164. บ้านนี้ของพ่อ....ความในใจที่กินใจ


จะให้ไล่พ่อออกมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่คือบ้านของพ่อ

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” เปิดใจถึงวาทะแห่งปี ไล่พวกไม่รักในหลวงออกจากประเทศ สุดทนพวกไม่เอาเจ้า จาบจ้วงในหลวง เรียกร้องให้สื่อและทุกคนออกมาปกป้องสถาบัน เตรียมรวมกลุ่มกับดาราเผยแพร่คุณงามความดีของในหลวง ถือเป็นการให้ธรรมะให้ความจริงกับสังคม 

 

        
       สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งประเทศที่รักในหลวง สำหรับนักแสดงและผู้กำกับมืออาชีพ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” หลังจากเจ้าตัวเผยความรู้สึกลูกผู้ชายกลางเวที กับกรณีที่มีคนไทยบางกลุ่มจาบจ้วงในหลวงอย่างโจ่งแจ้ง และไร้สำนึก ขณะขึ้นรับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม รางวัล “นาฏราช” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2553 ของสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ณ หอประชุมกองทัพเรือ โดยมีเนื้อหาทั้งหมดดังนี้

 
“... เป็นรางวัลที่ได้รับบทบาทจากผู้ที่เป็นพ่อนะฮะ ก็ขออนุญาตพูดถึงพ่อนิดหนึ่งก็แล้วกันครับ พ่อเป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่นะครับ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน ผมเกิดมานี่บ้านหลังนี้ก็สวยงามมากแล้ว สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมานะครับ จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และก็ดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกกับคนๆ นั้น ว่า ถ้าเกลียดพ่อไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ผมรักในหลวงครับ และผมเชื่อว่า ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน”
       
       ซึ่งทันทีที่เจ้าตัวกล่าวจบได้มีการฟอร์เวิร์ดคลิปนี้ไปอย่างกว้างขวาง เหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจาก อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ จะได้รับคำชื่นชมในความกล้าหาญไปอย่างท่วมท้นแล้ว ยังจุดประกายให้คนบันเทิงกล้าที่จะออกมาปกป้องสถาบันอย่างไม่หวั่นเกรงอันตรายใดๆ อีกต่อไป 

(นก ฉัตรชัยถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่)

         
       กับกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น นักแสดงรุ่นใหญ่ได้เปิดใจ ว่า สิ่งที่ทำไปไม่ได้ต้องการเป็นฮีโร่ แต่เพียงแค่ทำตามความรู้สึกของคนไทยคนหนึ่ง ที่ทนไม่ได้ที่เห็นพ่อโดนรังแก ทั้งที่พ่อมีบุญคุณกับคนไทยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ บอก ถึงเวลาที่คนไทยต้องช่วยกัน ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป พร้อมเผย เตรียมรวมตัวกับเพื่อนดาราทำการเผยแพร่คุณความดีของพระองค์ท่าน หวังลบล้างทัศนคติคนที่หลงผิดให้กลับมาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
       
       “ต้องเรียนให้ทราบนิดนึงว่า รางวัลที่ผมได้รับเป็นรางวัลที่ได้รับจากการเล่นบทพ่อ ปีนี้ผมก็เลยพูดเรื่องพ่อหมดเลย ไม่ใช่แค่รางวัลนี้รางวัลเดียว แต่งานนี้ค่อนข้างจะเข้าไปในความรู้สึกของคนไทยเยอะ คือ ทุกคนรู้สึกแบบเดียวกับผมนี่แหละ รู้สึกว่าพ่อโดนรังแก แล้วท่านก็ไม่ได้ออกมาโต้ตอบอะไรเลย และทุกคนก็สงสารท่านเหมือนกับผมน่ะ พอมีใครพูดออกไปมันก็เลยเป็นกระแสเท่านั้นเอง แต่จริงๆ ผมก็พูดมาตลอด บางเวทีก็พูดถึงความรักของพ่อในชีวิตจริงมันยิ่งใหญ่มาก แต่ความรักของพ่อในละครมันยิ่งใหญ่มากกว่า เพราะมีการปรุงแต่ง แต่ทั้งหมดรวมกันแล้วก็ไม่เท่ากับความรักของพ่อของแผ่นดิน ผมก็พูดแบบนี้มาตลอด” 
        


       “หลังจากพูดไปก็มีทั้งเพื่อนในวงการและเพื่อนๆ ทั่วๆ ไป ก็โทร.กลับเข้ามาขอบคุณๆๆ เพราะเขามีความรู้สึกเดียวกันกับเรา  แต่ความคิดที่ผมทำเรื่องนี้จนต้องพูดออกไปวันนั้น ก็เพราะเราได้รู้ได้เห็นความจริงอย่างนึง ที่มีคนลำเลิกท่านอยู่ แล้วเราก็รู้สึกว่าท่านก็ไม่เคยออกมาโต้ตอบเลย เราในฐานะพสกนิกรชาวไทยก็น่าที่จะลุกขึ้นมาปกป้องท่านบ้าง ก็เลยพูด” 
        
        

"ปริม กนิการ์ วีรวรรณ ภรรยา บอยถกลเกียรติ"

        
       “ในส่วนของผม ผมเห็นมาตลอดกับกลุ่มของพวกในอินเทอร์เน็ตน่ะครับ แล้วเราก็รู้สึกว่าอะไรวะ มีเว็บไซต์บางอันดูไม่ได้เลย กลุ่มนี้ต่างหากที่ผมรู้สึกว่ามันเยอะเกินไปแล้ว มันมากเกินไปแล้ว รัฐพยายามที่จะปราบปรามแต่ก็ไม่หมด แล้วมันยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นการที่ผมพูดออกไปในวันนั้น ผมพุ่งเป้าไปที่คนที่กระทำการตรงนั้นมากกว่า ส่วนเรื่องขบวนการล้มเจ้ามันยังเป็นข้อกล่าวหา มันยังไม่มีข้อสรุป อันนั้นก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่กล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหา ที่ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย” 
        
             
       แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าตัวก็แสดงความวิตกกังวลว่า ขืนปล่อยให้มีการจาบจ้วงเบื้องสูงอยู่แบบนี้ วันนั้นคงมาถึงในสักวัน ซึ่งถ้ามีการคิดล้มเจ้าขึ้นมาจริงๆ คนไทยจะยอมได้หรือไม่ 
           
       เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นเพราะอะไรกลุ่มคนเหล่านั้นถึงมีทัศนคติที่ไม่ดีกับสถาบันได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงสถาบันพระมหากษัตริย์มีบุญคุณกับแผ่นดินอย่างหาที่เปรียบไม่ได้? นักแสดงรุ่นใหญ่ก็ให้ความคิดเห็นว่า…
       
       “ผมว่าเป็นเรื่องของการรับข้อมูลข่าวสารมากกว่าครับ ต้องยอมรับนะว่าความเชื่อทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากการยัดข้อมูลที่ผิดเข้าไปและฝังไปเรื่อยๆๆ จริงๆ ผมว่าเรายิ่งต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ถ้าเรารักในหลวงนะ แล้วผมก็อยากจะเชิญชวนหลายๆ คนลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยเพราะว่าผมคนเดียวก็ไม่ไหวหรอก ถูกมั้ยครับ         
       “แล้วสื่ออื่นก็ต้องดึงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ถ้ารักในหลวงนะ ถ้าไม่รักก็ไม่เป็นไร เราต้องมาช่วยกัน คนไทยก็เหมือนกัน นักแสดงศิลปินก็เหมือนกัน จริงๆ กลุ่มนักแสดงที่รักพระเจ้าอยู่หัวก็เป็นกลุ่มใหญ่มาก แล้วเราก็คุยกันอยู่บ่อยๆ ทุกคนถ้ามีโอกาสเขาก็จะพูดแบบเดียวกับผมนี่แหละครับ ไม่ใช่ผมคนเดียว อันนี้เราไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่เกี่ยวกับสี เราอย่างเดียวก็คือ ถ้าหากว่าเกลียดท่านไม่เท่าไหร่นะ แต่นี่ด่าท่านอันนี้เรารับไม่ได้แล้ว เกลียดก็เกลียดไป คนเรามีสิทธิที่จะชอบหรือไม่ชอบ แต่ถ้าเกิดว่าด่า ถ้าเกิดว่าลำเลิกอันนี้เรารับไม่ได้ และในฐานะของพสกนิกรชาวไทย ในฐานะที่เป็นลูกของท่าน เราก็ต้องออกมาปกป้อง ออกมาป้องปรามกันบ้าง การพูดในครั้งนี้ก็เป็นการประกาศให้รู้ว่า มีคนไทยอีกเยอะนะที่รักท่าน และก็เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้ และทุกคนก็คิดอย่างเดียวกันก็คือสงสารท่านครับ”


        
       “ถามว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง คือ การออกหรือไม่ออกมาแสดงออกเนี่ยผมคิดว่า มันต้องหลายๆ ฝ่าย เรื่องของสื่อด้วย แล้วภาครัฐบาลก็ต้องทำความเข้าใจกับมวลชนที่เข้าใจผิด ผมอาจจะโกรธนะ กับการที่เห็นคนมาลำเลิกท่าน แต่ผมจะไม่เกลียดและไม่ทำร้ายเขา ผมคิดว่าสิ่งที่ผมจะทำก็คือต้องทำความเข้าใจกับคนเหล่านั้น ทำให้เขาเห็นคุณงามความดีที่พระองค์ท่านทำมา 60 ปีให้ได้ อันนี้น่าจะเป็นหน้าที่ของเรามากกว่า เราคงไม่ไปเกลียดและทำร้ายเขา โกรธก็คงมีวูบๆ ทำไมมันทำแบบนี้วะ แต่หลังจากนั้นเราก็ต้องนึกถึงความเป็นคนไทยด้วยกันเอง ต้องทำให้เขาเห็นความดีของพระองค์ท่านให้ได้ อันนี้น่าจะเป็นหน้าที่ของพวกเราคนไทยมากกว่า อย่าทำร้ายกัน”


        
       “วิธีการปกป้องของผม ก็คือ ถ้ารู้ว่าใครก็ตามที่เกลียดพ่อ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไรก็ตามเนี่ย เราต้องอธิบายให้เขาฟัง เล่าให้เขาฟัง เราต้องทำให้เขาเห็นความดีของพ่อให้ได้ นั่นแหละประเสริฐสุด การให้ธรรมะกับคนการให้ความเป็นจริงกับคน ผมว่ามันเป็นทานอันยิ่งใหญ่ แค่อย่าไปทำร้ายกันเพราะยังไงเราก็คนไทยด้วยกัน”


        
       “(สำคัญคือต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง?) ใช่ครับ มันต้องรบกันหลายๆ แนว อย่างเรื่องของผมมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นแค่นั้นเอง กับการที่ลุกขึ้นมาบอกว่า อย่านะ อย่าด่าในหลวงของฉันนะ ถ้าเกลียดคนในบ้านหลังนี้ ถ้าเกลียดคนที่เป็นพ่อของบ้านหลังนี้ก็ออกไปจากนี่ที่ซะ จะให้ไล่พ่อออกมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่คือบ้านของพ่อ บรรพบุรุษของพ่อสร้างมา ฉะนั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว ผมเป็นจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นแล้วการสานต่อกระบวนการเครือข่ายมันต้องมี ซึ่งเป็นเรื่องของสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวิทยุ ก็ต้องช่วยกันที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต้องสร้างความเข้าใจว่ามันมีคนที่เกลียดท่านนะ มันมีคนที่ไม่เอาท่านนะ เรายอมมั้ย ถามตัวเองก่อน ถ้าเราไม่ยอมเราก็ต้องลุกขึ้นมาปกป้อง”

หมายเลขบันทึก: 359908เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2010 20:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

ศรัทธาความคิดและการกระทำ....เพื่อพ่อ ครับ

นุ่งดูหลายๆครั้ง....เพราะคำพูดคมบาดใจ บาดความรู้สึก ในส่วนลึกของคนที่ไม่รักพ่อ

...

รักษาสุขภาพด้วย นะครับ

เป็นห่วง ครับ

ชัดเจนเลยค่ะป๊ะเบฯ ประเด็นสื่อ ที่สำคัญและมีอิทธิพลกับการเข้าถึงข้อมูล อันถูกต้อง ตระหนักอย่างมีจิตสำนึก และยิ่งนัก ... ต่างๆ ในทุกวงการ ถึงเวลาแล้วค่ะ ที่จะต้องออกมาเริ่มต้นกัน เพื่อเป็นต้นแบบ ตัวอย่าง ให้แก่ เยาวชน ผู้คนส่วนใหญ่ ... ชื่นชมมากๆ ค่ะ

ขอบคุณป๊ะเบฯ เช่นกันค่ะ สำหรับสื่อศาสนสัมพันธ์ อันยั่งยืนในชุมชน ฝัน(ต้อง)ดีค่ะ

 

วาทะนี้เยี่ยมมากขอชมเชย

ทุกคนรักในหลวงครับ

                                         "   คิดดี-ทำดี-กล้าหาญ-กตัญญู  "

                           
                                       ป้ายคัตเอ๊าท์สี่แยก....จังหวัดสุโขทัย 

ผมเชื่อว่าคนเกิดจิตสำนึกที่ดีครับ

การับข้อมูลด้านเดียวก็อันตราย

สวัสดีค่ะ..คุณเบดูอิน

ดูเหมือนกันค่ะ..รายการนี้ สุดยอดของความรู้สึกเลยค่ะ

มันแน่นในอกไปหมด และยังมีอีกมากมายที่แสดงออกถึงความรัก

ที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัวของเราอย่างแท้จริง..แล้วมาบัดนี้..อะไร..ทำให้เกิดเช่นนี้..

มีบทความที่เขียนลงในนิตยสารบางฉบับ ดังนี้

“รักถึงเพียงนี้” และ “จุดเทียนส่งเสด็จ”

            บทความชื่อ “แผ่นดินร่มเย็นที่นราธิวาส” ตีพิมพ์ในนิตยสาร “สู่อนาคต” ฉบับพิเศษเนื่องในวันเฉลิมฯ ได้เล่าย้อนให้เราได้เห็นภาพความยากลำบากในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทางภาใต้เมื่อหลายปีก่อน โดยเฉพาะช่วงก่อนสร้างพระราชตำหนักทักษิณราชนิเวศน์นั้น เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดนราธิวาสชุกชุมไปด้วยโจรร้าย โจรปล้นสะดมและพวกโจรเรียกค่าไถ่ ถึงขนาดที่ในหลายๆ หมู่บ้านนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป

            ทว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในทุกข์อันลึกล้ำของชาวบ้านที่ทั้งทุกข์เพราะยากจน และทุกข์เพราะภัยคุกคาม จึงได้เสด็จฯ ลงไปเยี่ยมเยียนเป็นขวัญกำลังใจให้ราษฎรของพระองค์โดยไม่ทรงหวาดหวั่น บางวันถึงกับเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์โดยปราศจากกำลังอารักขา และบางหมู่บ้านตำรวจเพิ่งถูกคนร้ายแย่งปืนแล้วยิ่งตายก่อเสด็จไปถึงเพียงไม่ กี่ชั่วโมง

            ทรงรักราษฎรถึงเพียงนี้ จึงไม่แปลกที่หญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้านหนึ่งของอำเภอรือเสาะจะเข้ามาเกาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร้องไห้แล้วบอกว่า “ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไทยชาวพุทธ จะมารักมุสลิมได้ถึงขนาดนี้…”

            บทความเดียวกันได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเดียวกันนั้น โต๊ะครูได้พาพรรคพวกมายืนรอรับเสด็จแล้วพูดขึ้นว่า “..รายอกลับไปเถอะ ประไหมสุหรีกลับไปเถิด ประเดี๋ยวพวกโจรจะลงจากเขา…”  และเมื่อถึงเวลาเสด็จฯ กลับที่มืดสนิทอย่างน่ากลัว โต๊ะครูกับชาวบ้านก็พากันมาจุดเทียนส่งเสด็จตลอดเส้นทางอันตราย ด้วยความห่วงใยใน “รายอ” และ “ประไหมสุหรี” หรือ พระราชาพระราชินีของพวกเขาอย่างสุดซึ้ง

ทุกวัน..ที่มีโอกาส เราจะไปรอรับ และส่งเสด็จพระองค์ท่านเสมอ

เราขอเป็นเพียงส่วนหนึ่ง หรือส่วนเล็กๆ ที่จะช่วยให้พลังนั้นยิ่งใหญ่ขึ้น

แวะมาทักทายค่ะ

"...หากไม่รักพ่อ ก็จงออกไปซะ เพราะที่นี่เป็นบ้านของพ่อ..."

หดหู่ เศร้าใจ

P ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไทยชาวพุทธ จะมารักมุสลิมได้ถึงขนาดนี้

P "...หากไม่รักพ่อ ก็จงออกไปซะ เพราะที่นี่เป็นบ้านของพ่อ..."

  • สวัสดีค่ะ
  • "เป็นรางวัลที่ได้รับบทบาทจากผู้ที่เป็นพ่อนะฮะ ก็ขออนุญาตพูดถึงพ่อนิดหนึ่งก็แล้วกันครับ พ่อเป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่นะครับ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน ผมเกิดมานี่บ้านหลังนี้ก็สวยงามมากแล้ว สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมานะครับ จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และก็ดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกกับคนๆ นั้น ว่า ถ้าเกลียดพ่อไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ผมรักในหลวงครับ และผมเชื่อว่า ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน”
  • รักและจงรักภักดีพ่อมากค่ะ
  •  

                         ประทับใจมากๆค่ะ

           

           

            

  • วันนั้นได้ดูอยู่พอดีเหมือนกัน แล้วก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ถูกตัดโฆษณาในจังหวะที่สำคัญแบบนี้ ดูแล้วก็ใจหายสงสารพ่อ..น้ำตาซึม ลูกสาวหันมาเห็นพอดี " เวลาหนูซึ้งๆ หนูก็ร้องไห้เหมือนกัน" เค้าคงกลัวแม่อาย  แม่ก็เลยตอบต่อไปว่า " แม่สงสารในหลวงนะลูก"  แต่เห็นคุณพงษ์พัฒน์แล้วก็ดาราหลายๆคน หน้าจะเครียดกันหมดทั้งๆที่งานนี้งานมีความสุขแท้ๆ เพราะใจมันสุขไม่ไหว หน้าเลยยิ้มแห้งๆกัน
  • เห็นใจช่อง 3 และขอให้กำลังใจ คนดีต่อไปค่ะ

สวัวดีค่ะ...

   * ได้ดูวันที่ออกอากาศเช่นกันค่ะ...

   * ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง...

   * น้ำตาไหลไม่ต่างกับฉัตรชัยเมื่อได้ฟังค่ะ...

        ขอความสงบสุข

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาเยี่ยมเยียนกันค่ะ สบายดีนะค่ะ  พร้อมกับมาเชิญชวนไปชม "สุดยอดส้วม...โรงพยาบาลพะโต๊ะ"
  • ขอบคุณค่ะ
  • สวัสดีค่ะคุณเบดูอิน
  • แวะมาทักทาย และนำบุญมาฝากด้วยค่ะ
  •  

สุดยอดจริงๆค่ะพี่อ๊อฟ

หนูก็ดูคลิปแล้วค่ะ ทึ่ง สุดๆค่ะ

สมแล้วที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อ..

ขอบคุณน่ะค่ะ ลุงบัง..

ขอบคุณค่ะที่เผยแพร่สิ่งดีๆนี้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท