บรรยากาศในตอนเช้าของอยุธยาเงียบสงบ อากาศสบายๆ ฟ้าของเช้านี้ไร้เมฆ เมื่อลงมายังห้องอาหาร หลายๆคนจัดการท้องให้อิ่มกันอยู่แล้ว นั่งคุยกับก๊วนเฮฮาศาสตร์ที่มีทั้งลุงเอก อ.ไร้กรอบ กอล์ฟ และพ่อครู อยู่ด้วยกันเป็นครู่ จนทั้งก๊วนกับน้าแห่งชาติเจอกัน จึงพากันมาที่ห้องเรียน
ริมแม่น้ำในยามเช้า
ถึงเวลาของการเรียน น้องปอทีมงานของลุงเอกให้ทุกคนเช็คอินตัวเองด้วยการตอบคำถาม ๒ ข้อ กลัวอะไร คาดหวังอะไร ตอบกันแล้วก็คืนให้ แล้วน้องปอและทีมก็นำไปจัดกลุ่มติดไว้ที่บอร์ดให้ได้อ่านกัน ต่อจากนั้น คุณสุริยะ ทูตสันติภาพ ก็โชว์ฝีมือเพลงพร้อมดีดกีต้าร์ปืนให้ทั้งห้องฟัง อารมณ์ที่ผ่อนคลายเปิดให้เกิดความสงบขึ้นในห้อง
ผู้ชี้ชวนให้ร่อนนกกระดาษสีขาวโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า
แล้วก็ถึงเวลาแห่งบทเรียนจากอาจารย์วรภัทร อาจารย์มาเป็นกระบวนกรนำพาการเรียนรู้ เริ่มต้นด้วยการเปิดพื้นที่เคาะกระโหลกของผู้เข้าเรียนปลุกต่อมเอ๊ะให้ตื่นตัวกับการทรุดตัวลงบนพื้นและก้มศีรษะลงคารวะแบบในหนังจีน
หลังจากนั้นก็เปิดประเด็นนำพาให้นักเรียนโข่งทั้งหลายเอ๊ะกับปัญญาตัวเอง สิ่งที่แลกเปลี่ยนสำคัญที่อาจารย์ชวนให้เรียนหนีไม่พ้นปัญญา ๓ ฐาน ฐานกาย-สติ ฐานใจ ฐานคิด ในขณะที่ฟังอาจารย์ฉันว่ามีหลายคนที่เห็นปัญญาของตนแล้วลงมือฝึกตนไปพร้อมกัน
ความคาดหวัง- ฐานคิด-ใช่หริอเปล่า
ความกลัวที่มีคนเดียวตอบว่า "กลัวใจตัวเอง"-ฐานใจ-ใช่มั๊ยๆ
ฝึกสำคัญที่อาจารย์ท้าทายนักเรียนโข่งและชวนเอ๊ะหนีไม่พ้น "ฝึกสิ้นคิด" แถมด้วยชี้ให้ฝึกตนมองมุมใหม่กับการศึกษาไทย รวมทั้ง "เฉโก" แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวเองให้เห็นจะๆว่า "การฝึกฐานกายให้อะไรคืนมา"
ยามค่ำคืนก่อนหลับลงมีหลายคนที่ตื่นรู้วิธีฝึก "สิ้นคิด" แล้วสามารถสร้างปัญญาให้ตัวเอง ความดีใจที่ทำได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคยทำทำให้เรื่องราวถูกนำมาเล่าสู่กันฟังในตอนเช้าวันถัดไปว่าทำได้เพราะคำว่า "สิ้นคิด" นี่แหละค่ะ
จอมยุทธที่เอื้อเวลามาเคาะกระโหลกให้รู้จัก "สิ้นคิด"
เรียนรู้ "เฉโก" กันหน่อย
มวยไทยมีเคล็ดดีๆไม่แพ้ชี่กงนะครับอาจารย์...ไม่เชื่อไปชุมพรซิครับ
อาจารย์มีงานต่อที่ร่มธรรมจึงกลับก่อน กอดอย่างอบอุ่นมอบให้แก่กันก่อนบอกลา เป็นสัญญาบอกกันว่ามิตรภาพระหว่างกันเกิดจากใจประสานใจ ใช่แค่มารยาทในสังคม
ดูก่อน..เพื่อนเอ๋ย...ว่าบรรยากาศผ่อนคลายแค่ไหน...อิอิ
เมื่อนักเรียนโข่งผ่อนพักกายสมควรแก่เวลาแล้ว กอล์ฟรับไม้ต่อนำพาเรียนรู้ความแตกต่างของผู้คนผ่านบทเรียนผู้นำ ๔ ทิศ
การรวมกลุ่มตามทิศเชื่อมสัมพันธ์คนในกลุ่มให้รู้จักปูมหลังของแต่ละคนเพิ่มมากขึ้น เสียงคุยจ๊อกแจ๊กจอแจและเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ขาด กระบวนการในภาคเช้าจบลงที่เรื่องราวของผู้นำ ๔ ทิศ
เรียน ๔ ทิศ
บ่ายเริ่มจากพ่อครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ เกริ่นเรื่องราวเกี่ยวกับโจทย์ของการเรียน หลายคนฟังเสียงนิ่มๆของพ่อครูก็พาตัวเข้าสู่การผ่อนพักตระหนักรู้
ก่อนส่งคิวต่อให้หลวงพี่ติ๊กเล่าสู่กันฟังเรื่องฮาที่ ๔ส๑ ดูแลพระ ลุงเอกจึงชวนสลับไมค์มาให้คุณต้น สุชาติ ชวางกูร โชว์เพลงเสนาะหูให้ฟัง แล้วจึงเป็นคิวของหลวงพี่ติ๊ก ซึ่งเห็นหน้าฉัน ท่านก็แซว ดูเหมือนท่านแปลกใจเหมือนเจ้านายฉันค่ะ ว่าทำอีท่าไหนจึงเข้ามาเรียนร่วมได้
ลุงเอกลุ้นนกกระดาษอยู่ข้างหลัง โค๊ชหรั่งปล่อยอารมณ์สุนทรีย์ตามเพลงไป
นักร้องเชิดหน้าปลุกใจแล้วพระก้มหน้าปลุกอะไรอยู่...ใครรู้ยกมือให้เหมือนกัน
หลังจากนั้นก็มีการนัดหมายไปเที่ยววัด อ๊ะๆอย่าเข้าใจผิด คนนัดไม่ใช่หลวงพี่ติ๊กหรอก นักเรียนโข่งเสนอกันเองเพื่อเอาฤกษ์กับวันดีเสาร์ ๕ ค่ะ ก่อนไปเที่ยวกอล์ฟชวนให้ร่วมกันสะท้อนเรื่องเรียนรู้ผ่านบทเรียน body map แล้วปิดกิจกรรม
รุ่นพี่๔ส๑.กระตุกคิดเรื่องอะไร กระบวนกรนำพาเรียนอะไร แกะรอยตามรู้หน่อยซิ
เรียนรู้ mind map มาแล้วเรียน body map บ้างเหอะ
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓
สวัสดีครับคุณ หมอเจ๊
พรรคพวกลูกจ้าง โทรมาบอกว่ากำลังเตรียมงานพรุ่งนี้อยู่ครับ
แต่ผมติดคำสั่งหมอครับไมได้ไปครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
* ตามมาขอบคุณกับถ้อยปลอบประโลมใจค่ะ
* สุขกายสุขใจนะคะ
มาแอบดูพี่หมอเจ๊ ถอดบทเรียน
จบด้วย body map...
ถอดบทเรียนแล้วคนอื่นอยากรู้ต่อ
เพราะเริ่มเห็นนกบนฟ้าร่ายปีกเริงระบำ
เลยเกิดอาการติดใจขอตามรอยต่อไปค่ะ
ขอบคุณค่ะ