หมายเหตุ
มีบันทึกตอนต่อไปเรื่อง
บทวิเคราะห์ในมุมมองของสุนทรียสนทนา (Dialogue) ต่อกรณีความล้มเหลวของการเจรจาสันติวิธีระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับแกนนำคนเสื้อแดง (28-29 มี.ค. 53)
ขอบคุณมากครับท่านอาจารย์ JJ ที่กรุณาแนะนำหนังสือดีๆ ให้อ่าน
ขอบคุณครับสำหรับความเห็นของนักสันติวิธี ผมเห็นด้วยในหลายแง่นะครับ และมีความเห็นส่วนตัวในบางแง่
เห็นด้วยนะครับ ว่าในด้านการพูดเพื่อให้เกิดความสงบ (ไม่ต่อยกันกลางเวที) ต้องยกให้กอร์ปศักดิ์กับวีระ ผมเองก็ชอบที่กอร์ปศักดิ์พูดตอนท้าย และก็ชอบท่าทางประณีประนอมของวีระ
และเห็นด้วยเรื่องความดื้อดึงของจตุพร การดึงดันจะเอา 15 วันให้ได้ ไม่น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมนัก
ส่วนนายกฯนั้น ถ้านี่เป็นการโต้วาที ผมให้ 10 เต็มในครั้งแรก และ 9/10 ในครั้งที่สอง แต่ผมมองว่านายกฯควรพยายามหลีกเลี่ยงการ "โต้วาที" เสียหน่อย ผมมองว่านี่คือการ "เจรจา" ไม่จำเป็นต้องทำคะแนนจากคนดูมากนัก (นี่เป็นความเห็นของผมนะครับ) ควรพยายามพูดให้เกิดเนื้อหามากกว่าใช้คำพูดที่ฟังแล้วสวยหรูจับใจได้คะแนนคนดู
อ่านแล้วท่านวิเคราะห์ได้ตรงใจมาก คุณวีระและกอร์ปศักดิ์ ใช่เลย แต่ก็คิดว่าสองคนนี้คงทำอะไรมากไม่ได้ครับ หันไปด้านหลังกองเชียร์เพียบ
<h3>ใครฟังเป็น ใครฟังไม่เป็น</h3>
<h3>ใครมีวุฒิภาวะ ใครดื้อรั้น</h3>
<h3>ใครที่ปากไม่ตรงกับใจ</h3>
<h3>ใครที่ชอบสร้างสรรค์ และใครที่ชอบทำลายล้าง</h3>
<h3>ใครที่ควรพูดคุยด้วย หากต้องการ “สันติวิธี”</h3>
<h3>และที่สำคัญที่สุด</h3>
<h3>ใครที่มุ่งทำเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ มากกว่าพวกพ้องตน</h3>
เห็นด้วยกับท่านเบดูอินครับ ว่ายังมีอีกหลายกลุ่ม
และหลายฝ่าย ที่มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังการเจรจา
ซึ่งคงต้องถามใจ ผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลัง
ทั้งที่เป็นกองเชียร์ โคช และผู้จัดการทีม และสปอนเซอร์ ด้วยว่า
ต้องการการเปลี่ยนแปลงในแบบ "สันติวิธี" "อหิงสา"
หรือว่าเป็นพวกนิยมใช้ "ความรุนแรง" เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
แต่ผมคิดเหมือนที่ท่านกอร์ปศักดิ์ได้กล่าวไว้ทำนองว่า
คงไม่มีอะไรจะตัดสิน "เจตนา" ได้ดีไปกว่า "การกระทำ" "พฤติกรรม"
และเหนือสิ่งอื่นใดเชื่อว่า "วาจา" ย่อมสะท้อนเนื้อหาแห่ง "จิตใจ"