กอล์ฟ….....กีฬา พันธุ์ใหม่ วัย X
โดย อาจารย์สมชาย แสงจิตต์พันธ์
ชีวิตปัจจุบัน ต้องเรียนรู้ และเข้าใจ การเมือง ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ และกอล์ฟ เพื่อความสำเร็จแห่งชีวิตของท่านอย่างแท้จริง
GOLF
กอล์ฟ เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ซึ่งให้ทั้งความสนุกสนานเพลิดเพลินทางจิตใจ ให้สมรรถภาพทางร่างกาย และให้มนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อการปรับตัว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงโปรดกีฬากอล์ฟมาก ทั้งสองพระองค์ทรงนำกีฬากอล์ฟเข้ามาเล่นในเมืองไทย และโปรดให้สร้างสนามกอล์ฟมาตรฐานแห่งแรกของเมืองไทย คือ สนามกอล์ฟหัวหิน
สนามกอล์ฟมาตรฐาน มี 18 หลุม ใน 18 หลุม แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. หลุมพาร์ 3 (มี 4 หลุม)
2. หลุมพาร์ 4 (มี 10 หลุม)3. หลุมพาร์ 5 (มี 4 หลุม)
รวม 18 หลุม
หลุมพาร์ 3 หมายถึง หลุมที่มีระยะประมาณ 150-200 หลา นักกีฬาสามารถตีลูก 1 ครั้ง ถึงหลุมได้และเหลือไว้พัตต์ลูกลงหลุมอีก 2 ครั้ง จึงเรียกว่า พาร์ 3 แต่ถ้าตีเพียงครั้งเดียวลูกลงหลุมไปเลย เราเรียก HOLD IN ONEหลุมพาร์ 4 หมายถึง หลุมที่มีระยะไกลกว่าพาร์ 3 มีระยะเฉลี่ยประมาณ 380-450 หลา นักกอล์ฟตีลูกครั้งแรกไม่ถึงหลุม ต้องตีครั้งที่ 2 จึงได้ระยะถึงหลุม และเหลือไว้พัตต์ลูกลงหลุมอีก 2 ครั้ง รวมเป็น 4 ครั้ง เรียก พาร์ 4
ส่วนหลุมพาร์ 5 หมายถึง หลุมที่มีระยะไกลกว่าพาร์ 4 มีระยะเฉลี่ยประมาณ 450 -500 หลา นักกอล์ฟทั่วๆไป ต้องตี 3 ครั้ง ลูกกอล์ฟจึงจะถึงหลุม และต้องพัตต์อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง รวม 5 ครั้ง เรียกพาร์ 5
ทุกครั้งที่ท่านดูนักกอล์ฟแข่งขันทางโทรทัศน์ นักกอล์ฟจะพยายามตีลูกลงหลุมในจำนวนครั้งที่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใครตีน้อยครั้งกว่าเป็นผู้ชนะ
อุปสรรคของการแข่งขันกอล์ฟ คือระยะทางที่ไกล ต้นไม้ บ่อทราย แหล่งน้ำ และเขตอุปสรรคอื่นๆ แม้แต่ความสั้นยาวของต้นหญ้า หรือแรงลมที่พัดผ่านสนามกอล์ฟ นักกีฬากอล์ฟจึงต้องเป็นทั้งนักวางแผน และนักแก้ปัญหาไปพร้อมๆกัน
ดังนั้น บนจอโทรทัศน์ นักกอล์ฟที่ตีแล้วได้คะแนนติดลบมากกว่า คือผู้ชนะนั่นเอง ในหนึ่งวันของการแข่งขัน นักกอล์ฟต้องตี 18 หลุม
1. หลุมพาร์ 3 มี 4 หลุม จำนวนครั้งที่ตีทั้ง 4 หลุม คือ 12 ครั้ง
2. หลุมพาร์ 4 มี 10 หลุม จำนวนครั้งที่ตีทั้ง 10 หลุม คือ 40 ครั้ง
3. หลุมพาร์ 5 มี 4 หลุม จำนวนครั้งที่ตีทั้ง 4 หลุม คือ 20 ครั้ง
ใน 18 หลุม หลุมพาร์ 3 พาร์ 4 และพาร์ 5 จะถูกออกแบบจัดวางในตำแหน่งที่สลับกันไปมาไม่แน่นอน นักกอล์ฟต้องตัดสินใจเลือกวิธีการเล่น โดยปรับตัวให้เข้ากับความยากง่ายของแต่ละสนามกอล์ฟ ซึ่งไม่เหมือนกันเลยด้วยตนเอง
ไม้กอล์ฟในถุงกอล์ฟ อนุญาตให้มีได้ไม่เกิน 14 ชิ้น แต่ละชิ้น ใช้ตีในโอกาสต่างๆกัน เช่น ติให้ไกล ตีให้โด่ง ตีให้เลี้ยวซ้าย ตีให้เลี้ยวขวา ตีพุ่งต่ำตลอดต้นไม้ ตีโด่งข้ามภูเขา เป็นต้น
กีฬากอล์ฟ แตกต่างจากกีฬาอื่นๆ ในเรื่องของสนามที่มีขอบเขตไม่แน่นอน แต่ที่แน่นอน คือ ความสวยงามของต้นไม้ สวนหย่อม ธารน้ำ และสนามหญ้าเขียวขจีที่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา จึงมีผู้ไม่รู้จริงจำนวนมาก กล่าวว่าสนามกอล์ฟทำลาย ธรรมชาติของป่าไม้
แท้ที่จริง สนามกอล์ฟ ต้องไปสร้างในเขตพื้นดินที่ไม่มีประโยชน์ต่อการเกษตรกรรม เป็นที่รกร้าง ว่างเปล่า และพื้นดินไม่มีฮิวมัสที่เป็นประโยชน์ต่อการปลูกพืช
สนามกอล์ฟต้องพลิกผืนดินขึ้นใหม่ ขุดแหล่งน้ำเอง ปลูกต้นไม้เอง เรียกว่าทำแหล่งเสื่อมโทรม ให้มีค่าขึ้นมา จึงเรียกได้ว่า เป็นสนามกอล์ฟที่ดีอย่างแท้จริง ส่วนสนามกอล์ฟที่เป็นปัญหา คือ สนามกอล์ฟของนักธุรกิจที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำสนามกีฬาอย่างแท้จริง มุ่งประโยชน์ด้านธุรกิจของตนเพียงฝ่ายเดียว
การไปเล่นกอล์ฟ มีข้อจำกัดอยู่ 2 ด้านใหญ่ๆ คือ เรื่องของเวลา และค่าใช้จ่าย เนื่องจากระยะทาง 18 หลุม มีประมาณ 6-8 กิโลเมตร นักกอล์ฟต้องใช้เวลาเล่นประมาณ 5-6 ชั่วโมง และค่าใช้จ่ายต่อครั้ง อยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท
แต่กีฬากอล์ฟ เป็นกีฬาชนิดเดียวที่เด็ก สุภาพสตรี คนชรา สามารถต่อสู้กับชายชาตรีได้อย่างดุเดือดเผ็ดมัน เพราะการตีกอล์ฟมิได้ตีด้วยกำลังของแขนและไหล่ที่กว้าง ตีด้วยการหมุนตัว ผู้หญิงจึงตีได้เท่ากับผู้ชาย และเด็กตีได้เท่ากับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคนชราอายุ 80 ปี ก็สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มอายุ 25 ปีได้สบายๆ
จึงไม่น่าแปลกใจที่คนทั้งโลกรู้จัก ไทเกอร์ วูดส์ เพราะไทเกอร์ วูดส์ มีพ่อที่เป็นอเมริกัน ที่ให้ความแข็งแรง และมีแม่เป็นคนไทยที่ให้ความละเอียดอ่อนแบบคนตะวันออกเขาจึงเป็นนักกอล์ฟพันธุ์ใหม่ วัย X ที่ประสบความสำเร็จ จนนักกอล์ฟอาวุโส แจ๊ก นิคลอส ทำนายไว้เมื่อ 6 ปี ที่แล้วว่า ไทเกอร์ วูดส์ จะเป็นนักกีฬากอล์ฟที่ไม่เคยมีนักกอล์ฟคนใดในประวัติศาสตร์สู้ได้ และคำตอบพิสูจน์แล้วว่า ใช่
ในสหรัฐอเมริกา การแข่งกอล์ฟรายการใหญ่ 3 รายการ ได้มีผู้จองตั๋วล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว ประมาณ 45 ปี ดังนั้น ถ้าคุณไปเข้าคิวซื้อตั๋ววันนี้ คุณต้องไปดูในอีก 50 ปีข้างหน้า
การนับคะแนนของกีฬากอล์ฟจึงเกี่ยวพันกับหลุมพาร์ 3 พาร์ 4 และพาร์ 5 กล่าวคือ
1. การตีได้ พาร์ (PAR) คือ การตีจำนวนครั้งเท่ากับพาร์ของหลุม 3 พาร์ 4 ตี 4 ครั้ง พาร์ 5 ตี 5 ครั้ง
2. การตีได้ โบกี้ (BOGEY) คือการตีเกินกว่าที่กำหนดไว้ 1 ครั้ง เช่น ที่พาร์ 3 ท่านตี 4 ครั้งลูกจึงลงหลุม เรียกว่าท่านได้โบกี้ เสมือนรถไฟ ที่มีตู้มาต่อเพิ่มอีก 1 ตู้ (โบกี้) ส่วนที่หลุมพาร์ 4 ตี 5 ครั้ง และที่หลุมพาร์ 5 ต 6 ครั้ง ล้วนเรียก โบกี้ ทั้งสิ้น
3. การตีได้เบอร์ดี้ (BIRDY) คือการตีต่ำกว่าพาร์ที่กำหนดไว้ 1 แต้ม เช่น พาร์ 3 ตีเพียง 2 ครั้ง สามารถพาลูกกอล์ฟลงหลุมได้ พาร์ 4 ตีเพียง 3 ครั้ง และพาร์ 5 ตีเพียง 4 ครั้ง ล้วนเรียกเบอร์ดี้ทั้งสิ้น
สนามแข่งกอล์ฟ 18 หลุม จึงมีพาร์ เท่ากับ 72 หรือ ถ้านักกอล์ฟตี รวม 18 หลุม ด้วยการตี 72 ครั้ง เรียกว่า ตี สแควร์พาร์ (SQUARE PAR) นักกอล์ฟ พวกนี้ ถือว่าตี เก่งมาก โดยเฉพาะพวกโปรฯ (PROFESSIONAL) คือนักกอล์ฟอาชีพต้องตีให้ได้ 72 ครั้ง ต่อ 18 หลุม จึงจะถือได้ว่าเป็นโปรฯ ที่มีคุณภาพ ส่วนในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ ต้องแข่ง 4 วันๆละ 18 หลุม ผู้ชนะมักจะตีต่ำกว่า 72 ทั้ง 4 วัน ดังที่ท่านเห็นคะแนนติดลบ -14 เป็นต้น แสดงว่า ในหนึ่งวัน ตี อยู่ที่ประมาณ 3 อันเดอร์ หรือ 68-69 ทุกวัน นั่นเอง
ถ้าท่านสนใจที่จะเรียนหรือรู้จักกีฬากอล์ฟให้เพิ่มมากขึ้น ท่านอาจติดต่อผ่านภาควิชาพลศึกษา คณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ตามต้องการคุยเรื่องกอล์ฟต้องคุยกับคนที่เขาชอบ ถ้าไม่ชอบเขาจะรู้สึกหมั่นไส้
กอล์ฟไม่รวยก็เล่นได้ ถ้าชอบจริง ต้องยอมรับว่ากอล์ฟไม่ชอบจริง
รับรองว่าตีไม่ได้แต่ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าจะตีเก่ง ใครชอบอยากหัดตี
ปรึกษาได้ สอนไม่ได้เพราะเก่งไม่พอที่จะสอน..อิ..อิ