Deeply Emotional


เพื่ออนาคตที่ดีที่รอดิฉันอยู่ สู้ค่ะ แม้ว่าจะท้อแค่ไหนก็ตาม เพราะดิฉันอยากไปร้องเพลง “แม่พิมพ์ของชาติ” ในงานวันครูค่ะ แต่ไปคราวนี้คงไม่ได้ไปในฐานะลูกสาวคุณครู แต่ดิฉันจะไปในฐานะ “คุณครู”

ความในใจ สุข ทุกข์ สำหรับการเรียนว่าที่คุณครู

วันแรกที่ได้มาเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพครู วิชาแรกก็เหมือนถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่ 1 แถมยังถูกรางวัลพิเศษพ่วงอีกต่างหากค่ะ ฮ่าๆ อาจารย์มาก่อนเวลาหรือเนี่ย หรือว่าดิฉันเข้าห้องผิด ยังไม่ถึง 8 โมงเช้าเลย อาจารย์สอนอะไรก็ไม่รู้ ช่างเป็น 2 ชั่วโมงที่ยาวนานมากๆ และวันนี้ก็ยังไม่มีเพื่อน ส่วนมากคนอื่นๆ มาสมัครด้วยกัน เลยได้เรียนห้องเดียวกัน แต่ดิฉันฉายเดี่ยว เพราะมาขอเรียนหลังจากที่ปิดรับสมัครไปแล้ว เครียดอีกแล้วค่ะ ฮ่าๆ มองไปทางไหนก็ไม่รู้จักใครเลย ก็เข้าใจนะคะว่ามาเรียน มาหาความรู้นะ ไม่ได้มาหาเพื่อน แต่อย่างน้อยก็อยากมีเพื่อนที่สนิทๆ สักคนนึง วันนี้เลยกลับบ้านไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะแจ่มใสมากนัก คิดถูกหรือคิดผิดคะเนี่ย ที่มาเรียนที่นี่ กลับไปเรียนที่วัดสวนดอกอย่างเดิมดีไหมเอ่ย แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว อยากนึกถึงตอนที่ไปรอพบรองคณบดีฯ เพื่อมาขอเรียนที่นี่(รอพบท่านนานมาก) สู้ค่ะสู้

วันที่สอง เครียดกับวิชาแรกอีกแล้ว แต่คิดว่าคงพอจะรับมือไหวค่ะ เพราะตอนที่เรียน มช. ได้เรียนกับอาจารย์ภาควิชานี้ด้วย เลยคิดว่าน่าจะสอนแบบเดียวกัน(สไตล์เดียวกัน) ช่วงบ่ายไม่มีเรียน 1 วิชา เลยไปนั่งเล่นที่หน้าตึก และได้พูดคุยกับเพื่อนๆบ้าง คราวนี้เริ่มขำออกแล้วค่ะ และได้เพื่อนใหม่มาคนหนึ่ง เป็นคนลำพูนเหมือนกัน เรียนรุ่นเดียวกัน แต่เพื่อนคนนี้จบส่วนบุญโญปถัมภ์ ส่วนดิฉันลูกเจ้าพ่อค่ะ เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ พอจะคุยกันรู้เรื่อง และเข้ากันได้ดี ตลกปกฮาคล้ายๆกัน ถ้าไม่ได้เพื่อนคนนี้ ดิฉันคงแย่แน่ๆค่ะ คงเรียนไป เครียดไป ซึ่งเพื่อนคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ครูเหนือเมฆนั่นเองค่ะ

การเรียนการสอนของที่นี่ ก็ไม่แตกต่างจากของ มช. มากนัก แต่การสอบ ต่างกันโดยสิ้นเชิงค่ะ มช.ไม่มีการสอบแบบปรนัย มีแต่การสอบแบบอัตนัย และเน้นการคิดวิเคราะห์ การนำไปใช้มากกว่าที่จะมาท่องจำ แล้วนำไปกากบาทในกระดาษคำตอบ ดิฉันเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เลยทำข้อสอบได้ไม่ค่อยจะดีนัก เครียดค่ะ เพราะคะแนนตอน ป.โท ทำไว้ค่อนข้างดี แต่ถ้ามาเรียนที่นี่แล้วได้น้อยกว่าที่เคยทำไว้คงละอายใจตัวเองนิดหน่อย ฮ่าๆ ส่วนตัวแล้วชอบการเขียนข้อสอบแบบอัตนัย วัดความรู้ความเข้าใจมากกว่า ในสมองมีเท่าไหร่ กลั่นออกมาให้หมด ไม่มีคำตอบที่ตรงตัว แต่ดูวิธีคิด กระบวนการคิด แต่อัตนัยที่นี่ก็ยังดูไม่แตกต่างจากปรนัยมากนัก แต่ที่ต่างคือ ไม่ได้กากบาท แต่(ท่องจำแล้วนำ)เอาไปเขียนนั่นเองค่ะ

มาถึงเรื่องอื่นๆบ้างดีกว่าค่ะ ที่นี่นักศึกษาไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลเข้ามาได้ ต้องเอาไปจอดไว้ ณ ที่จอดด้านหลัง ซึ่งไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก โรงอาหาร มีร้านค้าให้เลือกไม่กี่ร้าน รสชาติก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควร ครั้นจะออกไปทานข้างนอกก็มีเวลาไม่พอ กลัวกลับมาเรียนไม่ทัน เลยต้องทนทานไป บางร้านที่เคยเป็นเจ้าประจำ ก็ไม่อร่อยเหมือนที่เคย เฮ้อ...

กลับมาที่เรื่องเรียนอีกรอบ วิชาที่สอง อาจารย์สอนสนุกดีค่ะ แม้วิชาจะดูยาก แต่อาจารย์ก็ทำให้ไม่ใช่เรื่องที่ยาก นำเอาประสบการณ์การทำงานมาเล่าให้นักเรียนฟัง และยังแทรกทริก เทคนิคต่างๆ ในการออกไปฝึกสอนให้อีกด้วยค่ะ อาจารย์ยังจำลูกศิษย์ได้อีก ว่าคนนี้ชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน จบจากที่ไหนมา ทั้งๆที่มีเวลาในการเรียนก็ไม่นาน นักเรียนก็เยอะ แต่อาจารย์จำได้ สามารถจริงๆค่ะ หนูจะพยายามจำลูกศิษย์ให้ได้เหมือนอาจารย์

วิชาที่สาม ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เรียนกับท่านนี้ เพราะทีแรกจะต้องเรียนกับอาจารย์อีกท่าน แบบนี้เรียกพรหมลิขิตหรือเปล่าคะเนี่ย อาจารย์ใจดีมาก และมักจะถูกครูเหนือเมฆแซวอยู่บ่อยๆ อาจารย์ก็จะคอยให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ เพื่อนๆในห้องต่างขนานนามให้อาจารย์ว่า “อาจารย์แม่” เพราะเรารักและเทิดทูนเหมือนแม่อีกคนของเราค่ะ

วิชาที่สี่ อาจารย์ผู้สอนท่านกำลังนั่งอ่านความในใจอยู่เนี่ยแหละค่ะ อิอิ ก็เรียนสบายๆนะคะ ทีแรกคิดว่าคงเครียดน่าดู เพราะเคยเรียนวิชานี้แล้วตอนเรียน ป.โท แต่อาจารย์ให้ดูวีซีดี ก็สบายๆดีค่ะ ไม่เครียด มีอยู่ 2 เรื่อง ที่เป็นเทปจากรายการ “คนฅ้นคน” ซึ่งดิฉันเป็นแฟนคลับตัวยงค่ะ เมื่อก่อนดิฉันจะดูทุกเทปเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่เทปแรก แต่พักหลังมานี้ไม่ค่อยได้ดูแล้ว เพราะนอนดึกไม่ได้ ต้องตื่นไปทำงานค่ะ พี่แก้ว (เลิศลักษณ์ ธรรมวุฒิ) ก็ดีใจนะคะ ที่รายการของพี่แก้วนั้น ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตว่าที่คุณครู พี่แก้วยังเคยชวนดิฉันไปสอนที่โรงเรียนทอสี ค่ะ ซึ่งลูกสาวพี่แก้ว ( น้องแก้ม พิมพ์บูรพา ธรรมวุฒิ) เรียนที่นั่นค่ะ เค้ากำลังอยากได้คุณครูภาษไทย เสียดายนะคะที่ดิฉันไม่ได้จบสายภาษาไทยมา เข้าถึงเรื่องการเรียนต่อ แรกๆก็ดูสนุกดี กลับบ้านไปอัพบล็อค ชอบมากค่ะ แต่ไฉนสัปดาห์ท้ายๆ วิชานี้ถึงเป็นวิชาที่เครียดที่สุดก็ไม่รู้ แทบจะไม่อยากเปิดบล็อคเลยค่ะ น้ำหนักลดไปเยอะเลยค่ะ ทานข้าวก็ไม่ค่อยจะลง

ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้...ก็เกือบจะหนึ่งเทอมแล้ว ดิฉันเคยถามตัวเองอยู่หลายครั้งเลยนะคะ คิดถูกแล้วใช่ไหมที่มาเรียน? ถอยตอนนี้ยังจะทันไหมนะ แต่พอมาดูวีซีดีคนฅ้นคนตอนพี่เอกชัย(อีกรอบ) เฮ้ย เราต้องสู้นะ ดูอย่างพี่เค้าสิ มีน้อยกว่าเราอีกนะ พี่เค้ายังสู้เลย ดูมีความสุข เพราะมองโลกในแง่ดี แต่เราสิมีเพียบพร้อมทุกอย่าง แค่นี้เองนะท้อแล้วหรือ อย่างนี้ใช่ไหมที่เค้าบอกว่า “เวลาเราท้อใจ ท้อแท้ในโชคชะตา อย่าเอาตัวเราไปเทียบกับคนที่ดีกว่า ต้องเอาเราไปเทียบกับคนที่เค้าด้อยกว่าเรา ทำให้เรารู้ว่า เรายังดีกว่าเค้าอีกเยอะ” เป็นการให้กำลังอย่างหนึ่ง ถ้าเราไปเทียบกับคนที่เค้าดีกว่าเรา เรายิ่งจะห่อเหี่ยว ไม่มีแรงใจที่จะสู้

มีอยู่ครั้งนึงดิฉันขับรถไปติดไฟแดง ก็มองไปข้างๆ เห็นรถกระบะ บรรทุกคนงานก่อสร้างมาเต็มเลยค่ะ พวกเขานั่งกันอย่างเบียดเสียด ร้อนก็ร้อน ในขณะที่ดิฉัน รถ 7 ที่นั่ง แต่ขับคนเดียว(ช่างเดียวดายจริงๆ) แอร์เย็นๆ พอเห็นภาพนี้แล้วก็คิดได้ค่ะ ต้องมุมานะ ต้องพยายามนะ ไม่งั้นจะไม่มีงานทำ หรือไม่ก็ต้องเป็นลูกจ้างรายวัน ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ทำงานท่ามกลางแดดที่ร้อนเปรี้ยง เพื่ออนาคตที่ดีที่รอดิฉันอยู่ สู้ค่ะ แม้ว่าจะท้อแค่ไหนก็ตาม เพราะดิฉันอยากไปร้องเพลง “แม่พิมพ์ของชาติ” ในงานวันครูค่ะ แต่ไปคราวนี้คงไม่ได้ไปในฐานะลูกสาวคุณครู แต่ดิฉันจะไปในฐานะ “คุณครู”

หมายเลขบันทึก: 363227เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2010 17:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน 2012 14:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อืมม ... เป็นเช่นความในใจนั้นจริง คุณครูวราพิมพ์ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท