แม้ว่าอากาศฤดูแล้งจะแรงกล้า แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นเสาะหาข้อมูลที่จะนำเสนอต่อผู้อ่าน จึงมุ่งไปข้างหน้าด้วยพาหนะ 2 ล้อ พร้อมกับทบทวนคำบอกกล่าวของ เกษตรจังหวัดชัยนาท (นายบำรุง ศรีทองใส) ให้นำความรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยยึดหลัก 3 ป. คือ ประหยัด ปลอดภัย และ ปฏิบัติได้ ช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ผลิตพืชอาหารปลอดภัยจากสารพิษ ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถนำปัจจัยในท้องถิ่นปฏิบัติได้ไม่ยากนัก ดังนั้น ฉบับนี้ผู้เขียนจึงมุ่งหน้าสู่จุดสาธิตการเกษตรของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลบ่อแร่ มีนายประสาร จำนงค์นารถ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ เป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรประจำตำบล เพื่อนำเรื่องราวของกิจกรรมการเกษตร ซึ่งปลูกในสภาพพื้นที่แห้งแล้ง ยากแก่การจัดการให้กลายเป็นสวนไม้ผลที่อุดมสมบูรณ์ท่ามกลางสภาพแห้งในฤดูแล้ง กอร์ปกับการใช้พืชสมุนไพรที่มีในพื้นที่ร่วมกับใบสบู่ดำที่มีจำนวนมากตลอดทั้งปีเป็นหลัก เพื่อใช้ป้องกัน-กำจัดศัตรูพืช สามารถลดต้นทุนจากการจัดหาสารเคมีใช้ในไม้ผลได้ประมาณ 10,000 บาท/ปี แต่ถ้าคิดถึงคุณค่าของการอนุรักษ์ธรรมชาติ ความปรารถนาดีต่อผู้บริโภค การรักษาสุขภาพของตนเอง เป็นจุดสาธิต เรียนรู้ของผู้สนใจทั่วไปแล้วจะมีคุณค่าเกินกว่าประมาณได้
นายจารึก อ่ำทิพย์ อาจารย์ประจำโรงเรียนวัดบ่อแร่ วัย 50 ปี กล่าวถึงการยึดกิจกรรมการเกษตรเป็นอาชีพเสริมว่า ด้วยความสนใจด้านการเกษตร และเพื่อการสอนวิชาการเกษตรให้เด็กนักเรียนจึงเห็นว่าจะต้องปฏิบัติจริงในพื้นที่ของตนเองให้เกิดความชำนาญอย่างรู้จริง จึงปรับสภาพพื้นที่ของตนเองเป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลแบบยกร่อง ดำเนินกิจกรรมดังนี้ เลี้ยงปลาไหลในร่องสวน มะม่วง 5 ไร่ มะกรูด (แซมด้วยกล้วยน้ำว้า) 2 ไร่ มะนาวบนต้นตอมะขวิด 1 ไร่ สระน้ำ 2 ไร่ และสบู่ดำ 300 ต้น ผลผลิตที่ได้รับคือ มะม่วง ใบมะกรูด และกล้วยน้ำว้า จำหน่ายให้กับแม่ค้าที่เข้ารับซื้อในสวน
ผลกระทบที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นที่แห้งแล้ง สภาพดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าจะปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกรองก้นหลุมแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถช่วยให้ไม้ผลเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงได้ดีเท่าที่ควร โรค-แมลงศัตรูพืชเข้ารบกวน โดยเฉพาะหนอนชอนใบส้ม และเพลี้ยไฟในมะม่วง จึงจำเป็นต้องใช้สารเคมีป้องกัน-กำจัดศัตรูพืชที่หาซื้อได้ง่ายในท้องตลาด ในช่วงแรกใช้ไม่มากและใช้สารเคมีที่มีพิษไม่รุนแรงนัก แต่เมื่อใช้ประจำไม่สามารถควบคุมศัตรูพืชได้ จึงต้องเพิ่มปริมาณ ความรุนแรงของสารพิษ และความถี่ของการฉีดพ่นจึงจะสามารถควบคุมได้ แต่พบว่าต้นทุนการผลิตสูง รายได้จากการจำหน่ายผลผลิตไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่จ่ายลงไป อีกทั้งตรวจพบสารพิษขั้นอันตรายในเลือดของต้นเอง
วิธีแก้ไข จากผลกระทบดังกล่าวที่เกิดจากการใช่สารเคมีป้องกัน-กำจัดศัตรูพืช จึงต้องหันมามองปัจจัยที่มีหลากหลายในท้องถิ่น ทั้งด้านการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักจากปุ๋ยคอก เศษหญ้า เศษฟาง ราดพรมด้วยปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากหอยเชอรี่ เพื่อปรับปรุงบำรุงดินในไม้ผล พร้อมทั้งการใช้สารสกัดจากพืชสมุนไพร โดยใช้ใบสบู่ดำเป็นหลัก พบว่าไม้ผลที่ปลูกเจริญเติบโตแข็งแรงต้านทานโรค-แมลงศัตรูพืช ได้ดี ลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซื้อสารเคมีประมาณ 10,000 บาท/ปี แต่ต้องเพิ่มความถี่ของการฉีดพ่นสารสมุนไพรบ่อยครั้งขึ้น ประมาณ 5 วัน/ครั้ง อีกทั้งระบบนิเวศที่มีความหลากหลายของศัตรูธรรมชาติของศัตรูพืช และสุขภาพที่สมบูรณ์ ปัจจุบันเมื่อตรวจเลือดใหม่พบว่าปลอดภัยจากสารพิษ
วิธีผลิตสารป้องกันแมลงศัตรูพืชจากใบสบู่ดำ (จำนวน 50 ลิตร) สมุนไพร 30 กก.(ใบสบู่ดำ ตะไคร้หอม ใบสาบเสือ อัตราส่วนแต่ละชนิดไม่จำกัดขึ้นอยู่กับสมุนไพรที่จัดหาได้) กากน้ำตาล 10 กก. น้ำ 30 ลิตร และ สารเร่ง พด.7 จำนวน 1 ซอง(25 กรัม) ละลายกากน้ำตาล สารเร่ง พด.7 น้ำ 30 ลิตร ในถังหมักพลาสติก ผสมให้เข้ากันทิ้งไว้นาน 5 นาที ในช่วงรอนำพืชสมุนไพรสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ผสมลงในถังคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาไม่ต้องสนิท ทำการหมักเป็นเวลา 20 วัน หมันคนให้เข้ากันวันละครั้ง
อัตราการใช้ สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช 1 ส่วนต่อน้ำ 200 ส่วน ฉีดพ่นที่ใบ ลำต้น ทุก 20 วัน หรือในช่วงที่มีแมลงศัตรูพืชระบาดฉีดพ่นทุก 3 วันติดต่อกัน 3 ครั้ง ส่วนที่เหลือหมักทิ้งไว้ใช้ได้นาน เมื่อน้ำหมดแล้วให้ใช้กากที่เหลือบางส่วนผสมกับวัสดุเริ่มกระบวนการหมักใหม่ ส่วนที่จะทิ้งนำไปคลุมโคนต้นไม้ผลป้องกันปลวกได้อย่างดี
นายจารึก อ่ำทิพย์ กล่าวฝากถึงผู้อ่านว่า การผลิตในสวนจะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเสริมรายได้จากการรับราชการ ปัญหาส่วนหนึ่งของการทำการเกษตรคือปัญหาของโรคและแมลงศัตรูพืช แต่คงจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปถ้าเกษตรกรได้ศึกษาหาความรู้ และกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสานควบคู่กับการใช้สารสมุนไพรที่มีหลากหลายในท้องถิ่น แม้ว่าจะไม่ต้องเลิกใช้เลยในช่วงแรกแต่ขอให้ใช้อย่างถูกวิธีและปลอดภัย คือ ใช้เมื่อจำเป็นในกรณีที่พบปริมาณมากเกินกว่าศัตรูธรรมชาติจะควบคุมได้ ถ้าพบในปริมาณน้อยใช้สารสมุนไพรกำจัด และอีกไม่นานความสมดุลย์ของธรรมชาติจะควบคุมกันเองและจะเลิกใช้สารเคมีไปในที่สุด ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 7 ต.บ่อแร่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ยินดีต้อนรับอยู่เสมอนะครับ
ผู้เขียน เก็บมาฝากจากอินเตอร์เนต สบู่ดำ มะหุ่งฮั้ว ( Physio Nut , Furging Nut ) มีถิ่นกำเนิดใน Tropical America ชาวโปรตุเกสเป็นผู้นำพืชนี้เข้ามาในเอเชียและอาฟริกา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Jatropha curoas Lim . เมล็ดคล้ายเมล็ดระหุ่ง แต่ขนาดเล็กกว่าและมีสีน้ำตาลเข้ม ทุกส่วนของพืชมียาง ( latex ) ซึ่งมีส่วนประกอบเป็น resin แต่ไม่มี rubber ยางเมื่อแห้งเป็นสีน้ำตาลอมแดง เปราะ เปลือกให้สีย้อมสี้น้ำเงินเข้ม ในพิลิปปินส์ใช้ย้อมผ้า แห และด้าย สี นอกจากพบในเปลือกต้น แล้วยังพบในใบและต้นอ่อน ซึ่งเมื่อนำมาทำให้เข้มข้น จะได้เป็นก้อนสีน้ำตาลปนดำ เมื่อนำมาย้อมผ้าฝ้ายให้สีน้ำตาลและสีคงทน ในพิลิปปินส์ใช้เบื่อปลา เข้าใจว่าใบเมื่อทาแล้วทำให้ร้อนมีเลือดมาเลี้ยงเพิ่มขึ้นและขับน้ำ มีรายงานว่าใบเป็นยาฆ่าแมลง ใน Ghana ใช้ควันจากการเผาใบรมบ้าน เพื่อฆ่า beb-bugs (แหล่งสืบค้น http://www.geocities.com/clinic1991/herbe.htm)
คุณพ่อนักพัฒนา
นายแน่มาก จากเราเพื่อนเก่าแก่