ตึกเปี่ยมสุข


อยากจะขอบคุณความรู้สึกดีๆ ที่หมิวมอบให้พวกเราทุกคน มันทำให้บางคนโดยเฉพาะฉันมีพลังใจที่มุ่งมั่นที่จะช่วยคนอื่นต่อไป

        “ป้าจินหายไปไหนตั้งหลายวัน  วันนี้ใครจะทำแผลหนู” 

        เสียงอ้อน ๆ ดังขึ้นหลังจากฉันเคาะห้อง 1107 และเปิดประตูเข้าไป 

        เด็กสาวคนนี้ชื่อ หมิว เป็นเด็กสาวที่โชคร้ายคนหนึ่งที่ต้องหยุดเรียนแค่มัธยมศึกษา ทั้ง ๆ ที่อยากเรียนต่อ และต้องมาช่วยน้าทำงานที่โรงน้ำแข็งได้เพียง 2 วัน ขณะที่เธอโยนก้อนน้ำแข็งเข้าไปในเครื่องโม่น้ำแข็ง  ความไม่ชำนาญเกิดพลาด มือเธอไปติดอยู่ในเจ้าเครื่องนั้น ทำให้เธอต้องเสียแขนขวา และต้องเข้าห้องผ่าตัดล้างแผลหลายครั้ง ต้องทำแผลทุกวัน

          การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ช่วงแรกน้องหมิวไม่สามารถจะรับได้ เธอซึมไม่พูดไม่ยอมรับประทานอะไรเลย พยาบาลต้องกันดูแลอย่างใกล้ชิด ห้ามญาติทิ้งผู้ป่วยไว้คนเดียวเด็ดขาด ให้ญาติเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างที่ผู้ป่วยอาจจะทำร้ายตัวเอง และก็ยายผู้ป่วยลงมาชั้น 1

           ฉันจะเป็นคนเข้ามาพูดคุยกับเธอ และมารดาเรื่องธรรมะตลอด ชักจูงให้เธอสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน หาหนังสือธรรมะ และบทสวดมนต์ไปให้เธอ สัมพันธภาพระหว่างพยาบาลกับน้องหมิว ฉันรู้สึกว่ามันมากพอระดับหนึ่ง หมิวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างชัดเจน พูดคุยหยอกล้อกับพยาบาล กล้าที่จะออกมาเดินนอกตึก

          เช้านี้หมิวดูสดชื่น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ด้วยความสุข และความหวัง ข้าง ๆ เตียงมีมารดาของหมิวยืนอยู่ ภาพที่เห็นทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่า ขณะนี้หมิวมีความสุขมากด้วยมือของมารดาที่สัมผัสบริเวณหน้าผาก และลูบผมเธอไปมา ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เธอถูกทิ้งให้อยู่กับยาย มารดาเธอไปมีครอบครัว และลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบ 1 คน  หมิวเคยเล่าปัญหาครอบครัวให้ฉันฟัง อย่างน้อยมันคงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เธอได้ระบายความอึดอัดออกมา

         “ป้าจินอยู่เวรชั้นบน เลยไม่ได้มาเยี่ยมหมิวหลายวัน  วันนี้ป้าทำแผลให้ได้ไหมคะ”

         ทุกวัน หลังเวรเช้ารับเวร ฉันจะเดินเยี่ยมตามห้องทุกห้อง หมิวจะต้องมอง และคิดเองว่าวันนี้ใครจะทำแผล Stump ที่แขนขวาของเธอ คนที่เธอไม่อยากให้ทำแผลขึ้นเวรรึเปล่า แต่ถ้าพยาบาลบางคนที่เธอสนิทเธอจะถามว่าวันนี้ใครจะทำแผลให้เธอ

           “หมิวมันบ่น ป้าจินไปไหนหลายวันไม่เห็นหน้าเลย” 

           มารดาหมิวหันมามอง และพูดกับฉัน มือเธอก็ยังลูบศีรษะหมิวไปมา ใบหน้าหมิวยังคงเปี่ยมไปด้วยความสุข 

          “คิดถึงป้าแล้วสวดมนต์ตามที่ป้าบอกรึยังล่ะ เร่งปฏิบัตินะลูก ผลบุญที่หนูทำจะได้ช่วยให้ชีวิตหนูพบเจอแต่สิ่งที่ดี รู้เปล่าหมิว” 

         ฉันพูดคุยกับเธอสักครู่ก็ไปเตรียมอุปกรณ์มาทำแผลให้เธอ ระหว่างทำแผลฉันสอนมารดาพัน Stamp และแนะนำให้คอยตามเรื่องแขนเทียม   ฉันพูดคุยกับหมิวจนรู้ว่าหมิวเริ่มสวดมนต์แต่ไม่ยอมนั่งสวดมนต์ หมิวอ้างว่า แขนขวานั้นหนักมากเวลานั่ง ฉันต้องพยายามพูดคุยกับเธอให้เธอยอมลุกขึ้นมานั่งบ่อย ๆ  และให้กำลังใจเธอตลอดในการใช้แขนซ้ายเขียนหนังสือ

            “หมิวเดี๋ยวบ่าย ๆ  ออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ แล้วตอนบ่ายป้าจะเข้ามาถามอีกทีว่าหมิวไปเดินข้างนอกหรือยัง ตกลงไหม” 

           เงียบ ไม่มีเสียงตอบ หมิวหันไปมองหน้าแม่  ฉันเลยพยายามพูดให้กำลังใจเธออีกครั้ง สักครู่มีเสียงเบา ๆ ตอบว่า

           “เดี๋ยวดูก่อน”  

           ฉันพยายามสอนให้เห็นความเป็นจริงว่า ทุกชีวิตเกิดมาต้องพบกับความสุขและความทุกข์ ไม่มีใครหนีพ้น ชีวิตหมิวอีกยาวไกล ต้องพยายามสร้างบุญมารมีไว้มาก ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่นอนอยู่โรงพยาบาล มีเวลาว่างมาก ฉันสอนให้หมิวขอขมาแม่ และยายบ่อย ๆ ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก  แต่ความจำเป็นอาจทำให้หมิวต้องอยู่กับยาย  ฉันพยายามให้หมิวคิดบวกกับแม่ตัวเอง และกับชีวิตในอนาคตของหมิว 

           “หมิวมีคนที่เขาโชคร้ายกว่าหมิวอีก รู้ไหม  ป้าจินจะเล่าเรื่องคนไข้ที่เคยอยู่ห้องนี้ให้ฟัง เขาเป็นโรคข้อเสื่อมทั้งตัวเลย มีอายุแค่ 20 กว่า ๆ เอง มีลูกชายอายุ 3 ปีคนหนึ่ง อยู่ ๆ ข้อสะโพก และข้อเข่าทั้งสองข้างมันเสื่อมมาก ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก 2 ข้าง ข้อเข่าอีก 1 ข้าง แต่สุดท้ายก็นั่งไม่ได้ เดินไม่ได้ ต้องนอนกินข้าวทุกวัน เห็นรึยังว่ามีคนที่เป็นมากกว่าหมิวอีกมากมาย หมิวยังโชคดีกว่าเขาอีกมาก ยังเดินได้ ใช้มือซ้ายทำงานได้ หมิวค่อย ๆ คิดนะลูก หนูทำอาชีพเสริมสวยไม่ได้ แต่มีอาชีพอื่นอีกมาก”

           หมิวตั้งความหวังไว้ว่าหลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครอบครัวไม่สามารถส่งเรียนต่อได้ เธอจะเรียนเป็นช่างเสริมสวย ชั่งน่าเหมาะสมกับรูปร่างหน้าตาของเธอ ความหวังของเธอสลายลง  จึงทำให้เธอต้องใช้เวลาเยียวยาจิตใจตัวเอง แต่สุดท้ายหมิวก็สามารถเอาชนะความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น เธอกลับมาสู้อีกครั้ง

            หมิวฟังฉันพูดอย่างตั้งใจและดูครุ่นคิด ไม่มีคำถาม หรือคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากเธอ  ฉันจึงสัมผัสมือเธอและพูดให้กำลังใจ และให้สู้ต่อไป ฉันพยายามเล่าถึงผู้ป่วยรายอื่น ๆ ที่มีการสูญเสียที่มากกว่าเธอ โดยหวังว่าจะช่วยให้หมิวเลิกคิดว่าตัวเองโชคร้ายที่สุด

           บางครั้งฉันพบเพื่อนของหมิวมาเยี่ยม ฉันจะพยายามพูดคุยกับเพื่อนของหมิวก่อนที่จะเข้าเยี่ยมหมิว ให้เพื่อนช่วยเบี่ยงเบนเรื่องการสูญเสียแขน  ฉันสังเกตเห็นในช่วงแรกหลังเกิดอุบัติเหตุ หมิวไม่ยอมพูดกับเพื่อนนาน ๆ จะตอบออกมาสักคำหนึ่งเป็นส่วนใหญ่ 

           แต่ต่อมาหมิวก็ปรับตัวได้เรื่อย ๆ ในเวลา 3 สัปดาห์  หมิวเริ่มพูดคุย แต่ไม่มีรอยยิ้ม เวลาช่วยเยียวยาเธอได้จริงๆ หมิวปรับตัวได้ดีขึ้น มีพลังจิตที่เข้มแข็งขึ้น 

           “ป้าจินจะให้หนูสวดมนต์บทไหนบ้าง พรุ่งนี้หนูจะกลับแล้ว”

           หญิงสาวนำสมุดเล่มบางๆ พร้อมปากกามาที่หน้าเคาเตอร์พยาบาล ในช่วงที่ฉันขึ้นเวรบ่าย สัมพันธภาพระหว่างฉันกับเธอ ...วันนั้นมากพอที่จะเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ฉันรู้สึกดีใจไปกับเธอด้วย แต่ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน

            “จะกลับแล้ว ไม่คิดถึงป้าเหรอ ไปเอาหนังสือสวดมนต์เล่มที่มีรูปหลวงพ่อโต หน้าปกมาให้ป้าดูด้วยซิ ป้าจะได้บอกหนู ต้องขยันสวดมนต์บ่อยๆ นะลูก ไม่มีใครช่วยหนูได้นอกจากตัวหนูเอง แล้วป้าจินจะโทรศัพท์ไปถาม”

            หลังจากฉันพูดจบหมิวก็เดินไปตำแหน่งที่จะให้เธอสวดมนต์ หมิวบอกว่าปีหน้าแม่จะให้หนูไปเรียนต่อแล้ว ฉันดีใจกับเธอด้วยใจจริงและบอกให้เธอใช้เวลาว่างก่อนเปิดเทอมขยันอ่านหนังสือ เตรียมพร้อมไว้ก่อนจะได้เรียนทันเพื่อน

            “โชคดีนะลูก อย่าลืมทำตามที่ป้าสอนนะ พรุ่งนี้ป้าไม่ได้อยู่เวร”

           หลังจากหมิวกับบ้านได้ประมาณ 3 สัปดาห์ ฉันโทรศัพท์ไปเยี่ยมเธอตามเบอร์โทรศัพท์ที่เธอให้ไว้ เธอบอกว่าเธออยู่บ้านน้าที่โรงน้ำแข็ง ไม่ค่อยได้สวดมนต์ แต่เสียงของเธอดูสดใส เธอบอกว่าไม่เป็นไรสบายดี บอกต่อว่า วันนั้นไปโรงพยาบาลไปหาป้าจินไม่เห็นเจอเลย   ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะมาหาฉัน เธอบอกว่า วันที่ 26 นี้ หมิวจะมาหาหมออีก ฉันเลยให้เบอร์โทรศัพท์มือถือฉันไปให้ติดต่อฉันได้

          

           ตอนเช้าวันที่ 26 ฉันลืมเสียสนิทเลยว่าหมิวจะมาตรวจ หมิวโทรศัพท์หาฉัน บอกว่าจะมาหาป้าจิน ฉันต้องขอโทษเพราะฉันไปธุระต่างอำเภอ  กลับมาขึ้นเวรบ่าย พบสมุดเล่มหนึ่งวางไว้ เขียนว่าฝากให้ป้าจิน  ฉันเปิดดูด้านในความรู้สึกดีเหลือเกิน หมิวเขียนถึงป้าจิน และพยาบาลทุกคน พร้อมกับมีรูปหมิวติดมาด้วย ฉันพยายามติดต่อกลับไป แต่ยังติดต่อไม่ได้ อยากจะขอบคุณความรู้สึกดีๆ ที่หมิวมอบให้พวกเราทุกคน มันทำให้บางคนโดยเฉพาะฉันมีพลังใจที่มุ่งมั่นที่จะช่วยคนอื่นต่อไป

         เรื่องเล่าดีๆ จาก "ป้าจิน" ธนภรณ์ กุลทัพ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ หอผู้ป่วยพิเศษบรรหาร แจ่มใส1

หมายเลขบันทึก: 347381เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2010 18:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ คุณ ชาหวานเจี๋ยบ

"อยากจะขอบคุณความรู้สึกดีๆ ที่หมิวมอบให้พวกเราทุกคน มันทำให้บางคนโดยเฉพาะฉันมีพลังใจที่มุ่งมั่นที่จะช่วยคนอื่นต่อไป"

มาร่วมรับรู้ความรู้สึกดีๆที่ได้รับด้วยครับ

สวัสดีค่ะ ท่านวอญ่า

หลังจากนั้นหมิวมีอาการเครียดขึ้นอีก แม่ของหมิวโทรมาปรึกษาป้าจิน ป้าจินจึงนัดให้แม่พาหมิวมาพบแพทย์อีกครั้ง โดยคราวนี้ได้มีโอกาสพบกับจิตแพทย์ด้วย พร้อมทั้งได้ลองใส่แขนเทียม ปรากฎว่าแขนเทียมสีเข้มกว่าแขนจริงมาก หากจะทำสีให้ใกล้เคียงแขนจริงต้องจ่ายเพิ่มอีก 8,000 บาท แม่หมิวไม่มีเงิน ป้าจินจึงเป็นธุระในการระดมทุนจากพี่ๆ น้องๆ พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้หลายพันบาท ช่วยบรรเทาทุกข์ให้หมิว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท