ต้นกำเนิดวันสงกรานต์ไทย
กล่าวไว้ว่า ก่อนพุทธกาลมีเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง อายุเลยวัยกลางคนก็ยังไร้ทายาทสืบสกุล ซึ่งทำให้ท่านเศรษฐีทุกข์ใจเป็นอันมาก ข้างรั้วบ้านเศรษฐีมีครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเป็นนักเลงสุรา ถ้าวันไหนร่ำสุราสุดขีด ก็จะพูดเสียงดังแสดงวาจาเยาะเย้ยเศรษฐีสบประมาทในความมีทรัพย์มาก แต่ไร้ทายาทสืบสมบัติเสมอ วันหนึ่งเศรษฐีจึงถามว่ามีความขุ่นเคืองอะไรจึงแสดงอาการเยาะเย้ยและสบประมาท เฒ่านักดื่มจึงตอบ ถึงท่านมั่งมีสมบัติมากก็จริง แต่เป็นคนมีบาปกรรมท่านจึงไม่มีบุตร ตายไปแล้วสมบัติก็ตกเป็นของผู้อื่นหมด สู้เราไม่ได้ถึงแม้จะยากจนแต่ก็มีบุตรคอยดูแลรักษายามเจ็บไข้ และรักษาทรัพย์สมบัติเมื่อเราสิ้นใจ
นับแต่นั้นมา เศรษฐียิ่งมีความเสียใจ จึงพยายามไปบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์ เพียรพยายามตั้งจิตอธิษฐานขอบุตร ทำเช่นนี้เป็นเวลาติดต่อกันถึงสามปี ก็ไม่ได้บุตรดังที่ตนปรารถนาจนวันหนึ่งเป็นวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์ ท่านเศรษฐีก็พาข้าทาสบริวารของตนมาที่โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง ที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำที่อาศัยของนกทั้งหลาย ท่านเศรษฐีให้บริวารล้างข้าวสารด้วยน้ำสะอาดถึง 7 ครั้ง แล้วจึงหุงข้าวสารนั้น เมื่อสุกแล้วยกขึ้นบูชาพระไทร เทพเหล่านั้นเกิดความสงสาร จึงขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์ ทูลขอบุตรแก่เศรษฐี พระอินทร์จึงบัญชาให้เทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ “ธรรมบาล” ลงมาเกิดในครรภ์ของภรรยาเศรษฐี เมื่อครบกำหนดภรรยาเศรษฐีก็คลอดบุตรเป็นชาย เศรษฐีจึงตั้งชื่อว่า ธรรมบาลกุมาร เพื่อตอบสนองพระคุณเทพเทวา เศรษฐีจึงสร้างปราสาทสูง 7 ชั้น ถวายเทพต้นไทร
เมื่อธรรมบาลกุมารเจริญวัยขึ้น เป็นเด็กที่มีปัญญาเฉียบแหลม รอบรู้ และวัยเพียง 7 ขวบก็เรียนจบไตรเพท ยังมีเทพองค์หนึ่งชื่อ “ท้าวกบิลพรหม” ได้ยินกิตติศัพท์ทางสติปัญญาอันยอดเยี่ยมของเด็กน้อย จึงคิดทดลองภูมิปัญญาโดยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันจึงถามปัญหา 3 ข้อ ถ้ากุมารน้อยแก้ปัญหาทั้ง 3 ข้อได้ กบิลพรหมจะตัดศีรษะของตนบูชา ถ้าธรรมบาลแก้ไม่ได้ ก็จะต้องเสียหัวเพื่อยอมรับความพ่ายแพ้ ปัญหานั้นมีว่า
1. ตอนเช้าราศีคนอยู่แห่งใด
2. ตอนเที่ยงราศีของคนอยู่แห่งใด
3. ตอนค่ำราศีของคนอยู่แห่งใด
เมื่อได้ฟังปัญหาแล้ว ธรรมบาลไม่อาจทราบคำตอบในทันทีได้ จึงผลัดวันตอบปัญหาไปอีก 7 วัน ครั้นเวลาล่วงจากนั้นไป 6 วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังคิดหาคำตอบปัญหานั้นไม่ได้ จึงหลบออกจากปราสาทหนีเข้าป่า และไปนอนพักเอาแรงใต้ต้นตาล ขณะนั้นบนต้นตาลมีนกอินทรีคู่หนึ่งอาศัยอยู่ นางนกถามสามีว่า “พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารที่ไหน” นกสามีก็ตอบว่า “พรุ่งนี้เราไม่ต้องบินไปไกล เพราะจะได้กินเนื้อธรรมบาลกุมาร ซึ่งจะถูกท้าวกบิลพรหมตัดหัว เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ได้” นางนกถามว่า “ปัญหานั้นว่าอย่างไร” นกสามีตอบว่า ปัญหามีอยู่ 3 ข้อ และหมายถึง
ข้อหนึ่ง ตอนเช้าราศีของมนุษย์อยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุกๆ เช้า
ข้อสอง ตอนเที่ยงราศีคนอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องเอาเครื่องหอมประพรมที่อก
ข้อสาม ตอนค่ำราศีคนอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน
ธรรมบาลกุมาร ได้ยินการไขปัญหาของนกอินทรี และจำจนขึ้นใจ ทั้งนี้เพราะธรรมบาลรู้ภาษานก จึงกลับสู่ปราสาทอันเป็นที่อยู่แห่งตน รุ่งขึ้นเป็นวันครบกำหนดแก้ปัญหา ท้าวกบิลพรหมมาฟังคำตอบ ธรรมบาลกุมารกล่าวแก้ปัญหาตามที่นกอินทรีคุยกันทุกประการ ท้าวกบิลพรหมจึงเรียก ธิดาทั้ง 7 ของตนอันเป็นบริจาริกาคือหญิงรับใช้ของพระอินทร์มาพร้อมกัน แล้วบอกว่าตนจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร แต่ถ้าเอาศีรษะพ่อวางไว้บนแผ่นดินก็จะลุกไหม้ไปทั้งโลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ อากาศจะแห้งแล้งฟ้าฝนจะหายไปสิ้น ถ้าทิ้งลงไปในมหาสมุทร น้ำในมหาสมุทรจะแห้งแล้งไปเช่นกัน จึงสั่งให้ นางทั้ง 7 คน เอาพานมารองรับศีรษะ แล้วจึงตัดศรีษะส่งให้นางทุงษธิดาคนโต นางทุงษจึงเอาพานรับเศียรบิดาไว้แล้วแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วอัญเชิญไปไว้ในมณฑปถ้ำคันธุรลี เขาไกรลาส บูชาด้วยเครื่องทิพย์ พระเวสสุกรรมก็เนรมิตโรงประดับด้วยแก้ว 7 ประการ ชื่อภควดี ให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงก็เอาเถาฉมูนวดลงมาล้างในสระอโนดาต 7 ครั้ง แล้วก็แจกกันเสวยทุกๆ องค์ ครั้นครบ 365 วัน โลกสมมุติว่าเป็นหนึ่งปีเป็นสงกรานต์ ธิดา 7 องค์ ของเท้ากบิลพรหมก็ผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของพระบิดาออกแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุทุกปี แล้วจึงกลับไปเทวโลก
ขอขอบคุณบริษัทสยามแกลเลอรี่ จำกัด และสำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพาณิชย์
|
รุ่งเพชร แหลมสิงห์
เปิดโลกทะเลอีสานที่เขื่อนลำปาว
ประชาชนหลั่งไหลกันมาเที่ยว
สงกรานต์ที่เขื่อนลำปาว
ประชาชนพากันมาเล่นน้ำสงกรานต์
บริเวณท้ายอาคารผันน้ำ
หัวงานเขื่อนลำปาว
สงกรานต์ปีนี้เชิญครูจ่อยแวะมาที่ร้อยเอ็ดเด้อจ้า.................
อากศร้อนมาก ถ้าโดนนำสาดคิดว่าควันคงออกเต็มตัวแน่เลย(ร้อนตับแตก)
ครูจ่อยไปสิมิลันมาคงสนุกมากใช่ไหม
ทดสอบสมรรถนครู วิชาสังคม 2 ชุด ชุดละ150 ข้อ
แค่อ่านโจทย์ก็มึนแล้วคะ
สวัสดีค่ะครูพี่จ่อย สุขสันต์สงกรานต์ที่บ้านนานะคะ
ไปชมภาพสวรรค์ลงเลที่สิมิลันมาแล้ว ดีใจที่พี่ครูประทับใจ
ขอแสดงความเสียใจที่กล้องหล่นเล ต้องมนต์เสน่ห์เลใต้ซะแล้ว ;)
สวัสดีปีใหม่ไทยครับ
ขอบคุณครับท่านเบดูอิน
ได้ความรู้ดีค่ะ ดูน้ำแล้วหายร้อนเลยนะคะ
สวัสดีปีใหม่คะ พี่ครูจ่อย
ไปเที่ยวกลับมาแล้วหรอคะ อิอิ
ครูจ่อย
........ครูมักมีตำนาน และเรื่องเล่าดีๆ มาฝากเสมอ ต้องขอบคุณข้อมูลที่เป็นตำนานสงกรานต์
........กาฬสินธุ์ ก็มีทะเล น้ำจืดเหมือนกัน นะเนี่ย
.......เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ค่ะ
สวัสดีปีใหม่! แบบไทยๆเราครับ
มีความสุขมากๆน่ะค่ะ
สวัสดีค่ะ...
* เคยเที่ยวหาดดอกเกดเหมือนกันค่ะ...แต่นานมากแล้ว
* ตอนนั้นนำเยอะกว่านี้มาเลยนะคะ...
ชื่นมื่นขนาดเลยค่ะครูจ่อย...ตกลงได้แวะชัยนาท หรือปล่าว?
วันนี้จรรย์มาคารวะด้วย http://gotoknow.org/blog/manorom/351155
ไปใต้มาสนุกไหมครับ แหมๆๆมาต่อที่บ้านนาอีก อยากไปเที่ยวบ้างจังเลยครับ
วาว! มาอีกรอบตกใจรูปเสือหายไป กลายเป็นหนุ่มหล่อ อิ-อิ
สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะ
การท่องเที่ยวเป็นการผ่อนคลายอีกอย่างหนึ่งที่ชอบมากค่ะ
สวัสดีค่ะ
แวะมาสวัสดีปีใหม่คุณครูจ่อยค่ะ
ขอบพระคุณสำหรับตำนานวันสงกรานต์นะคะ
ดาวว่าถ้าจะให้น้ำเน่านิดๆ ท้าวกบิลพรหมต้องยกธิดาทั้งเจ็ดให้ธรรมบาล อิอิ
ปีนี้ที่กาฬสินธุ์คงร้อนระอุไม่แตกต่างจากยโสธร แต่ยังไงก็ขอให้เทศกาลสงกรานต์นี้เป็นปีใหมไทยที่เย็นกาย เย็นใจ....
ขอความสุขและความโชคดีจงมีแก่ครูจ่อยและครอบครัวนะคะ
เอาน้ำปลาหวานมาฝากน้องครูจ่อยจ้า..
สุขสันต์วันครอบครัว
โชคดีมีความสุขตลอดไปค่ะ