ได้ดูผลการทดสอบวัดความรู้ครูโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในกลุ่มวิชา
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ที่สพฐ.ดำเนินการเชิงนโยบาย
และให้คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการประมวลผล
ที่สามารถประมวลผลและประกาศผลได้อย่างรวดเร็วทางเว็บไซต์
แม้ข้อสอบจะเป็นแบบอัตนัยก็ตาม
(ครูม.ต้นเขาบ่นมาว่าสอบตั้งนานแล้วทำไม
สพฐ.ไม่ประกาศผลสักที)โดยประกาศผลเฉพาะผู้ที่ผ่านการทดสอบได้คะแนนอยู่ในกลุ่มที่จะคัดเป็น
Master
teachers ที่จะให้มหาวิทยาลัยประมาณ 13
ศูนย์ไปติวเข้ม เพื่อเป็นแม่ไก่ไปช่วยพัฒนาครูกลุ่มพื้นฐานต่อไป
ดูจากผลที่ประกาศเป็นรายเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศและเป็นรายวิชา
ส่วนใหญ่ครูโรงเรียนม.ปลายที่อยู่ในกลุ่ม Master teachers
ที่คัดเลือกไว้นี้ มักจะเป็นครูจากโรงเรียนใหญ่ๆ เด่นๆ
ดังๆ หรือโรงเรียนประจำจังหวัด เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ได้กันมากทีเดียว ส่วนโรงเรียนที่เด่นๆดังๆ
มีครูที่มีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ
แล้วไม่ติดอันดับก็มีไม่น้อยนะ
และที่น่าสังเกตก็คือ
มีโรงเรียนระดับอำเภอ ตำบล
แทรกติดอันดับเป็นจำนวนมากในบางรายวิชาอย่างน่าชื่นชม
เท่าที่พอจำได้ เช่น ปากพนัง ทุ่งสง สิชลฯ
แม้แต่โรงเรียนอมก๋อยที่ใครมักพูดจาเชิงปรามาสก็มีติดอันดับกับเขาด้วย(ตอนนี้ยังไม่วิเคราะห์ว่าผลการทดสอบวัดความรู้ของครูกลุ่มสาระฯตณิต-วิทย์
ครั้งนี้สะท้อนอะไรได้บ้าง)
ที่ผมจะขอปรบมือดังๆเป็นพิเศษก็คือ
โรงเรียนพิมายวิทยา
(โรงเรียนประจำอำเภอที่ไม่ใหญ่นัก)
ซึ่งพัฒนาจากการเป็นโรงเรียนในฝันรุ่นแรก
เป็นทั้งโรงเรียนเร่งสู่ฝัน ต้นแบบโรงเรียนในฝัน(จริงๆ)
ที่มีคนทั่วประเทศไปดูงานกันมิได้ขาด ผมก็ได้ไปดูมาเหมือนกัน
ซึ่งดูผลการทดสอบครั้งนี้แล้วตะลึงที่มีครูผ่านการทดสอบเป็นกลุ่ม
Master Teachers วิชาวิทย์-คณิตฯทุกวิชา
ผูกขาดโรงเรียนเดียวในสพท.นครราชสีมา เขต 7 รวม 11 คน
แจงให้ละเอียดเป็นรายวิชาก็ได้ คือ คณิตศาสตร์ 4 คน
คอมพิวเตอร์ 2 คน เคมี 3 คน ชีววิทยา 1 คน
และฟิสิกส์ 1 คน รวม 11 คน ซึ่งดูประกาศผลใน
สพท.นครราชสีมา เขต 7 ทั้งเขต
ไม่มีชื่อโรงเรียนอื่นปรากฏเลย
ผลการทดสอบวัดความรู้ของโรงเรียนนี้(มีครูบ่นว่าข้อสอบยากมาก)น่าจะสะท้อนเบื้องต้นว่า
การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนนี้มีคุณภาพ
พัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นวัฒนธรรมคุณภาพ
ผมเชื่อว่าพื้นฐานของครูที่มาบรรจุหรือย้ายมาสอนที่โรงเรียนนี้ก็คงไม่ต่างไปจากโรงเรียนอื่น
ที่มาโดยระบบราชการ
แต่ที่ชื่นชมก็คือกระบวนการบริหารและการจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพของโรงเรียนนี้ต่างหาก
ก็ต้องขออภัยที่ยกตัวอย่างโรงเรียนนี้โรงเรียนเดียว
ซึ่งที่จริงยังมีโรงเรียนอื่นอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ
และการดูจากผลการทดสอบอย่างเดียวก็เป็นเพียงมิติหนึ่งที่จะนำไปสู่กระบวนการพัฒนาคุณภาพครูเท่านั้น
ที่จริงยังมีปัจจัยอื่นที่สามารถวิเคราะห์ได้อีกหลายมิติ
ที่น่าเห็นใจมากก็คือ
การทดสอบครั้งนี้ทำให้ครูเครียดกันพอสมควร
โดยเฉพาะครูที่อาวุโส
ก็ทำให้นึกถึงทฤษฎีการบริหารเรื่องความเครียดที่ว่า
ถ้าเครียดมากก็ไม่ดี(ประสาทจะกิน)
เครียดน้อยก็ไม่ดี(หย่อนยาน/ห้องเรียนข้าใครอย่าแตะ)
ที่ดีที่สุดที่จะทำให้เกิดการพัฒนาก็คือเครียดปานกลาง
ก็พยายามคิดว่าการทดสอบครั้งนี้สร้างความเครียดในระดับปานกลางก็แล้วกันนะ
ร่วมชื่นชมครับ