ผมมีโอกาสได้ไปดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้มีเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟัง
ไม่น่าเชื่อว่า ย้อนหลังไปไม่กี่สิบปี เกาหลีซึ่งบอบช้ำจากการเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นที่เข้าครอบครอง จากนั้นเข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่สอง หลังสงครามโลก ประเทศถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ เหนือ-ใต้ แบ่งแยกการปกครอง ญาติพี่น้องต้องพลัดพรากจากกัน
นับจากปีพ.ศ. 2491 ที่เกาหลีแยกออกเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครองต่างกัน จนถึงวันนี้ 62 ปี ผ่านไป เกาหลีที่เคยยากจนและล้าหลังกว่าไทย กลับกลายเป็นประเทศที่ยืนอยู่ในเวทีโลกอย่างสง่าผ่าเผย มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ตามรายงานของสหประชาชาติปี2009 เกาหลี มีดัชนี้ชี้วัดการพัฒนามนุษย์หรือที่เรียกว่า Human Development Index – HDI สูงเป็นอันดับที่ 26 ของโลก (ประเทศอันดับ 1คือ Norway นอร์เวย์ และ อันดับสุดท้าย182 คือ Niger อยู่ในอาฟริกา ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 87 )[1],[2]
ยังไม่ขอพูดพาดพิงไปในเรื่องอื่นๆ แต่ที่เห็นมาในระยะสั้นๆไม่กี่วันน่าสนใจครับ เท่าที่เห็นกรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาหลีใต้ สะอาดมาก มีคลองสำคัญคลองหนึ่งชื่อ Cheong Gye Cheon แต่ก่อนมีน้ำเน่าเหม็นมีคนไร้บ้านอยู่ใต้สะพานมากมาย เทศบาลเขาสามารถเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งของคนเกาหลีและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
"คลอง Cheong Gye Cheon ที่อดีตเป็นคลองน้ำเน่า ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว"
ด้านกฎหมายเขาก็เข้มงวด ไม่มีรถเข็นตามข้างถนนยกเว้นบริเวณที่เขาอนุญาตเท่านั้น คนเกาหลีมีความเป็นชาตินิยมมาก รักชาติและเขาก็พูดถึงคนของเขาและประเทศของเขาด้วยความภาคภูมิใจ ตัวอย่างความเป็นชาตินิยมที่สะท้อนให้เห็นเช่น รถที่วิ่งตามท้องถนนกว่า 90% เป็นรถของเกาหลีเอง อันดับหนึ่งที่ใช้กันมากสุดก็คือ รถยี่ห้อ HUYNDAI เขาบอกว่าคนเกาหลีชอบ คุณภาพดี ราคาก็ไม่แพง สนับสนุนของเกาหลีเอง รัฐบาลก็สนับสนุน
"รถที่เห็นส่วนใหญ่เป็นรถเกาหลี ที่คนเกาหลีใช้ด้วยความภูมิใจ"
ผมสังเกตทั่วๆไป ไม่เห็นห้างสรรพสินค้าต่างชาติใหญ่ๆอย่างที่มีในบ้านเรา ถามไกด์ชาวเกาหลีว่า ไม่เห็นห้างเหล่านี้เลย เขาตอบว่าไม่มี ผมถามต่อด้วยความสงสัยว่า รัฐบาลห้ามเหรอ เขาบอกว่าไม่ห้ามหรอก ที่จริงหลายปีก่อนมีห้างใหญ่ข้ามชาติห้างหนึ่งเคยมาตั้ง คนเกาหลีไปกันมากไปเดินห้าง แอร์เย็นดี แต่พอจะกลับบ้านก็ไปซื้อของที่ห้างเกาหลีกลับบ้าน ไม่นานห้างนี้ก็เจ๊งอยู่ไม่ได้ เท็จจริงประการใดไม่ทราบ แต่เขาก็พูดด้วยความภาคภูมิใจ และยังเน้นต่ออีกว่า คนเกาหลี สอนลูกหลานตั้งแต่ยังเล็กว่าต้องรักชาติ ใช้ของเกาหลีเท่านั้นปลูกฝังกันมาแต่เด็กเลย ขนาด “ผักดอง” ที่เรารู้จักกันในชื่อ “กิมจิ” เนี่ยก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของชาติถือที่ “ภูมิใจนำเสนอ”
"กิมจิ มีหลายร้อยชนิด ที่โชว์นี้นิดเดียว"
เรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายนี่แน่นอนเพราะเขาเอาจริง ใครดื่มจะไม่กล้าขับเพราะโทษแรงมาก ขี่มอเตอร์ไซด์ใส่หมวกกันน็อก 100% ต่างกับบ้านเราลิบลับ รณรงค์กันเข้าไป แต่การบังคับใช้กฎหมายและวินัยหย่อนยานเต็มที ทำเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล
ดูเขาแล้วก็อดคิดสะท้อนใจไม่ได้ เมื่อไหร่บ้านเราจะมีการพัฒนาคนในชาติอย่างจริงจัง สร้างคนให้มีวินัย มีจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ เสียที
อ้อ...ลืมไป ที่กรุงโซล รถติดจริงๆหนักกว่ากรุงเทพฯเสียอีก ไปไหนต้องเผื่อเวลาไว้เยอะเลย อันนี้ก็ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีครับ
ในอดีตถ้าเราไม่ได้ปลูกฝังค่านิยมอะไรไว้
ถ้าจะเริ่มทำตอนนี้ก็ต้องออกแรงเยอะหน่อยนะคะ
แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่ริเริ่ม แล้วใครควรจะริเริ่มดี ?
นักการเมืองต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง มาคิดถึงประชาชนให้มากขึ้น คิดถึงคนรุ่นหลัง ปฏิรูปการศึกษาอย่างริงจัง คนไทยต้องเลิกทะเลาะกันแล้วหันมาปลูกฝังความรักชาติให้กับลูกหลาน เริ่มเดี๋ยวนี้ได้เลย เริ่มที่ตัวเราและคนรอบข้างครับ
ผมว่าวัฒนธรรมไทยของเราก็แข็ง ไม่แพ้เกาหลีนะครับ ขาดแต่การวางยุทธศาสตร์ที่จริงจัง ให้เหมือนเกาหลีที่ใช้ วัฒนธรรมเป็นจุดขาย ผ่านละครซีรีต่างๆนั่นงัยครับ
น่าสนใจครับ คนไทยทำงานเดี่ยวได้ดีมาก หากทำงานร่วมกันได้ดีจะยอดเยี่ยม และ เห็นด้วยว่าต้องวางยุทธศาสตร์ให้จริงจัง เกาหลีใต้เขาวางยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและทำจริงครับ
ผมเพิ่งดูข่าวเมื่อวาน เกาหลีใต้เปิดใช้กำแพงกั้นน้ำตามแนวชายฝั่งทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ๓๐ กว่ากิโลเมตร อันนี้เป็นที่สุดที่ใช้ประโยชน์ได้จริงๆ
คับ ผม คิดว่า ประเทศเราก็น่าจะทัมได้เหมือนกัน