เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องยาวดั่งมหากาพย์ของเด็กคนหนึ่ง ด.ญ.นามทิพย์ (นามสมมุติ) ซึ่งไม่รู้ว่าจะจบลง ณ วันใด เหตุที่ว่ายาวเพราะเรื่องของเธอจะนำไปสู่การพัฒนาสถานะความเป็นพลเมืองของเธอต่อไปในอนาคต
ซึ่งผมก็จะถอดประสบการณ์การทำงานไปตามความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาของเธอเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ บ้าง เผื่อว่าจะมีคนที่มีประสบการณ์การช่วยเหลือที่ดีกว่าผมมาแนะนำ
วันก่อนที่จะถึง ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๔
หญิงสาวพม่าข้ามน้ำทะเลมาถึงฝั่งประเทศไทย พร้อมกับเหมารถประจำทางให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลระนอง ไม่นานนักเธอก็ให้กำเนิดเด็กหญิงฝาแฝด ๑ คู่ แล้วเหมารถคันเดิมเตรียมกลับเกาะสอง ไม่มีใครทราบสาเหตุอันใด ไฉนเธอจึงได้วางลูกไว้ในรถโดยสารคันนั้นทั้ง ๒ คน และข้ามน้ำทะเลเพียงลำพัง
เขา-นายพระเชิญ ไพฑูรย์ ขับรถกลับบ้านจึงได้ทราบว่าเด็กหญิงน้อย ๒ คน ถูกทอดทิ้งให้เผชิญกับชะตากรรมในดินแดนที่มิใช่ผืนดินที่พ่อแม่ของเธอมีสิทธิพำนักถาวร และเป็นพลเมืองเลย นางมิได้ทิ้งสิ่งใดไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะติดตามหาเธอได้เลย สิ่งที่นางทิ้งไว้นอกจากร่างบอบบางเปี่ยมพลังชีวิตทั้ง ๒ แล้ว ก็คือสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก อันเป็นหลักฐานที่ติดอยู่กับตัวเด็ก
แฝดผู้พี่ถูกชาวพม่านำไปเลี้ยงและหายสาบสูญไปไม่อาจพบพาน ดวงดาวไหนพรากคู่แฝดให้แยกจากกัน ดวงดาวใดที่ทำให้คนที่เกิดในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน ต่างเวลาเพียงชั่วนาทีหรือชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ใต้ผืนแผ่นฟ้าเดียวกัน แต่ต้องแตกต่างกัน ทั้งชะตากรรม
แฝดผู้น้องตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ใจบุญรับเลี้ยงดู และโชคดีที่ได้อยู่ภายใต้ปีกอบอุ่นของครอบครัวชาวไทยตั้งแต่บัดนั้นกระทั่งบัดนี้
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
พ่อบุญธรรมโดยพฤตินัยชาวไทย-นายพระเชิญ ไพฑูรย์ (นามสมมุติ) และนางมิแหง่ (นามสมมุติ) แรงงานต่างด้าวชาวพม่า มาหาผมให้ช่วยเหลือแจ้งเกิดให้เด็กหญิงนามทิพย์ เนื่องจากเธอยังไม่มีเอกสารทางทะเบียนราษฎรใด ๆ แม้ว่าจะเข้าเรียนหนังสือในโรงเรียนของรัฐบาลได้ถึงประถมศึกษาปีที่ ๓ แล้วก็ตาม
เขานำหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตัวเด็กมาด้วยความหวังว่าจะช่วยน้องนามทิพย์ได้สำเร็จ เมื่อผมเปิดสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ไม่ปรากฏว่ามีหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑ มีแต่บันทึกด้วยลายมือว่าเป็นแฝดน้อง ชื่อมารดา เพศ วันเดือนปีเกิด และเวลา แต่เพียงเท่านี้ประกอบกับการสอบข้อเท็จจริงของนายพระเชิญ ผมก็อนุมานได้ว่าเด็กต้องเกิดที่โรงพยาบาลระนอง แม้ว่าในสมุดนั้นจะมิได้ระบุสถานที่เกิดก็ตาม
เมื่อสอบถามถึงความต้องการแท้จริง ผมก็จัดการพิมพ์จดหมายขอท.ร.๑/๑ โดยอ้างเหตุเพื่อใช้ประกอบในการยื่นขอรับเด็กหญิงนามทิพย์เป็นบุตรบุญธรรม จึงไม่อาจที่จะให้พ่อแม่ที่แท้จริงเป็นผู้ขอท.ร.๑/๑ ได้ จึงต้องมาขอด้วยตนเอง ผลปรากฏว่า “ถูกปฏิเสธ” ให้ไปขอหมายศาลมาก่อน
เขามาบอกผม ผมได้แต่อึ้ง ! อึ้ง !
ปลายกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
ผมได้รับรู้ว่ามีช่องทางที่จะช่วยเด็กหญิงนามทิพย์ ผมก็เพียรพยายามจนกระทั่งวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๓ ผมสามารถที่เข้าไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนอง เพื่อพูดคุยถึงปัญหาการออกหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑ แม้จะช่วยได้เพียง ๑ รายคือ เด็กหญิงนามทิพย์ก็ตาม
๒ เมษายน ๒๕๕๓
ผมขึ้นไปรับหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑ ที่โรงพยาบาลระนอง เสียดายผมได้แต่ท.ร.๑/๑ ของน้องนามทิพย์เท่านั้น ส่วนของพี่สาวเธอไม่ได้ออกมา และเกือบจะพบความผิดพลาดครั้งใหญ่ เนื่องจากความไม่รอบคอบไม่พิจารณาข้อความในท.ร.๑/๑ ให้ละเอียด เพราะน้องนามทิพย์เกิดเป็นคู่แฝด แต่ในท.ร.๑/๑ ระบุว่าเกิดเดี่ยว ผมต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลแต่โดยพลันเพื่อให้แก้ไขเป็นเกิดแฝด และระบุเป็นแฝดลำดับที่ ๒ โชคดีครับแก้ไขได้
ยามบ่ายผมก้าวไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง เพื่อการแจ้งเกิดน้องนามทิพย์ด้วยเหตุว่าเธอตกอยู่ในสภาวะเด็กที่ไม่ปรากฏบุพการีและบุพการีทอดทิ้ง
ผลตอบรับเป็นไปด้วยดี เธอให้นำผู้รู้เห็นและท.ร.๑/๑ ไปพบเธอเพื่อสอบข้อเท็จจริง และดำเนินตามขั้นตอนต่อไป
๕ เมษายน ๒๕๕๓
ผมพานายพระเชิญ ไพฑูรย์ กับครอบครัวรวมทั้งน้องนามทิพย์ ไปพบคุณนก เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดระนอง ที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม อัธยาศัย เพื่อสอบข้อเท็จจริง พิจารณารับเรื่องของน้องนามทิพย์เพื่อช่วยในการแจ้งเกิดที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดระนอง เนื่องมาจากสำนักงานนี้มิได้อยู่ในเขตเทศบาลตั้งแต่เก่าก่อน แต่อยู่ในเขตอำเภอเมือง
หลังจากนั้นผมพานายพระเชิญ ไปที่โรงพักปากน้ำ ตามคำแนะนำของคุณนกเพื่อแจ้งความว่าเด็กหญิงนามทิพย์ ถูกมารดาทอดทิ้งที่ท่าเรือเขานางหงส์ ซึ่งอยู่ในเขตความรับผิดชอบของโรงพักปากน้ำ
แจ้งความไว้เป็นหลักฐานถึงเรื่องราว ความเป็นมาที่ได้มีการทอดทิ้งเด็กหญิงนามทิพย์โดยไม่หวนกลับมาดูแล และติดต่อ โดยนายพระเชิญได้ตั้งชื่อและให้ใช้นามสกุลตั้งแต่วันที่ถูกทอดทิ้งถึงปัจจุบัน ส่วนแฝดอีกคนไม่ทราบชะตากรรม
เมื่อนำหลักฐานบันทึกประจำวันไปมอบให้คุณนก ทุกอย่างก็ดำเนินไป คุณนกรับเรื่องไว้ช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามผมก็ยังกังวลเรื่อง "นามสกุล" ซึ่งนายทะเบียนอาจไม่ยอมให้น้องนามทิพย์ใช้นามสกุล "ไพฑูรย์" ตามนายพระเชิญได้ แม้ว่านายพระเชิญจะยินยอมให้เด็กหญิงนามทิพย์ใช้นามสกุลก็ตาม ซึ่งในความเป็นจริงเด็กหญิงนามทิพย์ ก็ใช้ชื่อสกุล "ไพฑูรย์" มาตั้งแต่ต้นกระทั่งเข้าโรงเรียน
หากนายทะเบียนจะรอนสิทธิเด็กหญิงนามทิพย์จริง ผมไม่ปรารถนาเลยที่จะต้องแตกสาขาคดีเลย จริง ๆ
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
แจ้งการเกิดได้สำเร็จ โดยผู้แจ้งการเกิดเป็นพี่พระเชิญ โดยอาศัยม.๑๘ ตามพรบ.ทะเบียนราษฎร พ.ศ.๒๕๓๔ น้องนามทิพย์ ได้สูติบัตร ท.ร.๐๓๑ สูติบัตรบุตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน เลข ๑๓ หลัก ขึ้นต้นด้วย ๐-๘๕๙๙-xxxxx-xx-x เพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้านกลาง ไม่ปรากฎชื่อบิดา ไม่ระบุความสัมพันธ์ของผู้แจ้งการเกิด
แจ้งเกิดสำเร็จก่อนวันเกิดครบ ๑๐ ปี บริบูรณ์ ๓ วัน
๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
ศาลจังหวัดระนอง แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รับคำร้องของพี่พระเชิญ ยื่นคำร้องศาลสั่งอนุญาตให้ความยินยอมแทนบิดามารดา นัดไต่สวนวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ทั้งนี้เพื่อนำคำสั่งศาลไปขอจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมต่อไป
เดี๋ยวผมมีเวลาว่างมากกว่านี้ ค่อยมาตอบคำถามว่าทำไม ต้องยื่นศาล วันนี้อัพเดทความคืบหน้าขอรับ
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ขึ้นไต่สวนตามคำร้อง ๓ ปาก หมดพยาน
ไต่สวนผ่านไปได้ด้วยดี ขั้นตอนต่อไปยื่นจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ไชโย
๐-๘๕๙๙-xxxxx-xx-x
เพ้ง ขอเลขหลักที่ ๖ และ ๗ ด้วย
เป็น ๐๐ หรือ ๘๙