คุณตำรวจ ด่านจับหมวก และจิตวิทยาการขอ


Appreciative Inquiry : การขอด้วยการยอมรับผิด

หมายเลขบันทึก: 348159เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2010 01:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

mouth ก็เห็นด้วยนะค๊ะกับการยอมรับผิดเมื่อเราทำ...แต่บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังคุยกะใคร..อะไร..ยังไง

แต่สำหรับ mouth คงไม่โดนตำรวจ จับ ปรับ หรอกค่ะ ไม่ใช่ว่าเพราะหน้าตาดีนะ....แต่ขี่รถไม่เป็นต่างหาก...55

สนับสนุน Reverse Psychology  ว่าจริงๆ

ที่ทำงานมีกฎเหล็ก คือ ไม่มาทำงานสาย  แต่งกายถูกระเบียบ  บางคนอาจมองว่า ไม่เข้าท่า  แต่เราคิดว่าการอยู่กับคนหมู่มากมันก็ต้องมีกฎและระเบียบ  ถ้าเราทำตามนั้นมันก็ไม่ได้บั่นทอนอะไรในชีวิตเรา  เพราะการแต่งกายก็คือยูนิฟอร์มของอาชีพเราอยู่แล้ว  เมื่อสวมใส่  ใครๆก็รู้ว่าเป็นคือใคร

การมาทำงานสายเกิน 2 ครั้งต่อเดือน ต้องเขียนรายงานถึง ผอ. และถ้าในแต่ละเทอม ยังทำเช่นนั้นถึง 2 เดือนจะถูกตัดชื่อขึ้นชิง (2 บันได)...สำหรับตัวเรา ผอ.เรียกพบเลยค่ะ  คงเดาออกว่าคงหลายเดือน...คำตอบทีมีให้ ผอ.ดังนี้ค่ะ...รพ.ทำถูกแล้วแม้เราจะทำงานดีแค่ไหน  แต่เมื่อกฎระเบียบได้วางไว้ดีแล้ว และขอให้ ดำเนินไปตามนั้นเพราะไม่อยากแก้ตัว  ไม่อยากเอาปัญหาส่วนตัวมามีผลกระทบต่อการทำงาน  และก็ไม่ขอแก้ตัวใดๆ (คือยอมรับผิดตามตรง)  ผอ.จึงได้พูดแต่เพียงว่า  งั้นพยายามอย่าให้มาสายบ่อยก็แล้วกัน...ออกมาด้วยความงงนิดๆ  ทำไมท่านพูดแค่นี้  แต่พูดแค่นี้เราก็คิดหนักแล้ว

ที่ดีใจที่สุดก็คือ  ทุกวันนี้ท่านจะพูดเสมอว่า  ฝากหัวหน้าทุกคนดูน้องๆด้วยว่าการที่พวกเค้าต้องมาสาย  หรือการที่เค้ามีปัญหา ขอให้ดูให้ลึกด้วย  เขาอาจมีปัญหาที่เราคาดไม่ถึง  อย่าด่วนลงโทษหรือตัดสิน  เบื้องหลังนั้นอาจมีอะไรมากมาย  ต้องคอยช่วยกันดูแล ให้รักเหมือนลูก  ดูแลเหมือนน้อง

เล่ายาวเลยค่ะ...ขอบคุณค่ะ

Reverse Psychology  ผมว่าน่าจะเทียบเคียงได้กับหลัก  "เต๋า"  นะครับ

สวัสดีครับทุกท่าน

@คุณmouth >>> การทำผิดและยอมรับเป็นสิ่งที่ดีครับ ยิ่งกับคนที่ไม่มีอคติกับเราด้วยแล้ว เคสแบบนี้ย่ิงได้ผลเป็นทวีคูณครับ ^^

@คุณnamsha >>> เป็นเคสที่ดีครับ ขอยืมนำเรื่องราวมาเป็นหนึ่งในเคสของ Reverse psychology หน่อยนะครับ ^^

@อาจารย์small_man >>> น่าจะได้นะครับอาจารย์ หยิน กับ หยาง ต้องข้ามกัน แต่ต้องควบคู่กันไป Control ให้เหมาะสมไม่หนักข้างใดข้างหนึ่งจนเกินไป ก็น่าจะได้ผลเหมือนในเคสนี้ละครับ ^^

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แสดงความคิดเห็น หรือแชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับผม ^^

เป็นบันทึกที่ดีมากๆ ค่ะให้มุมมองที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลย ขอบคุณมากค่ะ เอาไว้จะลองนำไปใช้ดูตอนสอบ oral นะคะ

เรื่องที่คุณโปลิสปล่อยให้คุณเอิร์ทลอยนวลเนี่ยมันไม่ถูกนะคะ ไหนๆ คุณเอิร์ทก็อุตส่าห์แวะไปหาแล้ว คุณโปลิสน่าจะแจกใบสั่งซักใบข้อหา "หน้าตาผิดระเบียบ" ว่ามั๊ย

คล้าย ๆ กับการทำให้คนอื่น งง..เอ่อ..อิ้ง แล้วเราจะเป็นผู้คุมเกมส์ ช่ายมัยอ่ะ

เคยเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นช่วงสงกรานต์ วันนั้นขับรถกลับบ้านแต่เช้า 120+ km/hr ได้ เจอตำรวจทางหลวงโบกให้จอด ก็เลยจอด พร้อมทั้งยอมรับผิดทุกอย่างว่าขับเร็ว แต่ก็ เซอร์ไพรส์ เหมือนกันตรงที่คุณตำรวจไม่จับ ถามว่าเรียนที่ไหน อยู่หอพักอะไร แล้วแกก็บอกว่าลูกเขาก็เรียนที่เดียวกะเรา อยู่หอพักหญิง สงสัยกำลังหาหอพักใหม่ให้ลูกแน่เลย อิอิ สุดท้าย ยังบอกว่า "สงกรานต์นี้ขับช้าๆหน่อยละกัน" ไม่โดนจับ เย้!! การยอมรับผิด นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดจริงๆค่ะ ทำให้วันนั้นมีความสุขมากมายเลย

สวัสดีครับทุกท่าน ^^

@พี่นก >>> ดีใจมากครับ ที่บทความนี้มีประโยชน์กับพี่... ตอนแรกเอิร์ทก็นึกว่าดวงดี แต่พอไปคุยกับอาจารย์โย อาจารย์บอกว่านี้มันคือ Reverse psychology ก็เลยถึงบางอ้อครับ ว่าสิ่งที่เราทำมันก็มีหลักการและเหตุผลเหมือนกัน ( ถึงตอนนั้นจะยังไม่รู้ ) แหมๆ พี่นกก็ว่าไป ถ้าหน้าตาเอิร์ทจะเหมือนโจร แต่เอิร์ทใจดีเดะละ ^^

@อาร์ >>> คงจะประมาณนั้นละอาร์ แบบว่าจากที่เราเป็นรองอยู่... ลองใช้เทคนิคนี้ดู อาจจะพลิกสถานะการ จากการที่้จะโดนโคกสับ เป็นการข่วยเหลือแทน เหมือนในเคสนี้ก็เป็นได้นะ ^^

@ต้อม >>> โอ... ต้อมไม่ได้ขับผ่านด่านไปเลยหรอกเหรอ ปกติ 140 ธรรมดาหนิจ๊ะ... เหอๆ ขอบใจนะที่นำเคสมีเล่าสู่กันฟัง การยอมรับผิดในสิ่งที่เราทำพลาดไป เป็นทางออกที่ดีเสมอจ้า ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แสดงความคิดเห็น หรือแชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับผม ^^

เจ๊ก็เคยว่ะ แบบว่า ขี่มอไซด์ไปอ่านหนังสือที่หอสมุดกลาง

ขากลับ เจอตำรวจตั้งด่านที่หน้าหอแพทย์ 3 และตรง

คณะวิศวกรรม (อุตสาหการ) จำได้แม่น ใกล้ๆ 4 แยกสะพานขาวนั่นแหละ

ใจก็คิดว่า โดนแน่ๆ งานนี้ แต่เจ๊ไม่ได้ใช้ reverse psychology หรอกจ้า

เจ๊ตัดสินใจเลี้ยวหักศอก 90 องศาไปเลย

เข้าสะพานขาว ไปโลด ... ตำรวจก็เลยพากัน ยืนงงเฉยๆ ทำอะไรมันไม่ได้

มันชิ่งไปแล้ว ... (ไม่ได้แอ้มเงินฉันหรอก หุ หุ)

เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะจ๊ะ อย่าเอาเยี่ยงอย่าง

เจ๊ หวานกรอบ

ส่วนมากเจอตำรวจจะตั้งสติ

หยุดรถ

แล้วเลี้ยวหนี ค่ะ

วันหลังต้องลอง Reverse Psychology ดูซะแล้วละค่ะ

แต่บางทีพอเรายอมรับไปตรงๆ เค้าก็จะงง

แล้วก็ให้อภัยได้อย่างรวดเร็วเนอะค่ะ อิอิ

นักช็อปมือเติบ

สวัสดีทุกท่านครับ

@พี่แจ๋วแหวว >>> ปกติเอิร์ทก็ทำอย่างงั้นละครับ ตลอด 7 ปี ที่อยู่ มข. มา มีวันนั้นละครับที่ไม่เลี้ยวหนี้ ปกติจะมีลางสังหรณ์ แต่ครั้งนั้นเซอร์นอน แบะเบลอมากมาย มะรู้จะทำไงดีเลยวิ่งไปให้จับละก็เป็นเหมือนในเคสที่เล่าไปนั้นละครับ ^^

@แป้ง >>> เอาไว้ใช้ในกรณีที่เราจำเป็นจริงๆดีกว่าแป้ง ถ้าหลบหลีกได้อันนั้นจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เพราะปัญหามันจะไม่เกิดไง วิธีนี้มันสำหรับเมื่อเกิดปัญหาแล้วจ้า ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แสดงความคิดเห็น หรือแชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับผม ^^

*** แวะมาอ่านอย่างเพลิดเพลินค่ะ ขอขอบคุณ

พี่เองก็ชอบคนที่ทำผิดแล้วยอมรับ มากกว่ามาหาข้อแก้ตัว ข้างๆ คูๆ ค่ะ

บ่อยครั้งที่พี่จะเห็นใจ ให้อภัย พร้อมให้คำแนะนำกับน้องๆ ในที่ทำงานที่เค้าทำผิดแล้วยอมรับ เพราะทำให้เราเห็นว่าเค้ามีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเองและคนอื่น และยังทำให้เราเห้นว่าเค้าคงพร้อมที่จะฟังคำแนะนำของเรา แต่ถ้าใครผิดแล้วเถียงแบบเอาชนะท่าเดียว ไม่มีเหตุผล ก็ต้องดวลกันสักตั้งค่ะ ^^''

เหมือนเวลาเราทำผิดแล้วยอมรับผิดแต่โดยดี ผู้พิพากษาจะได้รู้สึกเห็นใจค่ะ

^^ ดีจังวันหลังจะลองเอาไปใช้บ้างค่ะ

ดีกว่าผิดแล้วหนี แต่ทางที่ดี อย่าทำผิดเลยดีกว่า

แต่ทำไมวันนั้นโดนไม่เป็นแบบนี้บ้างอ่ะ มีแต่จะเอาตังค์ีค่าปรับอย่างเดี่ยวเลย

วันนั้นจะไปกินข้าวเที่ยว จะได้เสียตังค์แค่ ไม่ถึง 50 บาท แต่วันนั้นหมดไป 200 กว่าบาท

ย่อมด้วยนะว่าผิดไปแล้ว รู้งี้ขับหนี้ก็ดี

กรรมจริงๆๆ

ปล.สมกับที่อวดพี่จริงๆๆ

โอ้โห เป็นกรณีศึกษาที่ดีมากเลยครับ

การขอด้วยการยอมรับผิด ผมก็เพิ่งเจอกลับตัวเองมา เมื่อวันอาทิตย์นี่เองครับ

เหตุการณ์นี้เกิดที่กรุงเทพครับ เป็นทางด่วนขาขึ้นจากแถวหลักสี่ จะไปลงบางปะอินครับ

ผมขับรถตาม รถของเพื่อนมา ตอนนั้นเห็นรถของเพื่อนขับออกไปจากด่านเก็บค่าผ่านทางพอดี

ผมก็เลยนึกว่าเขาไปเก็บค่าผ่านทางตรงจุดนั้น เพราะทางด่านก็ไม่ได้ปิดแผงกั้นรถแต่อย่างใด

คราวนี้ ผมเหยียบ(คันเร่ง)เต็มที่เลยครับ พอเลยด่านเก็บค่าผ่านทางไป มีเสียงคนตะโกนพร้อมเปิดกับสัญญาญไซเรนดังมากเลยครับ ตกใจหนะสิครับคราวนี้ ผมหน้าหล่า(ซีด)เลยครับ

พออยู่บนทางด่วนแล้ว ก็ไปหยุดรถพักนึง แล้วก็ไปต่อ คราวนี้ไปเจอจราจรท่านนึง นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนที่พักจราจรบนทางด่วนพอดี ผมก็เลยจอดรถแล้วเดินไปหาจราจรท่านนั้นครับ

ผมบอกจราจรว่า "พี่ครับ เมื่อกี๊ผมขับฝ่าด่าน แล้วไม่ได้จ่ายเงินครับ ผมนึกว่าเขาปล่อยให้ผ่านเลยครับ"

พี่จราจรก็ใจดีมากครับ แกบอกว่าให้ผมเอาเงินค่าด่านมา 40 บาท เดี๋ยวแกจะลงไปจ่ายตังค์ให้ โอ้โหใจดีมากๆเลยครับ

คุยไปคุยมาคนอีสานเหมือนกันครับ อิอิ^^

นี่แหละครับ ถ้าทำผิด แล้วยอมรับผิด คุณก็จะได้รับความเมตตาครับ

สวัสดีครับทุกท่าน

ขอบคุณที่แวะมา และแชร์ประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์นะครับ ^^

  • ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ
  • ผมได้เปิดมุมมองใหม่ขึ้นมาเยอะเลยครับ

 

สวัสดีครับคุณZEEZ

ยินดีมากครับที่เรื่องนี้มีประโยชน์ และก็ขอบคุณที่แวะเข้ามาครับ ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แสดงความคิดเห็น หรือแชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับผม ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท