การสู้กับแรงต้าน


วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์แต่ก็เป็นวันสุดท้ายก่อนที่จะหยุดยาวเนื่องจากเป็นเทศกาลสงกรานต์..หากไม่เป็นเพราะมีเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่10วันนี้อาจมีผู้มาใช้บริการหนาแน่นกว่านี้..คนไข้MMTนัดไว้ไม่มาเกือบสิบรายแต่กว่าครึ่งหนึ่งก็ยังคงมาตามนัด..วันนี้ฉันได้ทำกลุ่มละครบำบัดอีกครั้งหนึ่งโดยอาศัยช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นตัวเปิดประเด็นเริ่มจากการผ่อนคลายความเครียดด้วยการฝึกลมหายใจและการใช้จินตนาการ หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่การใช้เทคนิคEmpty chairโดยให้เขามองมาที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งฉันตั้งไว้อยู่ตรงกลางห้องและลองนึกถึงผู้ที่เขาอยากจะกล่าวคำขอโทษว่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ว่างเปล่าตัวนั้น...จากที่เคยคุยกันเก่งๆวันนี้เหล่าเก๋าๆนอกจากปิดปากเงียบแล้วยังปิดตาไม่ยอมมองไปที่เก้าอี้เสียอีก..ฉันยังไม่ถอดใจกระตุ้นให้ทั้งกลุ่มลองเปิดตามองมาที่เก้าอี้ มีสองสามคนที่ยอมเปิดตามองมาที่เก้าอี้แต่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก สุดท้ายหนึ่งในนั้นก็ตัดสินใจพูด.(สมมติว่าชื่อ สธ.).ฉันเลื่อนเก้าอี้ไปตั้งอยู่ให้ตรงหน้าเขาถามว่าใครคือคนที่เขาอยากกล่าวคำขอโทษในขณะนี้ซึ่ง สธ.ก็ตอบว่าเป็นเพื่อนสนิทของผมเองผมอยากขอโทษที่ชอบเสียดสีว่าโน่นว่านี่เขาจนตอนนี้ไม่ได้เจอกันนานแล้ว..อยากบอกเขาว่าผมเสียใจที่ชอบพูดเหมือนไม่พอใจในตัวเขาทั้งที่จริงๆผมไม่ได้เกลียดเขา..(เงียบไปสักครู่หนึ่ง)เมื่อฉันเห็นว่าเขาหมดคำที่จะพูดแล้วจึงบอกให้สธ.ลุกจากที่นั่งอยู่ย้ายมานั่งที่เก้าอี้ว่างที่จัดไว้บอกให้ลองสมมติว่าเขาเป็นเพื่อนคนที่เมื่อกี้เขาได้กล่าวคำขอโทษ..เขาจะตอบหรือบอกอะไรกับสธ.

สธ.นิ่งไปชั่วครู่ก่อนพูดว่า อย่าไปคิดมากอย่างไรเพื่อนก็คือเพื่อนเรารู้ว่านายรักเราอยากให้เราไม่หลงทิศหลงทางเราไม่เคยโกรธนาย..ฉันขอให้สธ.ช่วยลุกกลับไปนั่งที่เก้าอี้เดิมบอกว่าขอให้เขากลับมาเป็นตัวของเขาเอง เขาได้ยินที่เพื่อนพูดแล้ว เขาคิดอย่างไรบ้าง สธ.ตอบว่า ผมสบายใจและดีใจที่มีเขาเป็นเพื่อน.. ฉันให้สธ.ลองมองที่เก้าอี้ว่างนั้นอีกครั้งลองนึกว่าเพื่อนเขายังนั่งอยู่ที่เก้าอี้นั้นเพื่อให้เขากล่าวอำลาเพื่อนคนนั้นในใจ..หลังจากสธ.แล้วก็ไม่มีใครยอมพูดหรือมองที่เก้าอี้ นานกว่าสิบนาทีที่ไม่มีคนเปิดตาหรือเปิดปากพูดอะไรเลย..ทั้งๆที่หลายคนมีสีหน้าที่บอกถึงอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้นแล้วแต่ต่างก็พยายามส่งตาหรือบอกให้เพื่อนบางคนพูดออกมา..ฉันก็บอกกลุ่มว่าขอให้คุณพูดเพราะว่าคุณต้องการพูดขอโทษใครคนหนึ่งจริงๆไม่พูดเพียงเพราะว่าเพื่อนบอก..ได้ผลคือความเงียบและการปิดตาไม่ยอมมองใดๆเลย..นับเป็นการเงียบที่น่าสนใจจริงๆฉันนิ่งดูพฤติกรรมของทั้งกลุ่มนี้ไปอีกเกือบสิบนาที บางคนลืมตาขึ้นแต่ก็ไม่ยอมมองสบตาฉันหรือแม้กระทั่งเก้าอี้ที่ว่างตัวนั้น  บางคนหน้าสั่นเกร็งแต่ก็ไม่พูดอะไร...ฉันสะท้อนถามกลุ่มว่ามีใครในขณะนี้พร้อมที่กล่าวคำขอโทษให้ยกมือขึ้นได้...แต่ความเงียบก็ยังคงปกคลุม..ฉันบอกให้ทั้งกลุ่มเปิดตาขึ้นอย่าปิดตาแต่ก็ได้ผลเพียงบางคนส่วนใหญ่ปิดตา..รออีกสักระยะหนึ่งเมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมเปิดตาเปิดปากแน่นอน ฉันจึงถามสมาชิกกลุ่มว่าขณะนี้ทุกคนกำลังรู้สึกอย่างไร..สองสามคนที่เป็นผู้อาวุโสกลุ่มพูดว่า "อึดอัดและกดดันที่จะต้องพูดออกเสียง..แต่นึกในใจว่ากำลังขอโทษคนๆหนึ่งตามที่ฉันบอกอยู่".."เขาไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นรู้ว่าเขาเคยทำอะไรที่ไม่ดีหลายอย่าง ""อยากลืมไม่อยากพูด"

ฉันตอบกลับว่า"ฉันดีใจที่อย่างน้อยคุณก็คิดหรือพยายามทำกิจกรรมกลุ่มด้วยกัน..แม้ไม่ออกเสียงแต่การที่ลองพยายามคิดและทบทวนก็เป็นจุดเริ่มที่ดีที่จะลบหรือตัดสิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่หรือไม่ดีเกี่ยวกับตัวเองออกไป..การสามารถขอโทษในความผิดพลาดที่เราจะเจตนาหรือไม่เจตนาทำให้เพื่อน หรือครอบครัว หรือคนอื่นๆต้องเดือดร้อน เสียหาย ออกมาได้อย่างจริงใจคือความเข้มแข็งอย่างหนึ่งที่คนทุกคนพึงมี...ไม่มีใครที่จะอยู่โดดเดี่ยวไม่เกี่ยวพันกับใคร เมื่อเกี่ยวข้องกันก็ไม่มีใครที่จะไม่เคยขัดแย้งหรือไม่ทำผิดพลาดหากแต่เมื่อเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว การขอโทษและแก้ไขตัวเองเป็นสิ่งที่จะทำให้ทุกข์หรือกดดันตัวเองนั้นลดน้อยลง..เราอยากมีความนับถือตัวเองเพิ่มขึ้นหรือติเตียนตนเองมากขึ้นล่ะ..เหล่าเก๋าก็ตอบว่า อยากรู้สึกดีกับตัวเอง..เพราะฉนั้นหาเวลาและโอกาสปลดปล่อยตนเองให้เบาจากความโกรธและรู้สึกผิดทั้งต่อตนเองและผู้อื่นออกไปเสียบ้างนะ...เหล่าเก๋าบางคนก็ตอบรับด้วยการพยักหน้า ฉันขอให้เหล่าเก๋าๆช่วยแลกเปลี่ยนว่าวันนี้เขาได้อะไรในการทำกิจกรรมครั้งนี้บ้าง มีคนตอบสองสามคนว่า ได้ข้อคิดที่จะเอามาทบทวนตนเอง, ได้ขอโทษ.ได้ความอึดอัด.,.คำตอบนี้เรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มไม่น้อย

ฉันขอให้เหล่าเก๋าลองตั้งใจนึกถึงความหวัง/ความตั้งใจดีที่คิดว่าจะทำให้แก่ตนเองในปีใหม่ไทยข้างหน้านี้ซึ่งงวดนี้เหล่าเก๋าไม่เงียบไม่หลบตาแย่งกันบอกเล่าถึงความคาดหวัง..ส่วนใหญ่เป็นการดูแลตนเอง เก็บเงินให้ครอบครัว ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเหตุประท้วง ก่อนปิดกลุ่มเราร่วมกันแผ่เมตตาและส่งความปรารถนาดีให้แก่ทหารตำรวจและประเทศชาติ..วันนี้ฉันได้บทเรียนหลายอย่างทีเดียวจากกลุ่มผู้ป่วย การเงียบไม่ร่วมแลกเปลี่ยนของเหล่าเก๋าวันนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขาต่อต้านหรือไม่สนับสนุนกิจกรรมที่ฉันนำเสนอหากแต่การฝ่าด่านในใจที่จะเผชิญกับความรู้สึกผิดหรือโกรธตนเองของพวกเขาต่างหากที่วันนี้ยังไม่มีความพร้อมในกลุ่มสักเท่าไหร่

หมายเลขบันทึก: 351347เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2010 22:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท