เด็กเข้ามาใหม่ของบ้านอุปถัมภ์เด็กจะกินอาหารมากเป็นพิเศษ
ด้วยการรับเด็กใหม่ของบ้านอุปถัมภ์เด็ก จะเน้นเด็กที่ด้อยโอกาสและประสบปัญหาในชีวิตของเด็กทุกคน หรือบางคนครอบครัวที่ไม่พร้อมในการดูแลจะฝากไว้กับบ้านอุปถัมภ์เด็กชั่วคราว แต่กลุ่มเด็กที่ต้องรับอย่างเร่งด่วน คือเด็กลูกกรรมกรก่อสร้าง เด็กเร่ร่อน เด็กที่พ่อแม่ติดคุก เด็กที่พ่อแม่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ เด็กกำพร้า เป็นต้น
มีเด็กที่เข้ามาใหม่อยู่ที่บ้านอุปถัมภ์เด็ก คือน้องพิมยดา หมื่นสมฤทธิ์ และน้องกรรชัย สุขศรี ซึ่งเป็นเด็กที่พ่อแม่ทำงานเป็นลูกรรมกรก่อสร้าง ครอบครัวนี้ทางโครงการศูนย์เด็กก่อสร้างส่งเข้ามาเพื่อให้เด็กทั้ง 2 คนที่เป็นพี่น้องกัน แต่เป็นลูกข้างพ่อ และข้างแม่ ที่เด็กไม่ได้รับความดูแลเท่าที่ควร และไม่ไม่เคยเรียนหรือที่จะกินอาหารอย่างอิ่ม เพราะทั้งครอบครัวมีพ่อทำงานคนเดียวรายได้ วันละประมาณ 180 บาท ซึ่งถ้าไม่มีงานครอบครัวนี้อดแน่นอน
แต่กว่าครูไพโรจน จันทะวงศ์ ครูประจำศูนย์เด็กก่อสร้าง จะพูดคุยกับครอบครัวนี้สำเร็จใช้เวลาให้คำปรึกษา และติดตามอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปี ในช่วงการทำงานของศูนย์เด็ก เมื่อพ่อแม่เด็กพร้อมส่งเด็กมาที่บ้านอุปถัมภ์เด็ก พี่ๆที่อยู่บ้านมาก่อนจะบอกกับครูจิ๋วว่า น้องใหม่ทั้ง 2 คน กินอาหารมากเหลือเกิน
สิ่งหนึ่งที่จะบอกว่าเด็กไม่เคยได้กินอย่างอิ่มแบบนี้มาก่อนเลย เมื่ออยู่กับครอบครัว แต่เป็นสิ่งที่คุณครูประจำบ้านจะต้องดูแลในเรื่องอาหารการกินอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็กได้มีร่างกายเติบโตตามวัยของเด็กแต่ละคน
สวัสดีค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้กับการทำงานเพื่อเด็กค่ะ ขอให้มีความสุข มีสุขภาพแข็งแรงเป็นที่พึ่งทางใจและให้โอกาสแก่เด็ก ๆ ต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะคุณคิม
ขอขอบคุณกำลังใจที่มอบให้นะค่ะ อย่างไรเชิญเยี่ยมชมอีกนะค่ะ
เมื่อวันศุกร์ 4 มิถุนายน 2553 ทางครูไพโรจน์ จันทะวงศ์ ได้พาพ่อแม่ของเด็ก มาทำเรื่องย้ายเข้าทะเบียนราษฏร์ของมูลนิธิฯ เหตุผลที่ต้องย้ายคือการให้เด็กอยู่ในพื้นที่ เกี่ยวข้องกับค่าหัวของเด็ก เมื่อไปเรียนที่โรงเรียน สำหรับน้องพิมยดา ไม่มีปัญหาการย้ายเข้าเหตุผลเพราะเป็นบุตรของแม่ เด็กเป็นสิทธิของแม่ ส่วนน้องกรรชัย จพต้องทำเรื่องเพราะว่าแม่ของเด็กติดคุกอยู่ในเรือนจำ ต้องมีการมอบอำนาจพ่อให้มาดำเนินการ พ่อแม่ได้มีโอกาสพบกันครบทั้งครอบครัวอีกครั้ง เป็นภาพที่มีความสุขมาก แต่สิ่งที่พบคือพ่อแม่ชวนเด็กกลับไปที่บ้านพักกรรมกรก่อสร้าง น้องกรรชัยกลับไม่ไป ยืนยันว่าจะอยู่ที่มูลนิธิฯ แค่มาเยี่ยมก็พอใจแล้ว เป็นสิ่งที่คนทำงานจต้องหาข้อเท็จจริง ซึ่งเด็กโดยส่วนใหญ่จะไม่ปฏิเสธครอบครัว สิ่งที่พบ คือน้องกรรชัย จะไม่มีโอกาสได้กินข้าว หรือขนมเลย และต้องหิ่วน้ำให้แม่ทำกับข้าว (แม่เป็นแม่เลี้ยง เพราะกรรชัยเป็นลูกที่ติดพ่อแม่) และเมื่อกลับไปที่บ้านพักกรรมกรก่อสร้างก็มีเสียงชาวบ้านมาเล่าให้ฟัง และทุกคนจะบอกว่าเป็นความโชคดีของเด็กที่มาอยู่ที่มูลนิธิฯ