ตอนที่ 1 ตะลุยอังกอร์
อรุณสุได สวัสดี หรืออรุณสวัสดิ์ เป็นคำทักทายยามพบกัน เป็นคำแรกที่เราสนใจจะได้จดจำไว้ในการเข้าเยี่ยมชม เมือง เสียมราช หรือเสียบเรียบ ในภาษาเขมร หรือแขมร คณะเรารวมกัน 60 ชีวิต ที่มาจากทั่วสารทิศของเมืองไทย ในฐานะกลุ่มอนุรักษ์ ฯ ที่ได้เดินทางไปศึกษาดูงานด้านการอนุรักษ์ในประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 19-23 ธันวาคม 2548 ไกด์นำเที่ยวได้จัดเตรียม พาสปอร์ตลงรายการเดินทางขอวีซ่าให้เราเรียบร้อย ณ บริเวณด่านศุลกากร ด่านปอยเปต หรือตลาดโรงเกลือที่เรารู้จักกันที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว รถขนกระเป๋าทำด้วยโรงไม้หยาบ ๆ วิ่งขนของเข้าออกระหว่างด้านอก ด้านใน ดูวุ่นวาย สับสน ไม่มีระเบียบ คุณซาร่า ไกด์บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงรถจะขนสัมภาระไปยังรถบัสเล็กด้านฝั่งเขมรซึ่งรออยู่ด้านในเมือง สมาชิกได้จัดการทางศุลกากรเรียบร้อย ขอให้พบกันที่รถบัสข้างใน เราใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ผ่าน 2 ด่าน ผู้คนยืนรอกันหลายกลุ่มทั้งชาวต่างประเทศ แบกกระเป๋ารุงรังทั้งหญิงชาย ต่างมุ่งหน้าที่จะเข้าเยี่ยมชม สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในโลก และได้รับเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับ สุโขทัย กำแพงเพชร ศรีสัชนาลัย และที่อื่น ๆ กลิ่นเน่าเหม็นของน้ำเน่า ขยะ ฝุ่น ตลบอบอวนตลอดเส้นทางที่เราเดินทางจากด่านไปดังรถ ลูกเด็กเล็กแดง แบมือขอสตางค์เพื่อยังชีพให้ดูวุ่นวายพวกเราถูกเตือนว่าอย่าไปให้เขาจะมากรูมาขอตามกัน น่าสงสารเด็ก ๆ โตพอจะอุ้มน้องเล็ก ๆ เข้าสะเอว ตัวดำท่าทางหิวโซ บ่อนกาสิโนใหญ่โตมโหฬาร ตั้งตระหง่านอยู่ชิดขอบชายแดน รองรับนักแสวงโชคที่จะเข้ามาเสี่ยงดวงกันโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ ดูน่าอดสูเป็นภาพที่แตกต่างในวามแตกต่างของสังคมมนุษย์ทั้งสองสถานะ เราตรวจสอบสัมภาระอีกครั้งก่อนที่จะนำขึ้นรถที่ทางผู้จัดเตรียมว้ให้ 2 คัน ติดแอร์พอเย็น เสียงดังจนไม่อยากคุยกัน ทั่งจัดไว้ให้ 2 คน ชนิดแนบชิดติดกายดูน่าจะอบอุ่น ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร จากปอยเปตถึงเสียมเรียบ บนถนนลูกรังมีหลุมบ่อให้รถโยกซ้ายป่ายขวา ไปมาชนิดไม่มีโอกาสจะง่วงหลับ ผ้าขาวม้าลายผืนไม่โตนักที่คุณซาร่า แจกตั้งแต่พบกัน กำชับว่าให้ห้อยอกันทุกคนเพื่อสะดวกในการดูแล ทุกคนปฏิบัติตามอย่างว่านอนสอนง่ายดูอย่างกับทหารเขียวสัมพันธ์ หลายคนใช้ผ้าขาวม้าผูกกับมือจับหลังเบาะทั่งเป็นพลาสติกแข็งจับนาน ๆจะเจ็บมือ จึงเกิดประโยชน์ขึ้นทันที 1 อย่าง ในหลาย ๆ ประโยชน์ 10 ประโยชน์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ถนนแบ ๆ รถพอสวนกันได้ในความเร็ว 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น่าหวาดเสียว ที่มีทั้งแซงและสวนยวดยาน อันมีทั้งรถพ่วงบรรทุกปูนซีเมนต์ถุงจากไทย ขนหิน ขนสัมภาระ นำเข้าไปขายพัฒนาเมืองเสียมเรียบ นับคันไม่ถ้วน ซาร่าบอกว่า 65 % เป็นสินค้านำเข้าจากไทยรวมทั้งผลไม้ด้วยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อ บนถนนเส้นตรงที่สร้างโดยกองทัพญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นแนวตรงเกือบตลอดเส้นทาง 160 กิโลเมตร ด้วยตลอดทางเป็นที่ราบลุ่ม สองข้างทางเป็นทุ่งนามองสุดลูกหูลูกตา ไม่มีบ้านคนข้างถนน ด้วยชาวบ้านจะตั้งบ้านเรือนอยู่ด้านในไกลถนนให้มากที่สุด ด้วยเพื่อให้ห่างไกลจากกองทัพทหารแดง แต่อดีตที่โหดเหี้ยม ปล้นสดมฆ่าแกงกันไม่ยกเว้นเด็กคนแก่ ข้าวออกรวงพอที่จะเก็บเกี่ยว มองเห็นชาวนาลงแขกเกี่ยวข้าวกันด้วยมือ ไม่ใช้รถอย่างบ้านเราด้วยมีแรงงานพอเพียงที่จะดำเนินกิจการนาจนแล้วเสร็จ ซึ่งข้าวเปลือกก็ส่งประเทศไทย ออกขายต่างประเทศในนามไทยแลนด์ศิวิลัย น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ด้วยภูมิประเทศกัมพูชา เป็นลักษณะท้องกระทะรับน้ำจากที่ราบสูงเมืองไทย จนได้รับสมญานามว่าเป็นเขมรต่ำ เขมรสูงคือสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ เป็นต้น นำน้ำปะปนสารตกค้างไปลงสู่แหล่งน้ำในเขมรน่าสงสาร แต่ก็ด้วยคงมีปริมาณน้ำไม่มากพอที่จะทำให้นาข้าวจำนวนมหาศาลเสียหายได้ มีคลองธรรมชาติเป็นระยะทั้งเล็กใหญ่ตลอดเส้นทาง รถที่แซงเราได้ก็มีรถแท็กซี่ รถโดยสารซึ่งนั่งกันเต็มพิกัด อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ด้วยน้ำมันราลิตรละ 38 บาท รถกระบะโดยสารถูกหน่อยอัดกันในกระบะหลังได้ 30 คน เหมือนกับรถขนคนงานตัดอ้อยบ้านเรา เด็กท้ายรถนั่งบนฝากระโปรงหน้า น่าอันตราย คุณซาร่าบอกคนไทยอย่าเอาไปเป็นตัวอย่าง ด้วยความสามารถเฉพาะตัววิ่งมาได้ชั่วโมงกว่าก็ถึงจุดพักจอดจุดแรกซึ่งเป็นเวลาอาหารกลางวันที่ได้จัดเตียมไว้ให้คณะเรากลางทุ่งนา มีห้องน้ำ ห้องท่ารองรับนักท่องเที่ยวไทยและยุโรป เขาบอกว่านี่คือภัตราคารกลางทุ่ง มุงหญ้าคา เหมือนกับประเทศเราตามข้างทางทั่วไปเมื่อสมัย 40-50 ปีที่แล้วมา อาหารประจำคือ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม แกงไก่เขมรเนื้อแข็งกระดูกเล็ก เช่นเดียวกับไก่พื้นบ้านประเทศไทย ข้าวสวยเม็ดเล็กเหนียวอร่อยมาก ข้าวไม่ปนเปื้อน ด้วยทั้งหมดไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี และยาปราบศัตรูพืช น่ายินดีกับเขามาก ตบท้ายด้วยผลไม้ กล้วยน้ำว้าผ่าเป็นท่อน แตงโม สับประรดหวานฉ่ำ ถามว่ามาจากไหนก็จากเมืองไทยอีกเช่นกัน
โซบาย โซบาย ....แปลว่า ขอข้าหน่อย ขอข้าวเพิ่มอีก ด้วยสภาพของถนนจึงทำให้ทุกนโซบาย โซบาย กันเป็นแถว คงไม่เป็นไรเพราะข้าวคงราคาถูกมาก กับข้าวทุกอย่างเค็มไว้ไม่อย่างนั้นคงจะเปลือง ไม่ว่ากัน น้ำดื่มเป็นขวดแบบบ้านเราแต่เห็นว่าแพงมากขวดเล็กขวดละ 1US แต่เป็นมื้อบังคับไม่เป็นไร
คุณซาร่าบอกเราก่อนกินข้าวอิ่มแล้วก็ขอให้ทุกคนกล่าวคำว่า ออกุน ออกุน ด้วยแปลว่าขอบคุณ เลยไม่รู้ว่าเรามาขอข้าเขากินหรือเปล่า หรือกินข้าวอย่างมีบุญคุณ หรือว่าแม้แต่จะเสียเงินก็ต้องขอบคุณด้วย หรืออาจจะคิดให้ดีว่าถ้าเขาไม่มาตั้งร้านกลางทุ่งแบบนี้เราคงอดกินข้าวหรือว่าการขอบคุณพระเจ้ากันแน่
เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อย ด้วยข้างทางไม่มีสิทธิ์ยิงกระต่าย เก็บดอกไม้กลางทุ่งแน่นอน นอกจากจำเป็นจริง ๆดังนั้นจึงต้องรอบครอบ รถวิ่งๆคลาน ๆมาอีกชั่วโมงกว่าจึงถึงที่พักรถ เป็นชุมชนเล็ก ๆ มีอาคารพาณิชย์ ก่อสร้างด้วยคอนกรีตน่าจะตั้งแต่ช่วงฝรั่งเศสยังปกครอง ด้วยยังปรากฏศิลปสถาปัตยกรรมแบบสไตส์ยุโรปอยู่หลายหลัง มีตลาดสด ผู้คนมากมาย
จุดพักรถจุดนี้เป็นการชำระล้างฝุ่นลูกรักที่ติดอยู่ในช่วงระบายความร้อนเครื่องยนต์ และเครื่องแอร์ เด็ดเล็ก ๆ มีหน้าที่ฉีดน้ำชำระล้างรอบตัวรถ น้ำแรงดันสูงจากเองปั้มลม เหมือนร้านบริการล้างรถบ้านเรา คันแล้วคันเล่าทั่วบริเวณจึงนองไปด้วยน้ำฝุ่นแดงทั้งบริเวณไม่เคยแห้ง คงเป็นจุดบริการล้างรถทั่วไปที่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน บริการเข้าห้องน้ำทั้งหนักและเบา 5 บาทหรือ 500 เรียว เป็นเงินสกุลเขมร ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาทเท่ากับ 100 เรียว เมืองนี้ใช้เงินไทย หรือ ดอร์ล่าก็ได้ เวลาแลกเปลี่ยนต้องระวังเพราะเวลาคิด US เขาจะคิดง่าย ๆ ไม่คิดเศษ คือ 1 US เขาจะคิด 50 บาท เลยทันทีเพราะทอนเศษยาก
ซาร่าบอกว่ามีอาชีพไกด์นี้ดีไม่ต้องเสียเงินเวลาพาลูกทัวร์ไปกินข้าวที่ไหนก็กินฟรี นั่นก็แสดงว่าแวะตรงนี้ก็คงจะฉี่ฟรีอีกเช่นกัน เรายังคงต้องเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง หรืออีกประมาณ 50 กิโลเมตร ทางจะดีขึ้นเล็กน้อย จะพบถนนลาดยาง 15 กิโลเมตร และจะเริ่มมีบ้านคนข้างทาง บริเวณทั่วไปจะเริ่มเป็นที่ดอนมีร่องลอยการตั้งบ้านเรือนกัน เรือนบ้านคนที่นี่ใต้ถุนยกสูงมาก สูงกว่าเมืองไทย ด้วยเหตุที่ว่ากันน้ำท่วม ความสูงน่าจะประมาณ 3 เมตร ขึ้นไปที่ตอม่อเป็นคอนกรีตต่ำ เขาบอกว่าจะทำเดือยไว้ที่เสาพร้อมยกเคลื่อนย้ายง่ายได้ง่าย ตีนเสาไม่ฝังดินเหมือนเรือนไทยภาคใต้ของไทย เรือนส่วนใหญ่เป็นทรงกึ่งมะลิลา บ้านนี้เขาไม่รู้เรียกทรงอะไร หรือเขาคงเรียกทรงกัมพูชา ตามแบบฉบับเขา เป็นเรือนแฝด แบบไทย บางหลังมี 3 เรือนติดกัน แต่ไม่เห็นนอกชายแปลกดี
โชเฟอร์ตัวดำ อารมณ์ดี ค่อย ๆ จอดรถชิดขวา แล้วก็จอดสนิท เครื่องยนต์ดับ ติดอยู่กับเครื่องแอร์ พยายามสตาร์ด สองสามครั้งก็ไม่ติด ซาร่าเริ่มแสดงอาการหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ด้วยวามเป็นมัคคุเทศก์มืออาชีพมีประสบการณ์ ประกาศออกไมโคโฟน บอกพวกเราว่าน้ำมันรถหมดคงถูกขโมยเมื่อคืนที่จอดรถคอยพวกเรา ด้วยน้ำมันราคาลิตรละ 38 บาท
พวกเราก็ต้องยอมนั่งพักคอย บางคนก็ลงรถไปเดินดูเด็ก ๆเล่น ทอดแหปลาข้างถนนเก็บผักหญ้าข้าคูน้ำ ระบายอารมณ์ สักพักใหญ่ โชเฟอร์ก็หิ้วถังน้ำมันซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์มาเติมสตาร์ด รถติดเดินทาง ได้เสียเวลาอีกเกือบชั่วโมงเป็นการแถมฟรี ไกด์อารมณ์ดีหาเรื่องเราทายปัญหาแก้เหงา เล่าเรื่องส่วนตัว นินทารัฐบาลตัวเอง ให้เป็นที่ตลกขบขัน
ซาร่าบอกว่าเขาเป็นข้าราชการกระทรวงการท่องเที่ยวกินเงินเดือนหลวง 1,500 เรียว สิ้นเดือนก็ไปรับเงินเดือนแต่ไม่ต้องนั่งทำงานเพราะไม่มีเก้าอี้นั่ง ข้าราชการกรมนี้ปลดเกษียรแล้วก็ไม่ยอมปลดตัวเอง ขอมาทำงาน โต๊ะ ก็เลยไม่มีนั่ง ข้าราชการพักกลางวัน 3 ชั่วโมง จะไปไหนก็ได้ บ่าย ๆมานั่งทำงานต่อตอนเย็นกลับบ้าน ใครใคร่ไปทำงานหาเงินที่ไหนก็ไปเพราะเงินเดือนน้อยเป็นนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ซาร่าเป็นคนเสียมเรียบโดยกำเนิด จบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ขณะนี้กำลังทำปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ดูเป็นคนมีอนาคต หาเวลาว่าทำทัวร์จนไม่มีเวลาทำทัวร์จนไม่มีเวลาทำวิทยานิพนธ์ เป็นรุ่นใหม่มีความรู้ ดูฉลาดเฉลียว จะพาพวกเราเที่ยวตลุยเมืองเขมร เมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งอารยธรรมโบราณอันรุ่งเรืองนับพัปีที่ชื่อว่า “อังกอร์ การ์ดอร์ ธมธม .....” สุขสบาย สวัสดี พบกันฉบับหน้า ขอรับกระผม ขยมแจะแขมร
ไม่มีความเห็น