จากการที่ได้ศึกษามา ร่ำเรียนมา ค้นคว้ามา ตัวของผู้เขียนได้ยินเรื่องโรงเรียนทางเลือก
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และในหัวสมองไม่เคยคิดว่าโรงเรียนเช่นนี้จะมีจริงในเมืองไทยของ
เรา จากที่เคยคิดว่าแข่งเรียนกันจนเกือบเป็นบ้า เพื่อที่จะได้เกรดดีๆ เรียนต่อในสถาบัน
ที่ดี มีชื่อเสียงของประเทศ จบแล้วมีงานทำ แต่ลืมคิดถึงเรื่องการดำรงชีวิต การปรับตัว
ให้เข้ากับสังคมรอบข้าง คิดแต่เรื่องการแข่งขัน แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น ในโลกยุคปัจจุบัน
แต่หลังจากได้ศึกษาความเป็นมา ของโรงเรียนทางเลือก โรงเรียนที่เน้นการสร้างคนให้
เป็นคนที่เพรียบพร้อมทั้งด้านกาย วาจา และจิตใจ เลยย้อนกลับมามองดูตัวเรา ว่าเรามี
หรือไม่ ในศาสตร์ที่โรงเรียนเหล่านี้ได้มอบให้แก่เด็กนักเรียนของเขา
โดยโรงเรียนแรกที่ได้ศึกษาและค้นคว้า หารายละเอียดมา คือโรงเรียนรุ่งอรุณ
โรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2540 เป็นโรงเรียนทางเลือกที่เน้นการเรียนการ
สอนตามแนวพุทธ โดยยึดหลักที่ว่า "ชีวิตคือการเรียนรู้ การเรียนรู้คือชีวิต"
เรียนรู้จากธรรมชาติที่ใกล้ตัว อยู่กับธรรมชาติ เน้นการฝึกปฏิบัติ เน้นการรู้ให้ถึงแก่นของ
ความรู้ และเน้นที่การสื่อสาร
โรงเรียนต่อมาคือ โรงเรียนเพลินพัฒนา เป็นโรงเรียนที่เน้นหลักการบูรณาการ โดย
นำเนื้อหาวิชาต่างๆ มาเรียนร่วมกัน เช่น วิชาภาษาไทยกับวิชาพละศึกษา หากมองดู
เพียงเปลือกนอกก็ยากที่จะเข้าใจว่าจะเรียนร่วมกันอย่างไร แต่โรงเรียนแห่งนี้ทำได้ โดย
การเรียนวิชาภาษาไทยโดยให้เด็กนักเรียนอ่านออกเสียง แล้วปฏิบัติตาม เช่นคำว่า
กระโดดนักเรียนก็จะแสดงท่าทางการกระโดด ซึ่งเป็นการออกกำลังกายไปในตัว และ
เน้นวิธีคิดให้กับนักเรียน เน้นประสบการณ์ตรงแก่ผู้เรียน และให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วย
ตนเอง
โรงเรียนสุดท้ายที่จะนำมาเสนอในบันทึกนี้คือ โรงเรียนปัญโญทัย ซึ่งมีการจัดการ
เรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ(Woldorf) คือเน้นการพัฒนาการของเด็กตามวัย เพื่อ
ความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง เน้นปฏิบัติเหมือนกับ 2 โรงเรียนที่กล่าวขั้นต้น แต่ที่ต่าง
จากโรงเรียนทั้ง 2 คือ จะมีการสอดแทรกวิชาศิลปะให้กับเด็กนักเรียนทุกชั้น เพื่อเป็น
การฝึกสมาธิและหล่อหลอมเด็กนักเรียนให้รู้คิด และมีสมาธิในการแก้ปัญหา และอีก
ประการคือพ่อ แม่ ผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมกับทางโรงเรียน ในการควบคุมดูแลเด็กนัก
เรียนที่บ้านเช่นการดูโทรทัศน์ การเล่นคอมพิวเตอร์
และสุดท้ายนี้หากเป็นไปได้ ทางผู้เขียนอยากให้โรงเรียนทางเลือกแบบโรงเรียนเหล่านี้
มีทุกภาค และทุกพื้นที่ ของเมืองไทย ไม่ใช่มีเพียงแค่ในกรุงเทพ เพื่อที่จะได้มีการ
พัฒนาเด็กไทยทั้งประเทศเพราะเมืองไทยในยุค นี้นั้น คนเก่งนั้นมีมาก แต่ที่หายากคือ
คนดี
เหมือนกับเนื้อร้องของเพลงที่คุณไมค์ ภิรมย์พร ที่ร้องว่า "คนเรียนเก่งคดโกงก็มากมี คน
เรียนดีขี้โกงก็มากมาย" ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
ลองจัดบันทึกดี ๆ หน่อยครับ ... Copy มาจากโปรแกรมอื่นอีกต่อ มันก็เว้นบรรทัดว่างมากเกินไป ... เพื่อทำให้คุณค่าบันทึกนี้เพิ่มขึ้นครับ ;)