“หลังจากพูดไปก็มีทั้งเพื่อนในวงการและเพื่อนๆ ทั่วๆ ไป ก็โทร.กลับเข้ามาขอบคุณๆๆ เพราะเขามีความรู้สึกเดียวกันกับเรา แต่ความคิดที่ผมทำเรื่องนี้จนต้องพูดออกไปวันนั้น ก็เพราะเราได้รู้ได้เห็นความจริงอย่างนึง ที่มีคนลำเลิกท่านอยู่ แล้วเราก็รู้สึกว่าท่านก็ไม่เคยออกมาโต้ตอบเลย เราในฐานะพสกนิกรชาวไทยก็น่าที่จะลุกขึ้นมาปกป้องท่านบ้าง ก็เลยพูด”
ภาพจากอินเตอร์เนต
ศรัทธาความคิดและการกระทำ....เพื่อพ่อ ครับ
นุ่งดูหลายๆครั้ง....เพราะคำพูดคมบาดใจ บาดความรู้สึก ในส่วนลึกของคนที่ไม่รักพ่อ
...
รักษาสุขภาพด้วย นะครับ
เป็นห่วง ครับ
ชัดเจนเลยค่ะป๊ะเบฯ ประเด็นสื่อ ที่สำคัญและมีอิทธิพลกับการเข้าถึงข้อมูล อันถูกต้อง ตระหนักอย่างมีจิตสำนึก และยิ่งนัก ... ต่างๆ ในทุกวงการ ถึงเวลาแล้วค่ะ ที่จะต้องออกมาเริ่มต้นกัน เพื่อเป็นต้นแบบ ตัวอย่าง ให้แก่ เยาวชน ผู้คนส่วนใหญ่ ... ชื่นชมมากๆ ค่ะ
ขอบคุณป๊ะเบฯ เช่นกันค่ะ สำหรับสื่อศาสนสัมพันธ์ อันยั่งยืนในชุมชน ฝัน(ต้อง)ดีค่ะ
วาทะนี้เยี่ยมมากขอชมเชย
ทุกคนรักในหลวงครับ
" คิดดี-ทำดี-กล้าหาญ-กตัญญู "
ป้ายคัตเอ๊าท์สี่แยก....จังหวัดสุโขทัย
ผมเชื่อว่าคนเกิดจิตสำนึกที่ดีครับ
การับข้อมูลด้านเดียวก็อันตราย
สวัสดีค่ะ..คุณเบดูอิน
ดูเหมือนกันค่ะ..รายการนี้ สุดยอดของความรู้สึกเลยค่ะ
มันแน่นในอกไปหมด และยังมีอีกมากมายที่แสดงออกถึงความรัก
ที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัวของเราอย่างแท้จริง..แล้วมาบัดนี้..อะไร..ทำให้เกิดเช่นนี้..
มีบทความที่เขียนลงในนิตยสารบางฉบับ ดังนี้
“รักถึงเพียงนี้” และ “จุดเทียนส่งเสด็จ”
บทความชื่อ “แผ่นดินร่มเย็นที่นราธิวาส” ตีพิมพ์ในนิตยสาร “สู่อนาคต” ฉบับพิเศษเนื่องในวันเฉลิมฯ ได้เล่าย้อนให้เราได้เห็นภาพความยากลำบากในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทางภาใต้เมื่อหลายปีก่อน โดยเฉพาะช่วงก่อนสร้างพระราชตำหนักทักษิณราชนิเวศน์นั้น เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดนราธิวาสชุกชุมไปด้วยโจรร้าย โจรปล้นสะดมและพวกโจรเรียกค่าไถ่ ถึงขนาดที่ในหลายๆ หมู่บ้านนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
ทว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในทุกข์อันลึกล้ำของชาวบ้านที่ทั้งทุกข์เพราะยากจน และทุกข์เพราะภัยคุกคาม จึงได้เสด็จฯ ลงไปเยี่ยมเยียนเป็นขวัญกำลังใจให้ราษฎรของพระองค์โดยไม่ทรงหวาดหวั่น บางวันถึงกับเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์โดยปราศจากกำลังอารักขา และบางหมู่บ้านตำรวจเพิ่งถูกคนร้ายแย่งปืนแล้วยิ่งตายก่อเสด็จไปถึงเพียงไม่ กี่ชั่วโมง
ทรงรักราษฎรถึงเพียงนี้ จึงไม่แปลกที่หญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้านหนึ่งของอำเภอรือเสาะจะเข้ามาเกาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร้องไห้แล้วบอกว่า “ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไทยชาวพุทธ จะมารักมุสลิมได้ถึงขนาดนี้…”
บทความเดียวกันได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเดียวกันนั้น โต๊ะครูได้พาพรรคพวกมายืนรอรับเสด็จแล้วพูดขึ้นว่า “..รายอกลับไปเถอะ ประไหมสุหรีกลับไปเถิด ประเดี๋ยวพวกโจรจะลงจากเขา…” และเมื่อถึงเวลาเสด็จฯ กลับที่มืดสนิทอย่างน่ากลัว โต๊ะครูกับชาวบ้านก็พากันมาจุดเทียนส่งเสด็จตลอดเส้นทางอันตราย ด้วยความห่วงใยใน “รายอ” และ “ประไหมสุหรี” หรือ พระราชาพระราชินีของพวกเขาอย่างสุดซึ้ง
ทุกวัน..ที่มีโอกาส เราจะไปรอรับ และส่งเสด็จพระองค์ท่านเสมอ
เราขอเป็นเพียงส่วนหนึ่ง หรือส่วนเล็กๆ ที่จะช่วยให้พลังนั้นยิ่งใหญ่ขึ้น
แวะมาทักทายค่ะ
"...หากไม่รักพ่อ ก็จงออกไปซะ เพราะที่นี่เป็นบ้านของพ่อ..."
หดหู่ เศร้าใจ
[พวกเราทุกคนรักในหลวงมากค่ะ(ครับ)]
ประทับใจมากๆค่ะ
สวัวดีค่ะ...
* ได้ดูวันที่ออกอากาศเช่นกันค่ะ...
* ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง...
* น้ำตาไหลไม่ต่างกับฉัตรชัยเมื่อได้ฟังค่ะ...
สบายดีนะคะ
มะม่วงมหาชนก
สุดยอดจริงๆค่ะพี่อ๊อฟ
หนูก็ดูคลิปแล้วค่ะ ทึ่ง สุดๆค่ะ
สมแล้วที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อ..
ขอบคุณน่ะค่ะ ลุงบัง..
ขอบคุณค่ะที่เผยแพร่สิ่งดีๆนี้ค่ะ