โลกของความจริง


     ก่อนหน้านี้ ฉันเคยมีอุดมการณ์ที่แรงกล้า ในเรื่องสังคมบ้านเมือง ฉันเคยเป็นคนหนึ่งคนในจำนวนหลายคนที่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงสังคม  เรามีความคิดที่เป็นของเรา  เราทำงานผ่านกระบวนการสื่อที่เรียกว่าหุ่นเงา  เราสอดแทรกความคิด ผ่านเรื่องราว แสง สี สะท้อนมุมมองของสังคม ในแบบที่เราเป็นและเราจะทำได้ เราเดินทางไปทั่ว สมกับชื่อที่เรียกขานตัวเอง พระจันทร์พเนจร ฉันได้พบสิ่งต่างๆมากมายได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้รู้จักความคิดของคนมากมาย ที่เหมือนและแตกต่างไปจากฉัน บางครั้งฉันยอมรับ  ได้เห็นอะไรมากมายบนโลกใบนี้   นั้นเป็นความสุขของเราในแบบหนึ่ง และเป็นความสุขของฉัน มันเป็นความสวยงาม ฉันคิดฝันว่าฉันจะมีความสุขอย่างนี้ตลอดไป

     จนมาวันหนึ่ง  สถานการณ์หลายๆอย่างบังคับให้ฉันต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน นั้นเป็นสาเหตุที่ฉันต้องพบกับโลกแห่งความจริง  ฉันรับรู้ว่ามันเป็นเช่นไรมันไม่เคยเลวร้าย แต่ยากเหลือเกินที่ฉันจะอยู่ได้  ในขณะเดียวกันมันกลับทำให้ฉันค้นพบตัวเองในหลายเรื่อง อาจจะดูตลก แต่มันเป็นความจริง 

      วันแรกที่ชั้นก้าวสู่ความเป็นจริง เช้าวันที่สดใส เพราะไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้นานมาแล้ว ฉันอาบน้ำ  แต่งตังแบบคนที่ทำงานในออฟฟิตทั้วไป ชุดมาตรฐาน เชิตขาวกระโปรงดำ ฉันยังทำตัวเหมือนว่าวันนี้ต้องไปซ้อมละคร พอเหลือบดูนาฬิกาอีกที ก็ปาไป เจ็ดโมงจะครึ่งแล้ว จากเดินกลายเป็นวิ่ง ไปที่มอเตอร์ไซต์คู่ชีพแล้วรีบบึ่งออกไปทั้นที  ก่อนที่เจ้าเครื่องตอกเวลาจะบอกว่าฉันมาสาย และก็ต้องโดนหักเงินตั้ง 100 บาทนั้นค่าข้าว 2 วันของฉันเชียวนะ ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีผู้คนมากมายที่เร่งรีบไม่ต่างกับฉัน บนถนนที่ซ่อมไม่เคยเสร็จซักที รถมอเตอร์ไซต์คันหน้าปาดซ้ายขวา  นี่ฉันอยู่บนทางหลวง หรือสนามแข่งรถไทยแลด์เซอร์กิจ กันละนี่  รถคันใหญ่เบียดรถคันเล็ก ตัดหน้า ปาดหลัง  โชคดีนะที่ฉันทำประกันเอาไว้แล้ว

      ฉันมาถึงที่ทำงานอย่างครบ 32 แขนขา สมบูรณ์ดี ระยะทางจากที่จอดรถถึงออฟฟิตประมาณ 50 เมตร เหลือเวลาอีก 5 นาทีฉันวิ่งสุดชีวิตราวกับว่าเป็นตัวแทนแข่งโอลิมปิก ผู้คนมากมายอยู่หน้าเครื่องตอกบัตร 3 นาที จะทันไหมเนี๊ยะฉันคิดอยู่ในใจ เหลืออีก 10 คนข้างหน้า เวลาอีก 2 นาที เหลืออีก 5 คน ฉันเริ่มนับถอยหลัง จน  ฮะฮ้า ละแล้วฉันก็ชนะเจ้าเครื่องตอกบัตร เหมือนหนังฝรั่งฉากที่พระเอกจะต้องตัดฉนวนระเบิด ฉิวเฉียดจริง อีกแค่นาทีเดียว ก่อนที่เงินหนึ่งร้อยบาทของฉันจะอัตธานหายไป 

      ช่วงนั้นชีวิตฉันเป็นแบบนั้นเกือบทุกวัน เข้าสู่สนามแข่งรถ ไปโอลิมปิก เที่ยงก็กินข้าวร้านลาบที่อยู่ใกล้ๆ ตกเย็นเข้าสู่สนามแข่งรถ แล้วหลับเป็นตายทุกคืน นั้งร้านโปรดในคืนวันเสาร์ แล้วนอนทั้งวันในวันอาทิตย์เพราะลุกไม่ขึ้น   พอใกล้สิ้นเดือนก็ต้องทำยอดเพื่อให้ได้เงินเพิ่มอีกซักร้อย สองร้อยตอนเงินโอนเข้าธนาคาร

      ฉันเป็นแบบนั้นอยู่ 3 เดือน ก็ต้องลาออก  ฉันรู้สึกว่าตัวเองแก่ลงมาก  ทุกครั้งที่มองกระจก ฉันจะพบผู้หญิงวัยกลางคนผิวคล้ำ ดวงตาแฝงความวิตกอยู่ตลอดเวลา จมูกบานเหมือนคนขาดอ็อกซิเจน ปากแห้งเพราะพูดทั้งวัน เรียกง่ายว่าไม่มีความสุขนั้นเอง ฉันเหนื่อยเหลือเกิน มนุษย์เงินเดือนนี่ไม่ได้เป็นกันง่ายๆนะนี่ หรือฉันจะไม่เหมาะกับงานนี้ และด้วยเหตุผลเหล่านี้ ฉันจึงลาออก

      มันเป็นก้าวแรกสู่โลกแห่งความจริง โลกที่ไร้ซึ่งจิตนาการ โลกที่เรียกว่าละครชีวิต ไม่มีใครเล่นแทนฉากใดได้ ไม่มีตัวสำรอง  ไม่มีใครมากำกับชีวิตใคร ไม่ต้องเล่นเป็นคนอื่น ตัวเอกของเรื่องก็คือฉัน 

      ตอนนี้ฉันกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง แต่ด้วยความรู้สึกใหม่ ฉันยังคงต้องตื่นเช้า แต่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร หรือกับเวลา ฉันไม่ได้มาสายนะ แต่ฉันปรับตัวได้แล้วต่างหาก และงานที่ทำอยู่ตอนนี้มันเป็นงานที่เรียกได้ว่ามีคุณค่ามาก  ฉันจะทำมันให้ดีที่สุด เพื่อสักวันหนึ่งฉันจะเรียกตัวเองได้เต็มปากว่าฉันเป็นครู

หมายเลขบันทึก: 351082เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2010 17:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีเจ้า

แวะมาทักทายเจ้า..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท