Double Loop Learning สิ่งที่คนไทย(หลายคน) มองข้ามไป


Appeciative Inquiry : การขอให้ลองคิดแบบ Double Loop

สวัสดีครับชาว G2K ทุกท่าน

เมื่อหลายวันก่อนผมได้มีโอกาสเข้าไปอ่านบทความของ ดร.ภิญโญ

เรื่อง "ทางลัด" "แมว" และ "AI"

และบทความของน้องบุ๋ม AI รุ่นใหม่ที่เขียนบทความ

เรื่อง "The Lemming Dilemma สภาวะลำบากของหนูเลมม ิงจ์"

ซึ่งผมพบอะไรบางอย่างที่ 2 เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันธ์กันครับ จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรนั้น ตามเอิร์ทมมาเลย ^^

 

มาเริ่มกันที่บทความแรกของ ดร.ภิญโญ กันก่อนครับ ในบทความเรื่องนี้ท่านอาจารย์ได้ให้ความรู้

เกี่ยวกับการเรียนรู้แบบ Double Loop Learning ซึ่งในความคิดของผมวิธีการนี้

เปรียบได้กับการกล้าที่จะหลุดกรอบ กล้าที่จะคิดใหม่ ทำใหม่ หรือจะเรียกง่ายๆก็คือการสร้างนวัตกรรมนั้นเอง

 

มาต่อกันที่บทความของน้องบุ๋มครับ เรื่องหนูเลมมิงจ์นี้ ถ้าท่านไหนมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่นนี้จะชอบครับ

เนื้อเรื่องของมันจะบอกถึงประเพณี หรือวัฒนธรรมการกระโดกหน้าผาที่พวกหนูน้อยเหล่านี้ต้องทำกันเป็นประจำ

จนได้มีหนูน้อยที่ชื่อ "เอมมี่" เกิดความสงสัยและตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ทำไมเราต้องกระโดดหน้าผาด้วย"

ตอนท้ายเรื่อง เอมมี่ ก็สามารถเปลี่ยนค่านิยมในการกระโดดหน้าผาของเผ่าของเค้าได้ ถึงจะไม่ทั้งหมด แต่ก็มี

หนูเลมมิงจ์จำนวนไม่น้อยที่ค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ แทนที่จะทำตามค่านิยมเดิมๆที่พวกมันไม่รู้เลยว่าทำไปทำไม

 

ตัดมาที่จุดนี้ครับ... มาดูกันครับว่าความเกี่ยวพันธ์ที่เอิร์ทบอกนั้นมันคืออะไรกันแน่

สิ่งที่เอิร์ทอยากจะบอกก็คือ เอิร์ทอยากให้ "ทุกท่านลองมองอะไรแบบ Double Loop" กันดูบ้างครับ

เพราะโดยปกติทั่วไปแล้ว คนไทยเราชอบทำอะไรตามแฟชั่น ตามกระแสนิยม ยิ่งถ้าในทางวิชาการยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ

ต้องมีการพิสูจน์จากที่อื่นก่อนว่าอันโน้นนี้นั้น ใช้มาแล้วได้ผล จึงจะเอาไปทำตามกัน ซึ่งกระบวนการคิดแบบนี้มันก็คือ

Single Loop ดีๆนี้เองครับ คือเชื่อตามผู้ชำนาญการ ผู้ที่มีประสบการณ์ หรือวัฒนธรรมเดิมๆนั้นเอง

ในทางธุรกิจเอิร์ทมองว่า การคิดแบบ Single Loop นี้มีแต่ตายกับตายครับ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น มาดูตัวอย่างกันครับ

 

ลองคิดดูครับว่า ถ้าเราเห็นว่าการเปิดร้านกาแฟมันเวิร์ค มันดี ใครๆก็ทำกัน แล้วเราไปเปิดร้านกาแฟ

ตามเขาบ้างอะไรจะเกิดขึ้นครับ คำตอบก็คือ ประเทศของเราก็จะเต็มไปด้วยร้านกาแฟ ที่มีกลุ่มลูกค้าเท่าเดิม

แต่จำนวนร้านกลับเพิ่มมากขึ้น ทีนี้ไม่ตายได้ไงละครับ แชร์จำนวนลูกค้ากันเองซะงั้น ยิ่งร้านเปิดใหม่ยิ่งเสียเปรียบครับ

      

ทีนี้ลองมองอะไรแบบ Double Loop กันบ้าง ในกรณีร้านกาแฟเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเรากล้าที่จะคิดต่าง กล้าที่จะตั้งคำถาม

ให้กับตัวเองเราก็จะเจอโอกาสดีๆครับ ตัวอย่างเช่น... เราอยากเปิดร้านกาแฟครับ แต่เห็นเขาเปิดร้านกาแฟกันเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว

ทำไงดีละทีนี้ ลองตั้งคำถามให้กับตัวเองดูครับ เช่น "ทำไมต้องเป็นร้านกาแฟ? ขายกาแฟในร้าน Internet ได้ไหม?

กาแฟก็ได้ขาย แถมมีการให้บริการ Internet เพิ่มเข้ามาอีก กลุ่มลูกค้าก็คนละกลุ่ม" นี่เป็นการสร้างจุดต่างให้กับตัวเอง

ซึ่งถ้ามองอะไรแบบ Double Loop โอกาสที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ก็จะมีมากตามไปด้วย

เหมือนอย่างเรื่องหนูเลมมิงจ์ไงครับ ที่ เอมมี่ กล้าที่จะคิดนอกกรอบ จนสามารถเจอแนวทางใหม่

ที่ทำสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมความเชื่อเดิมๆของพวกมันไปในทางที่ดีขึ้นได้

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ... กับ "การขอให้ลองคิดแบบ Double Loop"

การคิดแบบ Single Loop ที่เราทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้ มันไม่ได้ช่วยให้เราพัฒนาก้าวไปข้างหน้าแต่อย่างใด

หากแต่เป็นเพียงแค่การลอกเลียนแบบ หรือทำตามคนอื่นเท่านั้น ซึ่งเราจะไม่มีวันเป็นผู้นำได้เลย

ในทางกลับกันถ้าเราลองหันมามองอะไรแบบ Double Loop กล้าคิด กล้าทำ กล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ

หัดตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า สิ่งที่เราทำตามเขานั้นมันดีที่สุดจึงแล้วหรือ? เราอาจจะพบโอกาสใหม่ๆ

ที่จะนำพาองค์กรของเราให้เป็นผู้นำ หรือสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างแน่นอนครับ


แล้วคุณละคิดยังไง ^^

หมายเลขบันทึก: 362968เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2010 16:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะคุณเอิร์ท

กล้าคิด กล้าทำ ทำสิ่งใหม่ๆ สร้างจุดต่าง เป็นสิ่งที่น่าสนใจนะค่ะ

ขอบคุณบันทึกดีๆนี้ค่ะ

  *   สำหรับสังคมไทยแล้ว ต้อง "กล้า" มากๆเลยครับ  ที่จะคิดนอกกรอบ   เพราะเมื่อคิดนอกกรอบแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ   จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับการถูกทับถมถล่มจมดิน

*   เรื่องนี้ ในสังคมตะวันตก  เขาถือว่าความล้มเหลวเป็นความสง่างามครับ  แต่ของเราความล้มเหลว   เป็นความผิดพลาด    ดังนั้น  ก็จึงทำเหมือนเดิมดีกว่า  ปลอดภัยดี

*  ต้องกล้าคิด   กล้าทำ  โดยไม่กลัวผิดพลาด  ไม่กลัวถูกประนาม  ต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้ก่อนครับ

สวสัดีครับ

@คุณถาวร >>> ขอบคุณที่แวะเข้ามานะครับ ^^

@อาจารย์ small man >>> ถูกต้องเลยครับอาจารย์ สังคมไทยนี้ก็แปลก ใครที่ "คิดต่าง" จากคนหมู่มากกลายเป็นตัวประหลาดไปซะอย่างงั้น ถ้าเราข้ามผ่านจุดที่เรียกว่า "คำดูถูกเหยียดหยาม" นี้ได้ ประเทศเราคงจะมีนวัตกรรมใหม่ๆอีกเพียบเลยละครับ อาจารย์โย เคยบอกกับผมว่า "สิ่งที่เราทำที่แปลกแตกต่างจากคนอื่น ยิ่งมีคนหัวเราะเยาะกับสิ่งนั้นดังเท่าไหร่ โอกาสที่มันจะประสบความสำเร็จยิ่งมากเท่านั้น" ผมก็ยึดถือสิ่งนี้เป็นแรงผลักดันมาตลอดครับ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับ แสดงความเห็นกันได้เต็มที่เลยนะครับ

สวัสดีครับ คุณเอิร์ท

ต้องหัดคิดแบบ double loop learning บ่อยๆนะครับ

จะได้มีนวัตกรรมของตนเองครับ

ขอบพระคุณสำหรับบทเรียนครับ...

เห็นด้วยม่ากมากพี่เอริท

การคิดแบบ Double Loop จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้อีกมากมายให้โลกใบนี้ด้วย :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท