มหาโพธิสมาคม เดลี
ร่วมงานสงกรานต์ชาวพุทธอินเดีย
วันที่ 14 เมษายน 2553 ผมได้รับเชิญจากมหาโพธิสมาคม ณ กรุงเดลี Maha Bhoti Society ให้ไปร่วมงานฉลองปีใหม่ของชาวพุทธเบงกาลี ณ ที่ทำการสมาคม ซึ่งอยู่ติดกับวัดลักษมีนารายันวัดฮินดูที่มีชื่อเสียงโด่งดังในความศักดิ์สิทธิ์ ในงานมีชาวพุทธเบงกาลี พระจากอินเดีย ศรีลังกาและบังกลาเทศมาร่วมงานประมาณ 50 คน โดยเฉพาะพระจากอินเดียได้แก่สังฆราชท่านสัตยาปาละ คณบดีจากมหาวิทยาลัยเดลี มาเป็นประธานในพิธี
พิธีเริ่มจากการสงฆ์น้ำพระพุทธรูป จากนั้นไปสักการะและรดน้ำต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์และไปทำพิธีในโบสถ์ มีการสวดพุทธคุณ ให้ศีลและพระสวดพุทธมนต์ด้วยทำนองเบงกัลลีซึ่งแตกต่างจากการสวดของพระไทยแต่ก็พอจับความได้
หลังจากนั้นประธานได้เชิญให้ผมกล่าวกับผู้มาร่วมงานซึ่งผมได้กล่าวถึงความสำคัญของวันสงกรานต์ของไทยและได้ถือโอกาสสรุปความสำคัญของพุทธศาสนา การปฏิบัติจิตตามแนวพุทธในชีวิตประจำวันโดยการนำหัวใจพุทธศาสนา 3 ข้อมาใช้ และโดยเฉพาะความสำคัญของ”ปัจจุบัน” ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ฟังด้วยดี
หลังจากนั้นมีการกรวดน้ำเป็นอันเสร็จพิธีตอนเช้า
ข้อคิดที่ได้จากการไปร่วมพิธีก็คือชาวพุทธในอินเดียมีการรวมตัวกันน้อย อีกทั้งพระสงฆ์ที่มี ก็ไม่มากและไม่ใช่พระปฏิบัติ จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้ชาวพุทธอินเดียยกระดับจากการเป็นพุทธเพียงในนาม มาเป็นผู้ปฏิบัติสมาธิและภาวนา อุปสรรคสำคัญน่าจะอยู่ที่ไม่มีผู้นำที่จะมาแนะนำและสอนวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเพียงรับศีล 5 แล้วก็ทำบุญทำทานตามอัตภาพ
เส้นทางการฟื้นฟูและพัฒนาพุทธศาสนาในอินเดีย จึงยังอยู่อีกยาวไกลและเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับใครก็ตามที่จะมาทำงานตรงนี้
อย่างไรก็ดี การรวมกลุ่มของชาวพุทธเช่นชาวพุทธเบงกาลีนี้ แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาเชื่อมั่นในพุทธศาสนาอย่างแท้จริง จึงขอหวังว่าในอนาคต คงจะมีสิ่งที่ดีงามเกิดขึ้นและให้มีผู้นำ มานำชาวพุทธอินเดียให้ยกระดับเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ดังที่เคยเป็นเมื่อสมัยพุทธกาล
สวัสดีค่ะท่าน
คุณครูคิม ครับ
มองอินเดียแล้วมองไทย
คนไทยโชคดีที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง เรียกว่ามากประเทศหนึ่งในโลก
คนไทยมีโอกาสเป็นพุทธมาก โดยเฉพาะการปฏิบัติ
จะเห็นว่ามีการบวชพระตามประเพณี สร้างคนเป็นคนดี
ในขณะที่อินเดียแทบจะมีน้อยหรือไม่มีเลย
การปฏิบัติธรรมจะเป็นการสืบต่อพุทธศาสนาที่ดีมากครับ
สวัสดีค่ะ
คุณครูคิม ครับ
ครูเข้าใจไม่ผิดครับ พุทธศาสนาในอินเดียรุ่งเรืองมากในสมัยพุทธกาลครับ
แต่ในปัจจุบัน มีประมาณ 1 เปอร์เซนต์ของประชากรพันล้านเท่านั้นครับที่เป็นพุทธ
ในจำนวน 1 เปอร์เซนต์ เป็นพุทธแต่ในนามเพราะการเป็นพุทธเป็นการพ้นจากวรรณะของฮินดู ทำให้ทุกปี ที่เมืองนาคปูร์ รัฐมหารัชฏะ มีคนอินเดียวรรณะต่อสุดและจัณฑาลสมัครใจประกาศตนรับพุทธศาสนาเป็นศาสนาใหม่ของตนนับจำนวนนับแสนๆ คนซึ่งดำเนินมาเช่นนี้ตั้งแต่ ดร.เอมเบดก้านำการประกาศตนมาตั้งแต่มานับ 10 กว่าปีแล้ว
แต่ถามว่าหลังจากประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้ว เกิดอะไรขึ้น พระอินเดียเองบอกว่า ก็กลับไปดำเนินชีวิตเช่นฮินดูตามปรกติ เพราะไม่มีใครมาดูแลแนะนำว่าต้องทำอย่างไร
นี่คือสภาพของชาวพุทธอินเดียครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกสะท้อนใจดังที่เล่าให้ฟังครับ
ขอบคุณครับที่แวะมาร่วมสนทนากัน
สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะ
เรื่องการเผยแพรพระพุทธศาสนาในอินเดีย
อาจเกิดจากปัญหาหลายๆประการ
เช่นพระสงฆ์ท่านก็ไม่สามารถสื่อสารกับคนในท้องถิ่นได้(ภาษา)
สัมพันธภาพกับคนในท้องถิ่นก็ยังน้อย
เหมือนอยู่กันคนละมุมโลกเดียวกัน
ถ้าคนพุทธ หรือคณะสงฆ์ที่มีความมุ่งมั่นจะเผยแผ่พระพุทธศาสนา
จึงอาจต้องแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่
การให้ธรรมะเป็นสิ่งที่ประเสริฐ
แม้ให้กับคนต่างศาสนาก็ตาม
อีกอย่างหนึ่งการเริ่มต้นด้วยการเข้าใจและเกื้อกูลกันก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
สงกรานต์ปีนี้ อย่างน้อยเป็นความโชคดีของชาวอินเดีย
ที่ท่านทูตชาวไทย ได้ให้ธรรมทาน
ซึ่งเป็นการสร้างประโยชน์แก่พวกเขาอย่างแท้จริง
ขออนุโมทนาสาธุการดังๆ ณ ที่นี้ค่ะ
ตันติราพันธ์ โยคีน้อย
อินเดียมีกูรูมากมาย ต่างก็เป็นนักปฏิบัติทางจิตที่เข้มข้น
ไม่ว่าจะเป็นท่านใสบาบา และอีกหลายคนที่คนไทยรู้จัก
แต่ส่วนใหญ่ก็ตามกระแสของฮินดู คือบูชาเทพ
การปฏิบัติในระดับที่สูงขึ้น ที่ต้องใช้สมาธิและภาวนาคู่กันไปเพื่อสร้างปัญญา อาจไม่ได้เน้นกัน
เพราะต้องการให้คนอยู่กับสังคม อยู่กับเทพเจ้า
การหลุดพ้นแบบพุทธ หรือตามแนวทางที่โอโช Osho แนะนำจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัว ใครทำใครได้
ถ้ามองในเรื่องพื้นฐานของจิต คนอินเดียมีพื้นฐานที่ดีอยุ่แล้ว แม้จะตามแบบฮินดู
เพียงได้รับการแนะนำวิธีที่ถูกต้อง เชื่อว่าคนอินเดียจะปฏิบัติได้ดีและเร็วกว่าคนชาติอื่น
เัรีัีสีนส