ทะเลใจ


ทะเลก็กว้าง ถ้าใจคนกว้างเหมือนทะเลก็คงดี ใจคนกว้างเหมือนทะเล กว้างแบบสัมมาทิฏฐิไม่ใช่กว้างไปหมดจนไม่มีขอบเขต และอีกอย่างหนึ่ง ใจของเราอย่าเค็มเหมือนทะเลก็พอ

คลื่นคลั่งทะเลโถม                            กระหน่ำโหมทะเลคน

คลื่นชัดระบัดชล                               เฉกจะล้างหรืออย่างไร

ยิ้มแย้มแต้มเกลื่อนอยู่                       มินึกรู้เหตุการณ์ใดฯฯฯ

  ข้าพเจ้าขอยกกลอนของคุณครูมาอารัมภ์ปรากฏการณ์ของน้ำทะเลใสๆสักหน่อยครับ จำไม่ได้ว่าเป็นกลอนของอาจารย์ภาทิพย์หรือเปล่าต้องขออภัยด้วย ว่างๆต้องไปอ่านอีกสักรอบคงไม่ว่ากันนะ เอาเป็นว่ายกมาพอให้คันๆลูกกะตากลอนนี้ผมว่าไพเราะเสนาะหูจริงๆ

 

ผมว่าจะเขียนบันทึกเกี่ยวกับการแสวงบุญที่พัทยาของผมสักหน่อย อุตส่าห์ไปตั้งหลายวันได้รูปมาตั้งหลายกระบุง หาดทรายงามๆอย่างนี้ น้ำทะเลใสๆเห็นนักท่องเที่ยวเล่นกันอย่างมีความสุขในช่วงเหตุการณ์ไม่ปกติของเดือนเมษา-พฤษภา  คงไม่เติมเป็นทมิฬนะครับอ่านแล้วเสียวๆแต่กว่าจะได้เขียนก็เหตุการณ์ทุเลาหน่อยหนึ่งละ “ กิระดังได้สดับมา” ว่าเขาจะปรองกระดองกันแล้ว

ไม่อยากวุ่นเรื่องการเมืองให้มากไปมาว่าเรื่องพัทยาของผมดีกว่า ผมได้รับคำนิมนต์จากเพื่อนสหธรรมิกให้ไปเยี่ยมเขาบ้างที่พัทยาที่ที่ท่านอยู่จำพรรษาที่นั่นเมื่อปีที่แล้ว ท่านโทรมาชวนผมตั้งนานแล้ว หลายรอบผมก็เลยไม่อาจปฏิเสธเพราะธรรมดาคนที่มีอุปนิสัยเหมือนกันมีอะไรดีๆก็คิดถึงกันเสมออยากให้บริโภคใช้สอยด้วยกัน กัลยาณมิตรยามที่บ้านเมืองโกลาหลยิ่งหายากอยู่ กัลยาณมิตรที่ดีนั้นต้องตั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไว้ในใจต่อเพื่อนให้เป็นไปด้วยดีเสมอในชีวิตใครที่มีกัลยาณมิตรสักคนหนึ่งนับว่าไม่เสียที เพราะกัลยาณมิตรนั้นเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์เลยทีเดียว

 

ในหนังสือของท่านอาจารย์ ว.วชิรเมธี เรื่องการเมืองเนื่องในธรรมนั้น ท่านสมมุติว่า ถ้าท่านได้เทศน์ให้นายกรัฐมนตรี หรือได้รับเชิญไป ท่านมีเรื่องเดียวที่จะบอกกับนายกเป็นเบื้องแรกก็คือเรื่องของกัลยาณมิตรนี่เอง โดยท่านได้หยิบยกเอามงคล ๓๘ ประการ บอกว่ามงคลแรกก็คือสอนว่าอย่าคบคนพาลให้คบกับคนดีๆที่เป็นกัลยาณมิตร

     “สมมุติว่าได้เจอนายยกรัฐมนตรี สิ่งที่ท่านอยากชวนคุยด้วยก็คือเรื่อง การคบคนดี คำว่าคนดี ที่ควรคบเป็นมิตรไม่ได้หมายความแคบๆแค่เพียงคนเป็นๆเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง แนวคิด ทฤษฎี ค่านิยม ความเชื่อ ลัทธิ อุดมการณ์ ศาสนา บุคคลต้นแบบ ที่ใครคนใดคนหนึ่งนิยมชมชอบแล้วอยากเจริญรอยตาม หรือนำเอาสิ่งนั้นมาเป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิต”

หนังสือเล่มนี้มีอยู่ ๒๑ บท แต่ละบทต้องบอกว่าแจ่มๆทั้งนั้นเลยท่านที่รัก ถ้ากระไรอยากให้หาอ่านเพิ่มความรู้เอาไว้ไม่เสียหลายครับ หนังสือเล่มนี้ผมชื้อมาตอนขาไปโดยแวะชื้อที่เชียร์รังสิต ถือโอกาสแวะเยี่ยมโยมที่ไปทำงานที่นั่นอีกโสตหนึ่งด้วย

โยมนี่ก็กระไรเห็นพระมาก็ดีใจกันเหมือนเขาว่า “พระมาโปรด” โดยไม่รู้หรอกว่ามาโปรดหรือมาปลอก อย่างว่านั่นแหละคนที่สัทธาก็สัทธาจริงๆประมาณว่า ถึงจะหมดตัวก็ยอมขอให้ได้อยู่ใกล้เห็นแล้วไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี ไปชื้อหนังสือเห็นไว้สองเล่มแต่ได้มาเล่มเดียวเพราะคิดว่าเราต้องไปข้างหน้าอยู่ต้องเผื่อค่าเดินทางไว้ก่อน ถ้าไงเหลือกลับมาค่อยแวะมาชื้ออีกที

พูดถึงเรื่องหนังสือนี่มีอยู่มากในโลก แต่สถิติคนอ่านในประเทศไทยของเราเมื่อคิดเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ ปีละ ๘ บรรทัด โอ้ถึงว่าเมืองไทยถึงเคลื่อนที่เหมือนสมัยพ่อขุนที่ใช้เกวียนบรรทุกเคลื่อนไปทีละนิดก็ยังดีกว่าบางประเทศที่ไม่มีโอกาสจะได้เห็นเกวียนฯฯฯ

  สถิติที่ว่านี้ก็ได้จากหนังสือของท่านอาจารย์ละครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอยกข้อความที่กินใจของข้าพเจ้ามาลงไว้หน่อยเผื่อบางทีจะได้เตะตาใครบางคนบ้าง

น่าเสียดาย

น่าเสียดาย ที่เรามีพุทธศาสนาประจำชาติ

แต่เรากลับสัทธาในไสยศาสตร์หัวปักหัวปำ

น่าเสียดาย ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่แสนดี

แต่เรากลับมีคนโกงกินเต็มบ้านเมือง

น่าเสียดาย ที่เรามีวัดอยู่เกือบทุกหมู่บ้าน

แต่ว่ากลับมากมายด้วยคนขาดจริยธรรม

น่าเสียดาย ที่เราสถาปนาประชาธิปไตยตั้งแต่ปี ๒๔๗๕

แต่เรากลับมีการปฏิวัติมาแล้ว ๑๔ ครั้ง

น่าเสียดาย ที่เรามีมหาวิทยาลัยมากมายติดอันดับโลก

แต่เรากลับโชคร้ายที่คนไทยชอบดูดวง บวงสรวงเทพยดา

น่าเสียดาย ที่เรามีแม่น้ำ-ป่าไม้-ธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์

แต่เรากลับเทิดทูนการทำลายแทนการรักษา

น่าเสียดาย ที่เรามีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง

แต่เรากลับเก่ง “การลอกเลียนแบบ” เป็นที่สุด

น่าเสียดาย ที่เรามีสื่อมวลชนมากมายไร้พรหมแดน

แต่เจ็บปวดเหลือแสนเมื่อสื่อมวลชนเน้นแต่การขายสินค้า

น่าเสียดายที่เรามีกฎหมาย

แต่เรากลับปล่อยให้มีการใช้กฎหมู่จนเป็นเรื่องธรรมดา

น่าเสียดาย ที่เรามีหนังสือมากมายหลายพันเล่มในห้องสมุด

แต่สถิติสูงสุดคือการอ่านหนังสือกันปีละ ๘ บรรทัด

น่าเสียดาย ที่เรามีอินเทอร์เน็ตใช้ก่อนประเทศใดในโลกที่สาม

แต่เรากลับเสื่อมทรามเพราะใช้ถ่ายภาพคลิปโป๊

น่าเสียดาย ที่เรามีสถานีโทรทัศน์หลายสิบช่อง

แต่เรากลับจ้องจะดูแต่ละครน้ำเน่า

น่าเสียดาย ที่เรามีพ่อแม่อยู่ในบ้าน

แต่เรากลับปล่อยให้ท่านเปลี่ยวเหงา

น่าเสียดาย ที่เราสามารถกลับตัวเป็นคนดีได้

แต่เรากลับชอบใจที่จะเป็นคนเลวตลอดกาล

น่าเสียดาย ที่เราสามารถจะเป็นอิสระจากความอยาก ได้

แต่เรากลับหายใจอยู่กับการสนองความอยาก

น่าเสียดาย ที่เราสามารถบรรลุนิพพานได้ในชาตินี้

แต่เรากลับยินดีอยู่แค่การทำบุญให้ทาน

เฮ้อ อ่านแล้วเป็นไงบ้างท่านที่รัก ถอนหายใจเหมือนข้าพเจ้าหรือ เพราะข้อความไปเตะโดนตาเข้าให้ ไม่เป็นไรก็แค่ผงเข้าตาไม่ตายดอก เจ็บแต่ก็โอเคครับ เอากลอนมาเคล้าอีกสักบทก็จะดีเป็นกลอนที่ทุกท่านคุ้นตาดี

เมืองใดไม่มีทหารหาร เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า

เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้นไม่ช้าอับจน

เมืองใดไม่มีพานิชย์เลิศ เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน

เมืองใดไร้ศิลปะอันโสภณ เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม

เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม

เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นหมดความภูมิใจ

เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพลิดพิสมัย

เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอนฯฯฯ

อ่านแล้วซึมทราบรดเข้าไปข้างในหัวใจเลยเจ้าประคุณ ต้องบอกว่าไม่ต้องให้ศาลที่ไหนตีความอีกเลย อ้อยย่อมหวานอยู่ใน

เกลือย่อมคงไว้ด้วยความเค็มดีตลอดกาล

กัลยาณมิตรย่อมทรงไว้ซึ่งความดีเสมอ

กัลยาณมิตรที่ยิ่งไปกว่าพุทธเจ้าย่อมไม่มี

ผมว่าจะเขียนเกี่ยวกับน้ำทะเลสักหน่อยไม่รู้ไหลไปไหนหมด อัศจรรย์ก็ตรงที่กัลยาณมิตรอย่างพระพุทธเจ้าเมื่อก่อน ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้วท่านรู้ได้ยังไงว่าน้ำล้อมรอบโลกไว้ต่อจากน้ำก็เป็นลม

ลมก็ล้อมน้ำเอาไว้ ท่านเชื่อไหมในลักษณะที่ว่า น้ำทะเลที่เรามองเห็นอยู่ทุกหนแห่งนี่ ไม่ไหลออกไปนอกโลกเพราะมีลมหุ้มห่อเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ลมก็ตั้งอยู่บนอากาศอีกทีเป็นชั้นๆไป ผมเคยอ่านหนังสืออภิธรรมที่พูดถึงเรื่องโลก จักรวาลเอาไว้อ่านไปให้นึกสงสัยไปว่าเป็นไปได้หรือ

โดยสิ่งที่สงสัยอย่างหนึ่งก็คือ โลกของเกิดขึ้นตั้งอยู่บนน้ำ แต่เมื่อผมได้ขึ้นเรือข้ามฝั่งไปที่เกาะแห่งหนึ่งระหว่างที่นั่งเรืออยู่ ก็เลยคิดถึงคำที่ว่าโลกตั้งอยู่บนน้ำทำให้เห็นจริงดั่งคำสอน แนะนำว่าถ้าอยาก พิสุทธิ์ ท่านทั้งหลายต้องไปนั่งเรือ เพลาเมื่อเรือแล่นอยูกลางแม่น้ำใหญ่นั้นแหละจึ่งจะดี พระพุทธเจ้าสมัยนั้นไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เลยได้ไง

กัลยาณมิตรคือพุทธองค์จึงมีสมัญญาว่า พระผู้รู้ (สัจธรรม) พระผู้ตื่น (จากมายาคติ) ผู้เบิกบาน (เพราะก้าวข้ามภาพลวงตาอันเป็นมายาคติ) อย่างแท้จริง

สุดท้ายขอทุกท่านจงได้พบกัลยาณมิตรในที่ๆทุกแห่งทุกสถาน และได้เป็นผู้มีโอกาสดำเนินรอยตามบุคคลผู้เป็นแบบอย่างดลใจใฝ่ฝันให้สมคาดตามยถากรรมเถิด บทนี้ก็คงไว้แต่เท่านี้ เอวัง เอวัง เอวังฯฯฯฯฯ

คำสำคัญ (Tags): #ทะเล
หมายเลขบันทึก: 357277เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2010 22:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบพระคุณ คุณราชิต ที่มาให้กำลังใจ เห็นน้ำทะเลเย็นๆแล้วไม่อยากเก็บไว้ผู้เดียวเลยเก็บภาพมาฝากท่านทั้งหลาย หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆท่านคงสบายดี สบายดีและก็สบายดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท