สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจค่ะ
ครูต้อยก็อายุใกล้ 60 แล้ว
ครูต้อยเพิ่งร่วมกับทางโรงพยาบาลก่อตั้งชมรมเบาหวานมิตรภาพบำบัด
เพื่อนช่วยเพื่อนด้วยหัวใจความเป้นมนุษย์เสร็จ
และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ค่ะ
ถือโอกาสเชิญครูหยุยได้มาร่วมเสวนาให้คำแนะนำพวกเราด้วยนะคะ
หากมีเวลาจะอีเมล์เรียนเชิญในโอกาสที่จะถึงนี้ค่ะ
ผู้ป่วยเบาหวานของจ.สมุทรสาครเวลานี้ มีมากกว่า 4000 คนแล้วค่ะ
ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุค่ะ
แล้วยังมีเด็กๆที่มีแนวโน้มว่าเป็นทายาทตามมาอีกมาก
ครูต้อยคาดว่าหากเด็กน้อยในปัจจุบันยังมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารขบเคียว
ดูทีวี เล่นเกม มาก อีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีประชากรที่ป่วยเป็นโรคความดัน
โรคเบาหวาน เป็นของแถมค่ะ
คิดว่าวันนี้โชคดีที่จะได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมผู้สูงอายุด้วยคนนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ชื่นชมมากนะครับ..
ควรเน้นความงามของปัจฉิมวัย การสร้างเสริมสุขภาพในปัจฉิมวัย เช่น spiritual eldership วัยแห่งคุณค่า ความละเอียดอ่อน วัยแจกของส่องตะเกียง มากกว่ามุมมองในแง่ลบที่เคยชิน เช่น วัยแห่งความเสื่อมถอย โดยอาจใช้ศิลปะ ศิลปินมาช่วย
สวัสดีค่ะคุณครู
แนวโน้มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นค่ะ ท่านเหล่านี้ต้องการการดูแลหลายๆด้าน
การได้ฝึกการนวดก็ดีนะค่ะ สัมผัสบำบัด
การเปิดโอกาสให้เล่าความหลังในรูปแบบกลุ่มก็เป็นความสุขของผู้สูงอายุค่ะ
มีทีมดูแลทางจิตด้วยก็คงดีนะค่ะคุณครู
ขอบคุณครูต้อยครับ ถ้ามัเวลาจะไปร่วมกิจกรรมด้วยนะครับ
คุณราชิตครับ ประโยคผนวกภาพ มีความหมายมากครับ
อาจารย์เต็มศักดิ์ เปิดอ่านสาระของอาจารย์หมอประเวศแล้วครับ ผมนำมาประยุกต์ได้มากทีเดียว
ประเด็นของคุณถาวร ทำให้ผมเห็นภาพที่เคยไปพบมา สัมผัสบำบัดจำเป็นมาก ทำให้ผมนึกไกลไปถึง "วารีบำบัด"ด้วย
แล้วจะเก็บเกี่ยวทั้งหมดไว้ในบันทึกช่วยจำครับ
อืม...จะไปอยู่บ้านผู้สูงอายุกับครูหยุยด้วยคนดีไหม...เอาไว้ทำข้อ4
4.ผู้สูงอายุจะได้ใช้ประสบการณ์ชีวิตของตน ถ่ายทอดองค์ความรู้และความถนัดที่มีอยู่ เช่นทอผ้า ดนตรี ภาษา ศิลปะ แก่เด็กๆ นักเรียนทั้งที่เดินทางมาเรียนที่บ้านหลังนี้ และได้เดินทางออกไปเป็นวิทยากรตามที่ต่างๆ
... 1.เริ่มต้นด้วยการดูแลผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง ........ อ่านข้อ 1. แล้ว ต้องก้มมองตัวเอง ในอนาคตเราจะอยู่ในคุณสมบัติข้อนี้หรือเปล่า .... ถ้าไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ ครูหยุยจะรับเข้าร่วมโครงการหรือเปล่า ... อะไรจะเกิดก็เกิด ... แต่ ณ เวลานี้มีข้อเสนอ 1 ข้อ คือโครงการอาจจะเปิดกว้าง ให้โอกาสสำหรับพวกที่พอจะมีทุนทรัพย์ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง โดยจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งทำเป็นบ้านจัดสรร ให้สามารถเช่า หรือเช่าซื้อได้ (เหมือนบ้านทั่ว ๆ ไป) แต่ราคาถูกนะ โดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว ต้องยกบ้านให้มูลนิธิใช้ประโยชน์ต่อไป .... แต่โครงการต้องเกิดก่อนอายุ 60 นะ เพราะเดี๋ยวไม่มีแรงผ่อนบ้าน ...
คุณ "ครูอ้อยเล็ก"ครับ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมพูดคุยนะครับ ไว้บ้านหลังนี้เกิดเมื่อไหร่ จะเชิญมาช่วยเป็นวิทยากรทางด้านศิลปะสำหรับผู้สูงอายุนะครับ
คุณ "ไยไหม"เสนอให้เปิดกว้างสำหรับผู้ที่มีทุนทรัพย์เพียงพอเข้ามาอยู่อาศัยด้วย เป็นความคิดที่ดีครับ แต่รูปแบบเช่นว่านี้ เข้าใจว่ามีการจัดสร้างขึ้นแล้ว อยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาครับ บ้างๆ ลองหาข้อมูลและแวะไปสอบถามดู อาจจะพอมีห้องว่างให้อยู่ได้ ยามเมื่ออายุย่างก้าวเข้าวัย 60 ปีครับ สำหรับผมนี้ความสามารถคงมีเพียงแค่สร้างเพื่อ "ผู้สูงอายุ"ที่ยากจนด้อยโอกาส"เท่านั้นครับ
ถ้ามีเด็กๆ มาให้ดูแลอาทิตย์ละครั้ง ก็ทำให้คนแก่ชื่นใจได้นะค่ะ
จะไปอยู่ด้วยครับครู
สนใจกิจกรรมของครูมานานแล้ว และยังให้ลูกชายไปช่วยพัฒนามูลนิธิสร้างสรรค์เด็กที่ รังสิตด้วยค่ะ หากมี