หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง


ทั้งความรุนแรงที่แสดงออกจากทางกายและแสดงออกทางวาจา เป็นความรุนแรงที่เรารับรู้และจับต้องได้ ดูก็เห็น ฟังก็ได้ยิน แต่ความรุนแรงก็มิใช่มีเพียงเท่านั้น ยังมีความรุนแรงอีกแบบที่ดำรงอยู่และดูเหมือนว่าจะเป็นเหตุสำคัญของความขัดแย้งในสังคมไทยปัจจุบัน

      ท่ามกลางการแบ่งฝักฝ่ายที่พัฒนาไปสู่ความขัดแย้งและมีแนวโน้มจะประทุเป็นความรุนแรง...

      และในวันที่ฝ่ายหนึ่งนัดชุมนุม ทั้งสังคมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเหตุการณ์ชุมนุมนั้นจะลุกลามกลายเป็นความรุนแรง

      ไม่เฉพาะนักสันติวิธีเท่านั้นที่เรียกร้องให้การชุมชนเป็นไปอย่างสันติและไม่ก่อความรุนแรง หลายฝ่ายที่ (บอกว่า) เป็นกลางก็เรียกร้องไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากทั้งสังคม ไม่เว้นแม้กระทั่งคู่ขัดแย้ง

.....

 

      หากความรุนแรงเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ประสบกับความสูญเสีย เกิดความลำบากยากแค้น ฯลฯ ความรุนแรงมิน่าจะใช่เพียงความรุนแรงทางกายภาพเท่านั้น

      ภาพความรุนแรงที่ผู้คนคุ้นชินคือการใช้กำลังเข้าปะทะ บีฑา ห้ำหั่นกันด้วยสรรพาวุธ ทั้งมือไม้แข็งขา ปืนผาหน้าไม้ เรื่อยไปจนกระทั่งบรรดาเครื่องทุ่นแรงต่างต่างนานา ประการนี้ถือเป็นความรุนแรงที่แสดงออกจากทางกาย (กายกรรม)

      ถ้อยคำที่พรั่งพรูมาจากการปราศัย อภิปรายด้วยถ้อยคำเท็จ ส่อเสียด ใส่ร้าย เยาะเย้ย ถากถาง ทั้งผุสสวาทวาจา ประการนี้ถือเป็นความรุนแรงที่แสดงออกจากทางวาจา (วจีกรรม)

      ทั้งความรุนแรงที่แสดงออกจากทางกายและแสดงออกทางวาจา เป็นความรุนแรงที่เรารับรู้และจับต้องได้ ดูก็เห็น ฟังก็ได้ยิน แต่ความรุนแรงก็มิใช่มีเพียงเท่านั้น ยังมีความรุนแรงอีกแบบที่ดำรงอยู่และดูเหมือนว่าจะเป็นเหตุสำคัญของความขัดแย้งในสังคมไทยปัจจุบัน

      ความรุนแรงนั้นคือ “ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง” 

 

.....

 

      “ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง” หมายความว่าอย่างไร ?

      อาจารย์นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ อธิบายความหมายไว้ในทำนองว่า

      “การที่มีคนเจ็บ มีคนตาย มีคนที่ต้องพลัดพราก สูญเสีย อดอยากยากแค้น ถูกเบียดเบียนข่มเหง ฯลฯ โดยไม่มีใครคนใดคนหนึ่งกระทำแก่เขาโดยตรง แต่มันเกิดขึ้นจากการจัดการทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ฯลฯ ที่ทำให้เขาต้องถูกกระทำและตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แบบนั้น”

.....

 

 

      ชาวบ้านที่ดำรงชีวิตอยู่ในป่ามาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย วันดีคืนดีก็ถูกจำกัดการหาอยู่หากิน กระทั่งถูกโยกย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่ที่ทำมาหากินยากลำบาก

      ชาวบ้านที่ยังต้องจุดตะเกียงให้แสงสว่างหลังจากที่ต้องย้ายหมู่บ้านขึ้นไปอยู่บนหลังเขา เมื่อน้ำที่ถูกเขื่อนกักเก็บไว้สำหรับผลิตไฟฟ้าเพื่อหล่อเลี้ยงเมืองเข้ามาท่วมทับบ้านเรือนและที่ทำมาหากิน

      ชาวไร่ ชาวนา ขายนา ขายไร่ ขายวัว ขายควาย ส่งลูกหลานเรียนหนังสือหวังให้เป็นเจ้าคนนายคน แต่ส่วนใหญ่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันของพ่อแม่ เป็นได้เพียงแรงงานราคาถูกในโรงงาน

      ในขณะที่บ้านเราเป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำ สามารถส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก ส่งอาหารออกไปเลี้ยงประชากรโลก จนขนานนามตัวเองว่าเป็น “ครัวของโลก” แต่ก็มีเด็กลูกหลานคนยากคนจนอีกจำนวนไม่น้อยที่อดอยากขาดแคลน ประสพกับภาวะทุพโภชนาการอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

      ในขณะที่ประเทศมีพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากร มีคนที่มีที่ดินนับหมื่นนับพันไร่ แต่ก็ยังปรากฏว่ามีคนไม่มีที่แม้จะซุกหัวนอน ต้องเร่ร่อนค้างแรมไปตามใต้สะพาน ทางเท้า สวนสาธารณะ

      ในขณะที่เรานั่งรับประทานอาหารอย่างดีอยู่ในร้านหรูหรา พึงพอใจกับการจ่ายค่าอาหารเป็นร้อยเป็นพันบาท แต่เราก็ไม่พึงใจและรำคาญที่มีเด็กมาขายดอกไม้หรือขนมเพื่อหาเงินยังชีพในราคาไม่กี่สิบบาท

      นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง”

 

.....

 

      เรารังเกียจและชิงชังความรุนแรงที่แสดงออกทั้งทางกายและทางวาจา ก็ควรจะรับรู้เข้าใจแล้วรังเกียจและชิงชังความรุนแรงเชิงโครงสร้างด้วย

      การรณรงค์เรียกร้องมิให้ใช้ความรุนแรงทั้งทางกายและวาจาเป็นสิ่งที่พึงกระทำ แต่การเรียกร้องให้มีการแก้ไขความรุนแรงเชิงโครงสร้างก็มีความจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 345671เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2010 23:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

บางกรณีสังคมกลับเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
โดยถูกสร้างให้เชื่อว่านั่นคือความถูกต้อง ซึ่งเป็นวิถีคิดที่อันตราย

สวัสดีครับพี่หนานเกียรติ

แก้กันยาวเลยนะครับนั่น อิอิ แต่ดีนะครับผมชอบ  do it forward ช่วยกันทำให้ต่อเนื่อง สักพัก(หญ่าย)เดี๋ยวก็เป็นโครงสร้างใหม่ที่ไม่มีใครถูกมองว่าน่ารังเกียรติ ^^

ขอบพระคุณมากครับพี่ พรุ่งนี้จะทำตัวเก๋ๆไปดูคอนเสิร์ตที่เมืองกรุงคร๊าบ ^^ พี่หนานคงชอบวงเฉลียงเนาะ ;)

สวัสดีค่ะ

  • อ่านแล้วสลดใจมากกว่า
  • ในขณะที่ประเทศมีพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากร มีคนที่มีที่ดินนับหมื่นนับพันไร่ แต่ก็ยังปรากฏว่ามีคนไม่มีที่แม้จะซุกหัวนอน ต้องเร่ร่อนค้างแรมไปตามใต้สะพาน ทางเท้า สวนสาธารณะ...ความเหลื่อมล้ำของสังคม

สวัสดีค่ะคุณพี่หนานเกียรติ ^_^

ขอบคุณมากนะค่ะที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยือนกัน

“ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง” เพิ่งเคยได้ยินก็วันนี้แหละค่ะ

และจากการอ่านความหมายแล้ว

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะว่า "ความรุนแรงเชิงโครงสร้างนี่แหละที่เป็นสาเหตุสำคัญของความขัดแย้งในสังคมไทย"

หนานเกียรติครับ

  • ความรุนแรงเชิงโครงสร้างอีกอย่างหนึ่งคือความรุนแรงเชิงวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์
  • จากชาติพันธุ์ของตนที่มีคุณค่า ความดีงามในตน สืบสานกันโดยวัฒนธรรมประเพณี ถูกระบบการศึกษาตัดตอน ถูกระบบการสื่อสารโฆษณามอมเมา รู้ไม่เท่าทัน  "กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง"
  • กลายเป็นคนไม่มีรากเหง้า ดูถูกบรรพบุรุษของตัวเอง ผันตัวเป็น  "ดาวมหาลัย"กันถ้วนหน้า แต่ไม่แน่ใจจะเป็นดาวค้างฟ้าหรือดาวเปื้อนโคลนกันแน่
  • ที่สำคัญแต่ละคนเกิดความลังเล  ไม่เชื่อมั่นในพลังแห่งตน ไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ความหวัง ความเชื่อมั่นในอนาคต...แห่งตน ชุมชนตนริบหรี่เป็น "กาลละมื้อส้วย"
  • มีใครเงี่ยหูฟังความรุนแรง ทำนองนี้ไหม
ภาณุ ชอบศิลประกอบ

“...ในหมู่คนหนึ่งร้อย เมื่อคนหนึ่งคนปกครองคนเก้าสิบคน ถือว่าไม่ยุติธรรม เพราะเป็นเผด็จการ เมื่อคนสิบคนปกครองคนเก้าสิบคนถือว่าไม่เท่าเทียมเพราะเป็นคณาธิปไตย แต่หากคนห้าสิบเอ็ดคนปกครองคนสี่สิบเก้าคน (นี่เป็นเพียงทฤษฎี ในความเป็นจริงที่มีอยู่เสมอที่ผู้ปกครองมีสิบหรือสิบเอ็ดคนจากเสียงส่วนใหญ่ห้าสิบเอ็ดคน) ถือว่าเป็นความยุติธรรมอย่างแท้จริง เพราะมันคือเสรีภาพ !......... จะมีอะไรน่าขันไปกว่าความไร้สาระอย่างชัดแจ้งเช่นนี้อีกเล่า ? แม้กระนั้นสิ่งนี้กลับเป็นเหตุผลรองรับสำคัญ ในฐานะรากฐานของนักปฏิรูปรูปโครงสร้างทางการเมืองทั้งปวง...”

"...กฎแห่งความรักและความรุนแรง : ความรุนแรงที่คนจำนวนหนึ่งกระทำต่อผู้อื่นนั้น ย่อมไม่สามารถรวบรวมประชาชนเข้าด้วยกัน แต่มันทำได้เพียงประการเดียวคือ แบ่งแยกพวกเขาออกจากกันมากยิ่งขึ้นทุกที และในทันทีที่ประชาชนเหล่านั้นได้ตระหนักว่า ความรุนแรงนอกจากเป็นที่มาของความทุกข์ทรมานแล้ว ยังเป็นเรื่องไร้เหตุผลอีกด้วย เมื่อนั้นผู้ที่เคยแบกรับการกดขี่ไว้อย่างเงียบ ๆ ก็จะถูกปลุกเร้าและเกิดความรู้สึกเคืองแค้นขึ้นในทันใด ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้กำลังดำเนินอยู่ท่ามกลางพลเมืองของชาติที่มีการกดขี่ทั้งมวล ไม่ว่าการใช้ความรุนแรง หรืออดกลั้นต่อความชั่วร้าย จะเป็นประโยชน์หรือเป็นอันตรายอย่างไรหรือไม่ ข้าพเจ้าไม่รู้และไม่มีใครรู้ แต่ข้าพเจ้ารู้เช่นที่ทุกคนรู้ ว่าความรักคือความสุข ความรักที่ผู้อื่นมีต่อข้าพเจ้าเป็นพรแห่งความสุข และยิ่งเป็นมากกว่านั้น เมื่อข้าพเจ้ารักผู้อื่น ความสุขสูงสุด คือการได้รักผู้อื่น..."

(LAW OF LOVE AND LAW OF VIOLENCE : LEO TOLSTOY)

วจีกรรม...ความรุนแรงแต่งโครงสร้าง     ค่อยๆวางอารมณ์บ่มเพาะไว้

ค่อยทับถมถ่มถุยคุ้ยเขี่ยไป                  สะสมให้สถานการณ์ยิ่งบานปลาย

วจีกรรม...ทำใหม่ให้สร้างสรรค์             อัศจรรย์ปั้นเรื่องดีที่ขยาย

เสวนาหาทางออกบอกกันไป                 ด้วยจริงใจไม่ทำเช่นเห็นแก่ตัว

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ JJ 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ

 

นมัสการ พระมหาแล ขำสุข(อาสโย) [IP: 118.172.132.105] 

ขอบพระคุณที่ท่านอาจารย์แวะมาเยือนนะครับ
ในทัศนะผมมองว่าความรุนแรงเชิงโครงสร้างที่ถูกกดทับไว้ เป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดความขัดแย้งและนำไปสู่ความรุนแรง
ที่น่ากลัวมาก ๆ ของสังคมไทยที่ศาสนาเคยอยูี่ในจิตใจ มีเมตตากรุณาเป็นพื้นฐาน
จากที่เคยมองว่าเราต่างเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ไปสู่การแบ่งแยกและเป็นคนอื่น พวกอื่น 
เราไม่เคยฝึกให้เห็นต่าง และไม่เคารพความต่างของคนอื่นครับ 

 

สวัสดีครับ น้องเดย์ adayday 

เฉลียง...ชอบเหมือนกันครับ เคยฟังอยู่พักใหญ่
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ

 

สวัสดีครับ พี่ครูคิม 

มีเรื่องราวแบบนี้อีกเยอะแยะเลยครับพี่...
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ

 

สวัสดีครับ น้อง~*_PangJung_*~ 

ถือเป็นความสำเร็จของบันทึกนี้ครับ ที่อย่างน้อยที่น้องเข้าใจว่า
"ความรุนแรงเชิงโครงสร้างนี่แหละที่เป็นสาเหตุสำคัญของความขัดแย้งในสังคมไทย"
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ

 

สวัสดีครับ พี่สุเทพ ไชยขันธุ์ 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและแบ่งปันความเห็นครับ
ผมแวะไปชวนพี่ที่บันทึกให้ไปเยี่ยมบันทึกนึงของผมที่พี่พูดถึงแล้วนะครับ

สวัสดีครับ หนานภาณุ ชอบศิลประกอบ [IP: 202.149.25.241] 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและแบ่งปันเนื้อหาดี ๆ ครับ
ผมเคยอ่านงานของตอลสตอยมาบ้าง 
ได้เห็นข้อความนี้ "โดน" มาก ๆ ครับ

 

สวัสดีครับ นายวิโรจน์ พูลสุข 

ขอบคุณพี่มาก ๆ ที่แวะมาเยี่ยมครับ
ถ้าผมเข้าใจตัวเองไม่ผิด ผมพยายามเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ หนึ่งในการแก้ปัญหาความรุนแรงเชิงโครงสร้าง
รู้ทั้งรู้ว่ามิได้เกิดมรรคผลอะไร แต่ก็ยังไม่หยุดครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท