อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันวิสาขบูชาอีกครั้ง นับเป็นโอกาสดีที่หลังจากเหตุการณ์เศร้าสลดหดหู่ยังไม่ทันจาง ก็มีสิ่งที่น้อมนำใจสู่ความสงบดีงาม ให้ใจมีที่พึ่ง
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๓ นี้ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดงานประชุมชาวพุทธนานาชาติ วิสาขบูชาโลก มีชาวพุทธทั้งพระทั้งฆราวาสราวพันเจ็ดร้อยคนมาร่วมประชุม เป็นเรื่องดีๆที่เกิดในจังหวัดที่ผู้เขียนอาศัยอยู่
ที่จริงก็คิดว่าตัวเองคงจะไม่เกี่ยวอะไรในการประชุมนานาชาตินี้ แต่ธรรมะจัดสรรให้มีโอกาสสร้างบุญกุศลด้วยการช่วย คนข้างกาย ต้อนรับเป็นเจ้าภาพร่วมเลี้ยงอาหารเย็นแก่คณะตัวแทนจาก องค์การยุวพุทธิกศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ห้าหกประเทศในแถบเอเซีย ราวสิบห้าคน แบบสบายๆ ซึ่งมาร่วมงานประชุมวิสาขบูชาโลกที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยคุณอนุรุธ ว่องวานิช นายกสมาคมองค์กรยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้นำพากันมา
มีที่มาหรือเหตุปัจจัยที่ชักนำให้ได้เข้าไปอยู่ในแวดวงก็ด้วยยุวพุทธิกสมาคมฯประเทศไทยนั้นกำลังจะสร้างสำนักวิปัสสนาที่อำเภอนครหลวงใกล้บ้านของผู้เขียนชนิดขับรถสิบนาทีก็ถึง และเขามาขอคำปรึกษาจากคนข้างกายเรื่องการออกแบบ โดยมีกัลยาณมิตรคือ คุณลลิสา จงบารมี (ผู้ก่อตั้ง มูลนิธิธารศิลป์รักษ์จิตรกร)เพื่อนบ้านเหนือโค้งน้ำขึ้นไปหน่อยหนึ่งประสานให้ได้ทำความรู้จักกัน
งานเลี้ยงนี้มีไปเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม นี้เอง จัดที่ อยุธยาบุรีเทวี สถานที่ทำงานของคนข้างกายซึ่งเขาทำงานอันเป็นที่รัก เป็นอุดมคติ ทำตามความมุ่งมั่นของตนเอง เกี่ยวกับงานพิพิธภัณฑ์ การออกแบบและวัฒนธรรมสร้างเอกลักษณ์เมือง อยู่บนฝั่งสายน้ำป่าสักในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา
อากาศค่อนข้างร้อนแม้อาทิตย์ค่อยๆลับแสง แต่พอเริ่มมืดมีลมแม่น้ำและลมจากพายุฝนไกลๆพัดมาให้ชื่นใจเหมือนกัน
ผู้มาเยือนทุกท่านเพลิดเพลินกับบรรยากาศ อันประกอบไปด้วย ทิวทัศน์ สถานที่ อาหาร และสุนทรียสนทนา
ประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลกต่างกำลังพบวิกฤตกันทั้งนั้นในรูปแบบที่ทั้งต่างกันและคล้ายกัน ดังนั้นการบ่มเพาะศีลธรรม จริยธรรมในคนรุ่นเยาวชนจึงนับว่าสำคัญยิ่งที่จะทำให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศีลธรรม จริยธรรมเพื่อทำให้สังคมเต็มไปด้วยคนมีคุณภาพทั้งภายในและภายนอกที่จะนำพาโลกสู่สันติสุขได้
การที่ผู้เขียนมีส่วนร่วมสร้างความเบิกบาน สบายใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านนี้แม้เพียงน้อยนิดก็คงเป็นบุญกุศลอยู่บ้าง ขอแบ่งให้ท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ ดูเหมือนชาวเกาหลี ใช่ไหมครับ จะชอบบ้านริมน้ำมากๆๆๆ
อยุธยาบุรีเทวี แบบนี้ต้องหาทางไปเที่ยวเสียแล้ว ที่แรกคิดว่าที่บ้านครับ ภาพคล้ายๆๆกันเลย ยังสงสัยอยู่ว่าตรงไหนของบ้านพี่นุช ฮ่าๆๆ
สวัสดีค่ะ
คิดถึงค่ะ ภาพใหม่เก๋มากค่ะ
พี่นุชครับ น้องมาอีกรอบ งง ปูที่วางไว้เป็นปูนา เป็นที่ประดับใช่ไหมครับ เอหรือกินได้ครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต ฝอยทอง ขอบคุณค่ะที่มาชวนและเสนอชื่อให้ไปร่วมงานบุญกุศลด้วยกัน ทางคณะผู้จัดงานคงยุ่งน่ะค่ะคนมาร่วมงานเป็นพันขนาดนั้นซึ่งคนมีจิตเป็นกุศลช่วยงานคงไม่ได้หายาก ดูสิคะคนจะมีโอกาสได้สร้างบุญก็มีบุญมาเปิดประตูถึงที่ให้ได้ทำบุญจนได้ เราก็ทำตามความสะดวก ความถนัดและบริบทของเรานะคะ ทำตรงไหนก็ได้
อยุธยาบุรีเทวีนั้นจะไปชมต้องใช้เส้นพี่นะขอบอก ^____^ เพราะปกติเขาไม่ได้เปิดหรือมีบริการจัดงานค่ะ ส่วนใหญ่เป็นงานทำให้กัลยาณมิตรที่ชื่นชมงานวัฒนธรรมไทยค่ะ
พระเกาหลีใส่ชุดสีเทา และสาวเกาหลีเป็นเจ้าหน้าที่ยุวพุทธเกาหลีค่ะ เธอเดินอยู่ที่ท่าน้ำสดใสมาก
พระที่ใส่ชุดสีแดงเป็นพระมาไกลจากมองโกเลียโน่นแน่ะค่ะ พระมองโกเลียท่านเพิ่งเคยฉันกุ้งแม่น้ำ พิศวงกับความอร่อยกับต้มยำกุ้งแม่น้ำค่ะ
ทุกคนติดใจปลากรายปรุงรสห่อใบชะพลูย่าง หากอาจารย์ขจิตมาเยือนจะทำเลี้ยงล่ะค่ะ
พวกปู กบ นั้นเป็นโลหะสำริดหล่อค่ะเขาทำท่าทางได้เหมือนจริงมาก เราเอาไว้ประดับตกแต่งค่ะ นี่ก็เอาทับใบตองไม่ให้ปลิวค่ะ
ขอบคุณที่มาอย่างรวดเร็วค่ะ ^___^
ขอบคุณคุณครูคิม ค่ะ ได้เห็นภาพและอ่านถึงการไปเยือนเดอมูซอยของคุณหนานเกียรติแล้วมีความสุขไปกับคุณครูคิมด้วย เสียดายที่ไม่ว่างตรงกัน นี่คาดว่าจะไปสักเดือนหน้าปลายๆเดือนค่ะ เลยอดชิมน้ำพริกจากคุณครูคิมเลย ^___^
ขออนุโมทนาด้วยนะคะ
พี่นุชครับ สงสัยต้องใช้เส้นพี่นุชแล้วครับ เห็นกบและปู ที่แรก ตกใจ โอโหเสริฟปูนาด้วยหายากมาก ฮ่าๆๆ ท่าทางคนเกาหลีชอบจริงๆๆด้วย เอาพระญี่ปุ่นมาแจมครับชื่อ Noriaki ชาวฝรั่งมาจาก Naropa University ชื่อ Deborah ครับ อีกท่านเป็นชาวศรีลังกา ชื่อยาวมาก จำไม่ได้ ครับ
ขอบคุณค่ะพี่krutoiting ที่มาอนุโมทนาบุญด้วยกัน
สวัสดีค่ะ
รอรับชิมได้เลยค่ะ จะส่งมาให้เร็ว ๆนี้ เพราะปลายสัปดาห์มีหยุด ๓ วันค่ะ ชอบรสจัดหรือปานกลางคะ
การมีโอกาสได้ฟังความคิดและมุมมองของชาวพุทธชาติอื่นๆนั้นน่าสนใจมากนะคะอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง เขาจะมีมุมมองที่ทำให้เราคิดได้กว้างขึ้นเพราะไม่ติดในเรื่องอิทธิฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์และมักมีเรื่องของสังคมที่ชัดเจน
ผู้ร่วมงานหน้าตาแจ่มใสกันทุกคนเลย
เดี๋ยวเราจะมีภาพพระญี่ปุ่นมาฝากเหมือนกัน แต่อยู่อีกบล็อกไปชมวัดเซนเมืองคามาคุระมาค่ะ (เดี๋ยวนี่อีกนาน อิ อิ ยังเขียนไม่เสร็จ อารมณ์หดหู่)
ว้าว คุณครูคิม รวดเร็วจริงๆ ไม่มาเที่ยวอยุธยาบ้างหรือคะ รอ อยากต้อนรับค่ะ จะได้มาทานน้ำพริกด้วยกัน กลืนน้ำลายแล้ว ชอบรสปานกลางค่ะ ^____^ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
เอาไว้ให้พี่นุชว่างก่อนก็ได้ครับ ขำๆๆพี่นุช มีจองน้ำพริกรสปานกลาง ผมขอด้วย เอาเผ็ดมาก ฮ่าๆๆ
สวัสดีค่ะขจิต ฝอยทอง
ขออนุญาตตอบผ่านค่ะ ได้เลยค่ะ หลายท่านชอบรสเผ็ดจัด
อยู่บ้านเกือบทุกวันแหละค่ะ มากันได้ตามสะดวก อิ อิ กลัวไม่มา
พี่นุชสุดสวาทบาดใจค่ะ ว้าว ๆ คงประทับใจคนต่างชาติไปหลายเลยนะคะ ขนาดคนไทยๆ เห็นยัง ว้าว ๆ ชอบไอเดีย ใบตอง ปูโต๊ะอาหาร บรรเจิดมากๆค่ะพี่นุช
เห็นหลายๆ เมนูสีสัน เหมือนผักทอด สมุนไพร จานนั้นปลากรายห่อใบชะพลู หิวเลยๆ ขอบคุณพี่นุช อนุโมทนาสาธุ ด้วยคนเจ้าค่ะ ปล. ปูยังติดใจเครื่องทำไอติม ค่ะ ;)
น้องปูจ๋าpoo ที่แสนน่ารัก น้องปูชอบธรรมชาติเห็นอะไรทำนองนี้ก็ย่อมถูกตาต้องใจเป็นธรรมดานะคะ
ขอบคุณที่มาอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ
ขอบคุณค่ะที่มาทักทายกัน
สวัสดีค่ะคุณบุษรา ไปแวะชมส้วมสวย ที่เป็นผลงานจากการคิดที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่มีเงินตกแต่ง ทำของใหม่ ชื่นชมค่ะและน่าเป็นตัวอย่างวิธีคิดให้กับหน่วยงานอีกหลายแห่งนะคะ
ขอบคุณที่มาแวะทักทายและชวนไปชมเรื่องดีๆค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักทักทายกันค่ะคุณลัคนา " สาวยุคใหม่ "
สวัสดีค่ะคุณNew.ครูบันเทิง ผู้แสนเก๋ไก๋ เดี๋ยวจะตามไปตอบคำถามค่ะ ขอบคุณที่แวะมาชวนค่ะ
สวัสดีค่ะ
เตรียมผักสดและไข่ต้มไว้รอนะคะ น้ำพริกกำลังเดินทางค่ะ รสปานกลาง..๕๐:๕๐ ว่างั้นเถอะนะคะ
ถ้าเป็นผักลวก็ดอกแค ตำลึง ผักหวานบ้าน เข้าท่าเข้าทางดีหน่อยค่ะ...อันนี้นักชิมบอกมาค่ะ
ด้วยความระลึกถึงค่ะ
ว้าว ลาภปากจากความใจดีของคุณครูคิม จะมารวดเร็วจังเลยค่ะ ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ ดอกแคกับตำลึงหาง่ายมากค่ะตอนนี้ ฝนลงมาสองครั้งกำลังแตกยอดตามรั้ว จะให้พี่น้อยไปเก็บมารอท่า ^________^ อ้าปากกว้างเตรียมกินค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ แอบมาทักทายยามดึกค่ะ (แอบงีบไปพักแล้ว) ก่อนงีบไปเจ้าน้องชายสุดหล่อ(อิอิ) เขาโทรมารายงานว่าได้คุยกับอาจารย์ไม่รู้ว่าไปเจอกันที่เวปไหน โอ้โห..ทิพหายไปพักใหญ่ เจ้าน้องชาย ว่าที..ดร. แอบ มาจีบ อาจารย์ "คุณนาย ดร. " ของทิพเสียแล้วนี่ 5555 เป็นไงคะ เจ้าน้องชายเจ้าพ่ออุดมการณ์คนนี้ มีแววนักพูด นักเขียน นักบรรยาย เก่ง ๆ ได้แบบอาจารย์บ้างไหมคะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ อาจารย์คงจะสบายดีแน่เลย อ่านหลาย ๆ เรื่องที่อาจารย์เขียน ดุมีความสุขจังเลยค่ะ ยิ่งเรื่องนี้ด้วยแล้ว ทิพสนใจมากเลยค่ะ เห็นมีงานเลี้ยงที่ "อยุธยาบุรีเทวี" อยู่ตรงไหนของอยุยาเหรอคะ เป็นพิพิธภัณฑ์อะไรเหรอคะ เห็นว่าเป็นผลงานของคนข้างกายอาจารย์ ทิพเองก็ชอบและสนใจใน ศิลปะ วัฒนธรรมของ อยุธยาอยู่มาก ๆ เลยค่ะ เมื่อครั้งก่อนได้มีโอกาสไปบริการติด Internet ให้ที่บ้านคุณลลิสา และมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณลลิสา ก็ได้เห็นพิพิธภัณฑ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ปากท่า เป็นพิพิธภัณฑ์ ด้านจิตกรรม และปฏิมากรรม ก้เป็นศิลปะ อีกแขนงที่น่าสนใจ แต่ทีทิพชอบ และสนใจมาก ๆ ก็คงเป็นด้านศิลปะ การดนตรี นาฎศิลป์ และการแสดงพื้นบ้าน ของอยุธยาค่ะ เห็นจากภาพ บรรยากาศสวยมากเลยค่ะ บริเวณด้าหน้า น่าจะเป็นเกาะ คุ้น ๆ ตาจังเลยค่ะ แต่นึกไม่ออกว่าตรงไหน ไม่ทราบว่าทิพจะพอมีบุญได้ไปเที่ยวบ้างไหมคะเนี่ย (แอบจีบไว้ก่อน55)
ทิพต้องขอกราบอภัยอาจารย์ และฝากกราบอภัยคนข้างกายของอาจารย์ไว้ล่วงหน้าก่อนนะคะ สำหรับสิ่งที่ทิพจะพูดต่อไปนี้ เพราะทิพไม่ได้รู้จักทั้งอาจารย์และคนข้างกายอาจารย์เป็นการส่วนตัว ทิพไม่ทราบเจตนารมย์ของคนข้างกายอาจารย์ว่าท่านศึกษาศิลปะวัฒนธรรมด้านใด แบบใด ทิพเพียงจะขอฝากฝัง "อยธยา" บ้านเมืองอันเป็นที่รักของทิพไว้ ว่า "ในฐานะที่เป็นคนอยุธยาแท้คนหนึ่ง ซึ่งเท่าที่ทราบคนข้างกายอาจารย์ก็เป็นคนอยุธยาโดยกำเนิด เช่นกัน ซึ่งทิพเชื่อ และมีความรู้สึก (หรือคิดไปเองก้ไม่รู้)ว่า การที่ได้เกิดเป็นคนอยุธยา เช่นทิพและคนข้างกายอาจารย์ หรือการที่ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องผูกพัน จนได้มาสร้างหลักปักฐานในอยุธยา เช่นอาจารย์ น่าจะเป็นเพราะชาติหนึ่ง ชาติใด เราคงเคยเป็นคนของกรุงศรีอโยธยา แห่งนี้ ความผูกพัน ความรักในบ้านเกิดเมืองนอน เป็นสายโยงให้เราได้มาเกิด ได้มาอยู่ ได้มาพบเจอ กันในที่นี้อีก ตามวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก ทิพรักอยธยา รักในศิลปะ ต่าง ๆ ที่เป็นของดั้งเดิมของไทย เคยใฝ่ฝันอยากทำอะไรเพื่อให้ความสวยงามของอยุธยากลับคืนมา แต่มันเป็นเพียงความฝัน เพราะเราไม่มีโอกาส ไม่มีทุน ไม่มีพวกพ้องที่จะช่วยผลักดันให้ฝันเกิดเป็นความจริง แต่ ณ บัดนี้ ได้มีกลุ่มคนที่มีความพร้อมที่จะศึกษา และอนุรักษ์ เกิดขึ้นมาแล้ว ทิพดีใจค่ะ ที่มีคนเห็นค่า เห็นความสำคัญของอยุธยา ถึงจะเป็นเพียงกล่มหนึ่งเท่านั้นก็ตาม แต่อยากฝากไว้ว่า ทิพอยากให้อนุรักษ์ให้เป็นแบบของไทยอยุธยา โดยแท้ ทิพไม่อยากเห็นการปรุงแต่ง ผสมผสานศิลปะ อื่น ๆ เข้ามาปน ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ควรอนุรักษ์ แต่หากเป็นประเพณีที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในปัจจุบัน ก็ควรเพียงแค่ศึกษา และบันทึกไว้ให้รุ่นหลานได้ศึกษาต่อ
ณ วันนี้ อยุธยากำลังกลายพันธุ์ เป็นเมืองอุตสาหกรรมมากขึ้นทุกวัน ๆ ไม่เว้นแต่แม่น้ำป่าสัก ละแวก ปากท่า ที่เคยสงบ ร่มรื่น นับวันความโกลาหล เริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่ก่อนมีเพียงเรือสินค้า เล็ก ๆ ที่เป็นเรือไม่ หรือที่เรียกว่าเรือกระแชง วิ่งผ่าน เดี๋ยวนี้เป็นเรือเหล็กลำใหญ่โต เรือน้ำมันคับแม่น้ำ มีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีท่าลงสินค้าผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดใกล้บ้านขึ้นมาทุกที มีคลังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้นริมฝั่งน้ำ และอีกไม่นาน ก้จะมีหน่วยงานกรมเจ้าท่าเกิดขึ้นอีก สายน้ำที่เคยสงบ กำลังจะกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้น สับสนขึ้น ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอยู่ของคนริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก(ใต้เขื่อนพระรามหก) เปลี่ยนแปลงไปโดยหมดสิ้น หากไม่มีคนช่วยกันอนุรักษ์ดั่งกลุ่มกัลยานมิตรคนข้างกายอาจารย์แล้ว อีกไม่นานนัก "อยุธยา" ก็คงกลายเป็นตำนานที่ไม่มีใครพูดถึงอีกต่อไป
ทิพหวังว่า คงจะมีโอกาสได้ไปกราบสวัสดี ทั้งอาจารย์และคนข้างกายอาจารย์สักวันนะคะ และที่สำคัญอยากมีโอกาสได้ไปเยี่ยชม "อยุธยาบุรีเทีวี" บ้างนะคะ ขอให้เส้นอาจารย์ ด้วยนะคะ อิอิ
คุณนู๋ทิพ หายไปนาน พอมาก็มีเรื่องในใจคุยยาวเลยนะคะ^_____^
อยุธยาบุรีเทวีอยู่บนสายน้ำป่าสักฝั่งที่เยื้องกับวัดช่องลมค่ะ
พี่คิดว่าความผูกพันรักในวัฒนธรรมอยากจรรโลงไว้เป็นเรื่องดี แต่วัฒนธรรมก็ตกอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติเช่นสิ่งอื่นๆค่ะ คือไม่สามารถดำรงอยู่เช่นนั้นได้ ต้องมีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม เศรษฐกิจ ความก้าวหน้าวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม หากเราไม่เข้าใจตรงนี้ เราจะไม่สามารถมีความสุขกับการทำงานวัฒนธรรม เพราะเราก็จะไปยึดติดกับอดีตมากเกินไป หากเราศึกษาวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งเราก็จะพบว่าวัฒนธรรมก็คือการใช้ชีวิตของคนในยุคสมัยหนึ่งๆ
ศิลปวัฒนธรรมประเพณีหากเราเข้าใจที่มา เข้าใจราก เราจะมองเห็นที่ไป เราจะสามารถคลี่คลาย เชื่อมโยงกับโลกยุคปัจจุบันได้อย่างมีความหมาย ไม่ใช่หยิบมาใช้เพียงแค่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเท่านั้น
การจะรักษาชุมชนให้มีความสุขสงบเอิบอาบไปด้วยวัฒนธรรมของตนเอง คนแต่ละคนมีหน้าที่ต้องช่วยกัน องค์กรท้องถิ่นและโรงเรียนต้องเข้ามามีส่วนช่วย ให้การพัฒนานั้นเป็นการงอกงามจากรากของตนเอง แต่พี่ว่าท่าทางคนสมัยนี้ส่วนใหญ่ทนความเย้ายวนใจของกระแสบริโภคนิยม วัตถุนิยมไม่ไหวนะคะ
พี่นุชสุดสวาทบาดใจขา มาชมธรรมชาติอีกแล้วค่ะ