นานแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้เข้ามาเขียนบันทึกในบล็อกนี้ แรงจูงใจที่ข้าพเจ้าเขียนบันทึกที่บล๊อกนี้อีกครั้ง เกิดจากการที่ข้าพเจ้าอยากจะเขียนบันทึกชื่นชมและขอบคุณกัลยาณมิตร
เมื่อวานเป็นวันครู ข้าพเจ้าก็ได้เอาดอกมะิลิไปไหว้ครูทางจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นกัลยาณมิตร จริง ๆ แล้วทั้ง ๆ ข้าพเจ้าและกัลยาณมิตรต่างก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แต่กัลยาณมิตรที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จักเป็นผู้ฝึกตนเองให้มีสติปัญญาและสัมปชัญญะ และได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
ในท่ามกลางสังคมที่ต่างฝ่ายต่างเรียกร้องสิทธิประโยชน์ของตนเอง ข้าพเจ้าพบว่ากัลยาณมิตรมีแต่เมตตา และให้เวลา ให้คำแนะนำ ให้คำสอน ให้ความรู้ และแม้กระทั่งให้เิิงินเพื่อซื้อของให้ส่วนรวมใช้
ในขณะที่เรามักจะมองสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์จะให้เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคลอื่น ว่าบุคคลอื่นนั้นทำไม่ถูกต้อง กัลยาณมิตรกลับมองว่า สิ่งที่ำสำคัญคือให้ดูจิตใจของตนเองว่าตนเองรู้สึกอย่างไร และพยายามแผ่เมตตาและทำดีต่อผู้อื่นถึงแม้ว่าผู้อื่นจะพูดหรือทำไม่ดีต่อเราก็ตาม เพราะกัลยาณมิตรเชื่อเรื่องกรรม เชื่อว่าสิ่งที่เราประสบทุกวันนี้เกิดจากกรรมที่เราได้ทำไว้แต่อดีตและในชาติก่อน กรรมเป็นผู้ให้กำเนิดและเป็นผู้ติดตามเรา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้นยุติธรรมที่สุดแล้ว และจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรในโลกที่น่าเอา น่ามี และน่าเป็น สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้คือ การไม่เกิดมาทุกข์อีก ซึ่งก็ควรจะเริ่มต้นจากการไม่สร้างกรรมที่ให้เราต้องมาชดใช้อีก
ในท่ามกลางสังคมที่ต่างคนต่างมุ่งแสวงหาเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ และสรรเสริญ โดยบางครั้งไม่คำนึงถึงความชอบธรรมของการได้มาสิ่งเหล่านั้น ใครดีดีตอบ ใครชั่วชั่วตอบ ข้าพเจ้ารู้สึกโชคดีที่มีกัลยาณมิตรคอยชี้แนะใ้ห้ข้าพเจ้าเห็นแนวทางอีกแนวทางหนึ่งเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าหลงทางในชีวิต ขอขอบคุณค่ะ