โรงแรมหรือวัด
ผู้คนดูขวักไขว่วุ่นวายอยู่กับการตรวจสอบสัมภาระที่นำติดตัวมาลงจากรถมากองรวมกันแยกของใครของมัน พนักงานหน้าฟรอนท์ใช้ภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว จัดห้องพักเป็นคู่ ใครใคร่นอนกับใครก็เขียนลงไปในการ์ด ได้กุญแจแล้วก็พากันขึ้นห้องมีทั้งเกาหลี ฝรั่งมากมาย แต่ก็ด้วยมืออาชีพอย่างไกด์ซาร่า ส่งเสียง ทั้งภาษาเขมร ไทยปนกันไปมา พักเดียวก็เรียบร้อย แถมกระซิบบอกคณะเราอีกว่าใครยังไม่เหนื่อยพอ ผมจะพาทัวร์กลางคืนอีกก็ได้ บริการตลอดคืน ไม่มีใครอือออ มีทั้งรถตู้เล็กที่จะไปเที่ยวกันหลายคน หรือสามล้อก็ได้ ดูเขาช่างไม่รู้เลยว่าวันนี้ทั้งวันนั่งรถเขย่า น้ำหนักลดลงเท่าไร โรงแรมใหม่ดูหรูหราขนาดสามดาว แต่ดูดี ๆ มีเพียง 3 ชั้น ชื่อว่า ANGOR อังกอร์พนม หรือแปลเป็นไทยก็น่าจะนครพนม นั่นเอง ไม่มีลิฟท์ โดยสาร เดินเอาเพียงสามชั้น ด้านหน้าจัดแต่งไฟเหนือสระน้ำเล็ก ๆ บนพุ่มไม้สน ติดไม้กางเขน เอาใจชาวคริสต์ที่มาเยี่ยมเยือนด้วยพอดี กับเทศกาลวันคริสต์มาส ที่จอดรถกว้างขวางมีรถยนต์บัสเท่านั้นรถเล็กส่วนตัวไม่ค่อยมี มีล็อบบี้ ห้องอาหาร ห้องน้ำสะอาด สระว่ายน้ำด้านหลังอาคาร มีลานเบียร์ ห้องหับสะอาดและใหม่ใช้ได้ทีเดียวทีวีช่องเมืองไทยก็มี ช่องเขมรมีหลายช่องให้เลือกดู น้ำร้อน น้ำอุ่น ครบครันระจกบานใหญ่ได้มาตรฐาน พวกเราคงไม่มีเวลาคิดอย่างอื่น นอกจากการนอน นอนเอาแรงไว้ลุยพรุ่งนี้ที่มีโปรแกรมต้องเดินหลายกิโลเมตร ทั้งปีนเขา ปีนปราสาททั้งวัน คืนนี้อากาศเย็นสบายลมแรง แต่เบากว่าที่สุรินทร์ ที่เรานอนกันคืนก่อนที่จะออกมา เราปิดไฟหมดทั้งห้องชักม่านหน้าต่างออกเล็กน้อยเพื่อให้แสงไฟภายนอกเข้ามาช่วย เพื่อช่วยชาติ(เขมร) ประหยัดพลังงานอันหายาก แต่ปลั๊กไฟเขามีไว้บริการแขก เราก็สนองตอบโดยไม่รีรอ เสียบชาร์ตไฟกล้องถ่ายภาพ ทั้งวีดีโอ และกล้องดิจิตอล เพื่อเตรียมพร้อมในวันรุ่งขึ้น
ในห้องน้ำมีปลั๊กบริการพวกประเภท ไดร์ลมความร้อน หรือช้อนน้ำร้อนก็ได้ ซึ่งโรงแรมเมืองไทยไม่ค่อยจะมีให้บริการ โรงแรมต่างที่เราเห็นตอนเย็นนั้นเกิดขึ้นมามากมายสองข้างถนนก่อนเข้าเมือง หรือย่านชานเมือง มีหลายระดับ 3-5 ดาว ส่วนใหญ่เป็นของชาวต่างชาติ อันมีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไทย แล้วแต่ใครจะมา เอาชนิดที่ว่ามาซื้อที่ดินปลูกสร้างกันได้เลย เป็นนโยบายของรัฐที่ไม่ต้องลงทุน ที่ดินของรัฐทำเลดีก็สามารถขายได้ เอาเงินไว้ก่อนสนามกีฬาก็เพิ่งจะขยายใหญ่โตหลายสิบไร่อยู่ในเมืองทำเลสวย รัฐได้เงินแล้วก็ค่อยสร้างใหม่นอกเมืองออกไป ที่เยอะแยะมากมายจะเอาเท่าไรก็ได้ ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีทีเดียวคุณซาร่าบอกว่า เมืองไทยจะเอาเป็นตัวอย่างก็ได้นะ เช่น สนามศุภพัชลาสัย หรือ ขายสนามหลวง คงได้หลายพันล้าน ที่จริงแล้วเราทำมาตั้งนานแล้วที่เอาที่ดินราชพัสดุสร้างตึก ให้เอกชนเช่า และขณะนี้เราก็ยังทำอยู่เช่นกัน แต่คนไทยเรามีสัญญาเช่า หมดสัญญาเมื่อไร รัฐอาจจะทุบตึกทิ้งสร้างอย่างอื่นได้ 20-30 ปี มีมากมาย แต่ยังไม่เห็นมีการทุบทิ้งสักที ด้วยเป็นตึกเก่ายังคงอนุรักษ์ศิลปะ สถาปัตยกรรมไว้ให้ได้ชมกันต่อไป
ทุกโรงแรมออกแบบรูปทรงอาคารในลักษณะอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นมากน้อยแตกต่างกันออกไป บางโรงแรมได้นำรูปแกะสลักเรียนแบบวัตถุโบราณมาตกแต่งทางเข้าโรงแรม หรือแม้กระทั่งตามผนังในตัวโรงแรม เช่นรูปนางอัปสรติดตามทางเข้าก็มี ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นความคิดของสถาปนิก หรือของเจ้าของโรงแรม หรือไปเอาอย่างโรงแรมในทีวีที่เชียงใหม่มาหรือเปล่าเรามิอาจจะล่วงรู้ได้ แต่ในฐานะเรากลุ่มนักอนุรักษ์ ฯ ขอแสดงความคิดเห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาในเสียมเลียบ แต่ที่เชียงใหม่ เชียงราย เป็นเรื่องเป็นราวแล้วก็ว่ากันไป จะจบลงเช่นไรคงต้องรอคอยกันต่อไป อนิจจา อนิจจัง สังขาร.............ไม่มีความเห็น