั่นใจได้ว่าสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างดี

                “แม้จังกึมร้องเรียกเช่นใด ปากของเมียงอีกลับมิมีความเคลื่อนไหวอีกต่อไป สายตาปิดสนิทลง เวลานี้มิได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ แต่จังกึมที่ไม่ยอมหยุดมือ ยังคงเคี้ยวรากไม้ ป้อนปากมารดาของตนอย่างต่อเนื่อง” (แดจังกึม/หน้า144/เล่ม1)

                เป็นการ “นอนตายตาหลับ” ของผู้จากไป เพราะมีโอกาสสนทนาสั่งสอนสั่งลา จนบังเกิดความมั่นใจในระดับหนึ่งว่า ผู้ที่ต้องห่วงใยที่อยู่ข้างหลังนั้นมีความปลอดภัยมั่นคงสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้

                “ถึงฤดูร้อน หนูจะนำเชอร์รี่และองุ่นมาฝาก ต่อไปจะเป็นคนใหญ่คนโต กลับมาสร้างสุสานให้ใหญ่ขึ้น ถึงตอนนั้นขอให้อยู่อย่างสงบสุข ท่านแม่” (แดจังกึม/หน้า145/เล่ม1)

                คำกล่าวหน้าหลุมศพมารดาแสดงให้เห็นว่า จังกึมมีความมุ่งมั่นต่อความก้าวหน้าของชีวิตอย่างยิ่ง แม้ประสบปัญหาต่าง ๆ ไม่ย่อท้อ และที่สำคัญเหลือสิ่งอื่นใด จังกึมมีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ คือมีความดีเป็นพื้นฐาน จึงนำพาชีวิตสู่จุดสูงสุดได้ดังฝันใฝ่ ประเด็นน่าคิดจึงอยู่ที่ว่า ความมุ่งมั่นต่อความก้าวหน้าเพียงประการเดียวสามารถนำพาชีวิตสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้หรือไม่

                “หมู่บ้านผู้คนแม้ดูอบอุ่นแต่กลับไม่มีบ้านใดที่ให้พักอาศัยได้ ยามค่ำคืน สายฝนแห่งฤดูใบไม้ผลิก็โปรยปรายลง จังกึมนั่งคู้ร่างใต้ชายหลังคาหน้าบ้านผู้คน ก่อนผล็อยหลับไป” (แดจังกึม/หน้า145/เล่ม1)

                เด็กอายุแปดขวบคนหนึ่ง พ่อถูกจับติดคุก แม่เพิ่งตายจากไปเดินฝ่าความหนาวเย็นภายนอก และต้องต่อสู้กับความหนาวเหน็บจากความว้าเหว่ขาดที่พึ่งพาเหมือนอยู่คนเดียวในโลกเช่นจังกึม แม้สามารถดำรงชีพอยู่โดยไม่มีความสำเร็จใดก็ถือว่าประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว ทั้งเนื้อเรื่องและคำอธิบายบรรยากาศรอบตัวจังกึมให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์แก่ผู้อ่านได้ลึกซึ้ง

            “เป็นเสียงคร่ำครวญจากปากคนเริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะ แต่กลับหยั่งรากลึกลงในจิตใจของเด็กน้อย นางวัง ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ เด็กน้อยอดมิได้ให้รู้สึกใจหวั่นไหวทุกครั้ง หากเป็นไปได้ ตนใคร่เดินทางเข้าวัง เพื่อสานฝันของมารดา...” (แดจังกึม/หน้า152/เล่ม1)

                คำบอกเล่าของแม่ ที่บอกว่า “อยากเป็นซังกุงสูงสุด” ฝังลึกอยู่ในสำนึกของจังกึม เหมือนดังหนึ่งเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากแม่สู่ลูกชนิดหนึ่ง เราอาจใช้วิธีนี้ปลูกฝังความใฝ่ฝันให้ลูกด้วยการบอกกล่าวแนวคิดอันงดงามให้แก่ลูกตั้งแต่เล็ก

                “แต่จังกึมกลับมีฝีมือมิใช่น้อย ด้วยวัยเพียงสิบขวบไม่ว่างานเช็ดถู งานส่งของ หรืองานหุงข้าวทำอาหาร ล้วนหาที่ติมิได้ ทุกครั้งที่เห็น ภรรยาตอกกุเป็นต้องเอ่ยคำ  “ยังอีกนานกว่าหนี้จะใช้หมด ดังนั้น อย่าคิดหลบหนีออกไป” เพื่อผูกมัดจังกึมไว้” (แดจังกึม/หน้า153/ เล่ม1)

                ความละเอียดอ่อนทำงานทุกอย่างด้วยความประณีตและตั้งใจทำให้มีผลงานที่ดีเป็นที่พึ่งพอใจของผู้พบเห็น จังกึมใช้ความเป็นอัจฉริยะมาแต่กำเนิดชนิดนี้สร้างความรักและเมตตาให้เกิดขึ้นในใจของแม่บุญธรรม

                “ส่วนอิลโด เพื่อนร่วมรุ่นกับจังกึมนั้น ก็มิต่างไปจากบิดาแม้ใจดีนุ่มนวล แต่ก็มักเถลไถลเป็นประจำ ทุกครั้งที่มีโอกาสจังกึมมักสอนหนังสือให้ แต่ต้องเป็นว่าสอนสอง ก็ลืมหนึ่งร่ำไป” (แดจังกึม/หน้า154/เล่ม1)

                วิสัยของเด็กทั่วไปเป็นเหมือนเช่นอิลโด คือชอบความสบาย ทำทุกสิ่งตามใจตน ทำให้ได้รับผลตอบแทนในชีวิตลดลงไปอยู่ในระดับพื้น ๆ ส่วนจังกึมนั้น นอกจากทำงานหนัก ตั้งใจศึกษาหาความรู้ แล้วยังทำตัวเป็นประโยชน์ ดังคำภาษิตไทยว่า “อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”

                “...การทดสอบจะใช้โลหิตจากปลายเท้านกแก้วหยดลงบนข้อมือ หากโลหิตเกาะค้างไว้โดยไม่ไหลลง จักถือว่าเป็นหญิงพรหมจรรย์ ซึ่งก่อนเป็นนางวัง สตรีทุกนางต้องผ่านขั้นตอนทดสอบนี้” (แดจังกึม/หน้า169/เล่ม1)

                นางวังทุกคนถือว่าเป็นสตรีของฮ่องเต้ ทุกคนต้องผ่านการพิสูจน์ว่าเป็นหญิงพรหมจารี แต่วิธีใช้โลหิตหยดจากปลายเท้านกแก้ว หยดลงบนข้อมือของเด็กหญิง หากเป็นหญิงบริสุทธิ์หยดเลือกจะรวมตัวกันอยู่บนข้อมือไม่หยดไหลลงไป ถือว่าเป็นเรื่องแปลก มีที่มาน่าศึกษา

                “...ทุกคนต้องตื่นเช้า ตั้งใจศึกษา เฉพาะต้นกล้าสมบูรณ์ที่มีที่เพาะปลูกเท่านั้นจึงอยู่รอด ภายในครึ่งเดือน จึงจะทราบผลระหว่างเวลานั้น ให้พักร่วมกับนางวัง และร่ำเรียนให้ดี...” (แดจังกึม/หน้า171/เล่ม1)

                คำสั่งสอนช่วงเริ่มชีวิตเป็นนางวังฝึกหัดถือว่าน่าฟัง เน้นความขยัน และความตั้งใจจริง และความฉลาด ซึ่งหมายถึงต้นกล้าที่สมบูรณ์ ส่วน “ที่มีที่เพาะปลูก” อาจหมายถึงโชค ที่ต้องหานายที่ถูกต้องจึงมีความเจริญก้าวหน้า

                “การฝึกอบรมต่อเนื่องไปไม่รู้จบ บรรดาเซ็งกักชิเยาว์วัยหลายนางเริ่มง่วงนอน หรี่ตาลงจนเกือบปิด แต่จังกึมกลับยิ่งมายิ่งเบิกตาโตกลม” (แดจังกึม/หน้า175/เล่ม1)

                มองเห็นภาพของเด็กสาวจำนวนมากเข้ากลุ่มฟังคำบรรยายชัดเจน แต่จังกึมกลับมีความสนใจมากจนลืมความง่วง นี่คือเหตุผลว่าจังกึมมีธาตุแท้ของความรักในความรู้ (สิกขะ กาโม) เหนือกว่าผู้อื่น หลักนี้คือหลักของกรรม คือทำสิ่งใดมากย่อมคุ้นชินกับสิ่งนั้น จังกึมรักการศึกษาชอบการศึกษาจึงหลับไม่ลง บางคนชอบเล่นไพ่ ยามเล่นไพ่แล้วหลับไม่ลง บางคนเล่นการพนัน ยามได้เล่นก็หลับไม่ลง เช่นกัน คุณยายใส่บาตรทุกวัน คุ้นชินกับการใส่บาตร วันไหนไม่ได้ใส่ไม่สบายใจ คนสูบบุหรี่คุ้นชินการสูบไม่ได้สูบไม่สบายใจ แล้วคุณผู้อ่านกำลังฝึกตนเองให้คุ้นชินกับสิ่งใด ลองคำนวณผลในตอนท้ายด้วยครับว่า จะเป็นอย่างไร?

หมายเลขบันทึก: 363577เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2010 22:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 11:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ตอนไหนรู้สึกเซ้ง ๆ ผมก็แว๊ปมาอ่านบทความ ความรู้สึกนึกคิดของอาจารย์ทันที ติดตามงานมานานแล้วครับ

ดีใจครับที่อาจารย์กรุณาอ่านบทความของผม

แล้วจะเขียนใส่ไว้เรื่อยๆ ครับ เพื่อเผยแพร่

ให้เป็นประโยชน์ต่อไป

ดาราผู้แสดงก็ถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยม

  • เป็นความวิริยะ อุตสาหะ ของจังกึม จริงๆๆด้วย
  • การฝึกอบรมต่อเนื่องไปไม่รู้จบ บรรดาเซ็งกักชิเยาว์วัยหลายนางเริ่มง่วงนอน หรี่ตาลงจนเกือบปิด แต่จังกึมกลับยิ่งมายิ่งเบิกตาโตกลม”
  • คู่แข่งจังกึม
  • จังซี่มัต้องถอน ฮ่าๆ

กับเรื่องดีเพิ่มสาระให้ชีวิต

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท