การไปร่วมงานประชุมใหญ่ที่อิมแพ็คเมื่อต้นเดือนมีนาคม มีอะไรที่เอ๊ะกับตัวเองเหมือนกัน
ความรู้สึกก่อนเดินทางไปกับเมื่อไปแล้วกลับมาดูเหมือนไม่มีอะไรแตกต่าง แต่เมื่อให้เวลาตัวเอง หน่วงตัวเองให้ช้าลง ถามตัวเองซ้ำๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรต่างกลับมีอะไรที่ต่างซ่อนอยู่ลึกๆ
มีอะไรตกผลึกและเรียนรู้ที่สามารถบันทึกเอาไว้อ่านได้บ้างหรือเปล่า เป็นคำถามที่ถามตัวเองมาหลายวันก่อนลงมือเขียน
เอาเป็นว่าลองทบทวนความรู้สึกก่อนเดินทางไปร่วมดูสักหน่อยก็ไม่เลว หน่วงความคิดให้ช้าลง ค้นหาความรู้สึกให้เจอ
อืม เจอแล้ว ที่แท้ในความรู้สึกลึกๆมีความเบื่อหน่ายแฝงอยู่ เป็นความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นจากอัตตาตัวตนนำพาไป แล้วเสริมเติมต่อด้วยแง่มุมความคิดที่พาไปตกอยู่กับร่องอารมณ์นี่เอง
ความหน่ายที่ตัวตนนำพาเป็นเสียงที่ดังขึ้นมาให้ได้ยินว่า "มาลงที่เราอีกแหละ"
ความคิดที่เข้ามานำพาดังขึ้นในห้วงคะนึงเป็นคำถาม ทำนองว่า "เอ๊ะ แล้วทำไมเอ็งไม่ไปเรียนรู้ด้วยเล่า"
ดีใจกับตัวเองเหมือนกันที่เวลาได้ิยินเสียงเหล่านี้ดังขึ้นในหัว มักจะเกิดคำถามตามมาแล้วได้ใคร่ครวญ
แต่ก่อนเวลาใคร่ครวญก็จะทำแบบถามๆๆๆๆ แล้วเมื่อได้เรียนรู้ว่าการเอาแต่ถามนั้นสามารถนำพาไปสู่การตัดสินใจที่หาความลงตัวไม่ได้ก็มี ให้ผลชนะ-ชนะในทุกๆมุมและไม่เบียดเบียนกันไม่ได้ก็มี ฉันก็หันมาผสมปนเปกับการวางความคิดลงซะ วางความไม่อยากลงซะก่อน แล้วจึงใคร่ครวญ
คราวนี้การใคร่ครวญใช้การชั่งระหว่างคำถามเกี่ยวกับการไม่เบียดเบียนและการเบียดเบียนตนที่สามารถเป็นผลของความคาดหวังที่คนอื่นมีต่อตัวฉันกับการให้คนอื่นของตัวฉัน ความคาดหวังต่อตัวเองของฉันกับการรับจากคนอื่น
ผลของการชั่งเร็วๆ ทำให้คำตกปากรับคำว่า "ลงทะเบียนไปก่อน" ออกจากปากบอกตอบรับออกไป บอกไปเพื่อให้ผู้คนลดความคาดหวังว่าไปแล้วก็คงไม่สามารถอยู่ทำหน้าที่ตามคาดหวังได้ทุกวัน
ได้เห็นผลของการตัดสินใจทำให้เกิดรอยยิ้มของผู้คาดหวัง ในขณะที่ใจฉันรู้สึกเบื่อๆ การจำยอมนั่นแหละที่ทำให้เบื่อ
วันนี้ก็มาเริ่มเอ๊ะ "เบื่อ" นี่เป็นจี๊ดแบบอ่อนๆหรือเปล่า
การพาตัวเข้าร่วมงานประชุมใหญ่นี้นจึงคล้ายๆไม่ได้เอาใจไปในงานด้วย
โชคดีที่มีนางฟ้า ๒ สาวไปนอนร่วมห้องจนถึงวันสุดท้ายของงาน สาวๆจึงทำหน้าที่เป็นตัวกวนใจฉันให้เข้าที่ไปโดยที่พวกเธอก็ไม่รู้ตัว
เธอแค่วางบทร่วมทางกับฉันทุกเช้าแล้วทำให้ฉันไปถึงสถานที่จัดงานทุกวันได้แค่นี้เองแหละ ใจฉันก็เริ่มเข้าที่ลงมือเรียนรู้ ใจที่แง้มปิดด้วยความเบื่อก็เริ่มเปิดอ้าออก
ถ้าถามว่าในความเบื่อนั้น มีความอยากอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า คำตอบมันออกมาว่า มีซิ อยากเจอบรรดามวลมิตรที่เคยพบหน้าในงานหลายๆคน
ความอยากทดสอบวิธีคิดและการตัดสินใจในชีวิตให้ด้วย คิดว่าไหนๆก็เดินทางออกจากบ้านแล้วใช้เวลาให้คุ้มดีกว่า ให้เวลากับสิ่งที่ใจอยากไปซะก่อนเป็นการเติมพลังมาช่วยลดทอนความเบื่อ ตัดสินใจออกจากบ้านก่อนกำหนดการประชุม ๒ วัน เผื่อเวลาให้ได้ทำสิ่งที่ใจอยาก
แล้วก็รู้ว่าเป็นคนหลายใจอยู่ทีเดียว อยากไปเหนือก็อยากไป ไปแถวภาคกลางใกล้ๆก็อยากไป ไปแถบอีสานก็อยากไป ทบทวนแล้วก็เลือกอยู่หลายรอบ แล้วก็เลือกไม่ลงตัวสักที จนเลิกเลือก ปล่อยไว้จนคืนวันก่อนเดินทาง การเลือกจึงตกผลึกที่ตกลงใจในทันทีทันควัน มีคำตอบให้ตัวเองเสร็จสรรพ ได้หรือไม่ได้ไปไม่ว่ากัน แล้วก็ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่อยากไปแล้วจนได้ ใช้เวลาเก็บเกี่ยวพลังเติมให้ชีวิตอย่างที่ใจอยาก
ผลึกที่เก็บตกได้จากประสบการณ์ในชีวิตในครั้งนี้มีคุณค่าตรงที่ช่วยให้ฉันได้เข้าใจความรู้สึก "เบื่อ" ที่เกิดขึ้นว่ามีหลายความหมายทีเดียวเชียว
เบื่อเป็นผลของการไร้ซึ่งเป้าหมายของเส้นทางที่ชีวิตกำลังเดินไปข้างหน้า
เบื่อเป็นผลของการมีเป้าหมายของการลงมือทำที่ไม่ชัดพอ แล้วทำให้ใจไม่เปิดรับ
เบื่อเป็นผลของการรับรู้เป้าหมายของการลงมือทำแต่ใจไม่เปิดรับที่จะทำ
เบื่อเป็นผลของการรับรู้ความไม่สมหวังอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่ในความคิด
เ่บื่อเป็นอารมณ์ที่เป็นผลเบ็ดเสร็จจากการตัดสินใจเชิงซ้อน
เบื่อเป็นอารมณ์ที่เป็นผลมาจากอารมณ์จี๊ดคนอื่น
เบื่อเป็นอารมณ์เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเองเมื่อไม่ไปใส่ใจสนใจกับมัน
อืม คราวนี้ได้เรียนรู้อีกแล้วว่า อารมณ์คนนี่ซับซ้อนจริงๆ ยิ่งเติมความคิดใส่ลงในอารมณ์นี่ยิ่งไปกันใหญ่เลย
อืม การตามรู้ให้ทันความรู้สึก คือ การฝึกตนเองไม่ให้ตกเป็นทาสความคิด เป็นการฝึกแยกความรู้สึกและความคิดออกจากกัน เป็นการฝึกการห้อยแขวนเหมือนกันนิ
ทำได้ชำนาญแล้วความรู้สึกกับความคิดจะถูกห้อยแขวนไว้คนละที่ให้เห็นก่อนหยิบจับมาใช้
เมื่อไรก็เมื่อนั้นเมื่อทำได้ถึงระดับห้อยแขวนทั้ง ๒ ด้านทุกครั้ง การตัดสินใจใหม่ก็จักบังเกิดขึ้นให้จับต้องได้โดยอัตโนมัติ จริงๆนะ ขอบอก
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๓